เริ่มจาก 0 คนรวย กับคนจน มองไม่เหมือนกันน่ะครับ

0 คนจน จะมองว่า ทำงานหาเงินจากลูกจ้างเป็นนายจ้าง
หรือ กู้ยืมเงินมา ทำธุรกิจ จนสำเร็จ

0 คนรวย มีเงินลงทุน พร้อม ล้มเมื่อไหรก็ได้ ไม่ต้องเครียด
เพราะ ก็ยังมีกินมีใช้อยู่ดี


ถ้าจาก จขกท ถาม

ที่บ้านให้เงินหลักล้านลงทุน
ผมมองว่า เริ่มจาก 0 ครับ

เพราะผม คนรวย

เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ไม่ได้ต่อยอดจากธุรกิจเดิม ยังไงมันก็เริ่มต้นจาก 0 นั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับมีเงินลงทุนเท่าไหร่ หรือจะทำธุรกิจใหม่ แต่ไม่มีเงินลงทุนซักบาท ถึงจะเริ่มต้นจาก 0 จริงๆ

เรียกว่าปั้นธุรกิจนี้มาด้วยตัวเองดีกว่า เริ่มจาก0 คงไม่ใช่

มันก็คือเริ่มจาก 0 นั่นแหละครับ เพราะเริ่มทำธุรกิจเองตั้งแต่ต้น

แต่แค่เงินทุนเขาสามารถขอการสนับสนุนจากพ่อแม่ได้

ถ้าขอมาลงทุน มันก็ไม่ได้เริ่มจากศูนย์แล้วปะ

ถ้ายืมมาลงทุน แล้วคืนพ่อแม่จากที่ยืมไป (เปลี่ยนจากกู้ธนาคาร มาเป็นกู้พ่อแม่แทน) ถึงจะบอกได้ว่าเริ่มต้นจากศูนย์

รำคาญพวกล้มบนฟูก แล้วมาเที่ยวพูดสวยหรู เหมือนตัวเองลำบากมาตลอด

ถามว่าเริ่มจาำ 0 ไหม แค่เงินที่ได้มาก็ไม่ 0 แล้ว ถึงถ้าจะบอกว่ามันไม่ประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ล้มบนฟูกพร้อมกลับมาลงทุนธุรกิจที่จะได้ผลตอบแทนสูงอยู่ดีเพราะมายด์เซ็ทมันต่างกัน ให้คนจนเงินเท่ากันส่วนใหญ๋ทำไม่ได้แน่นอนเพราะอะไรถ้าเค้าลงทุนหมดก้อนนั้นแล้วมันไม่รอดคือชีวิตไม่รอดด้วย มันถึงคิดต่างกันไง

จะขอตังพ่อแม่ เมีย ญาติ มาทำธุรกิจหรือลงทุนแล้วสำเร็จอยากโม้ก็โม้ไป แต่อย่ามาบอกว่าเริ่มจาก 0 ก็พอ คนที่พ่อแม่หรือใครก็ตามสามารถซัพพอร์ตเงินเป็นล้าน(ส่วนใหญ่ให้มากกว่า 1 ครั้งทั้งนั้น) สภาพสังคม คอนเนคชั่น ความกดดัน มันได้เปรียบกว่าคนธรรมดาที่ไม่มีทุนตรงนี้เยอะ คนพวกนี้คิดแล้วทำได้เลยลองผิดลองถูก เพราะรู้ว่าต่อให้พลาดเสียเงินทั้งก้อนครอบครัวก็ไม่เดือดร้อน ผิดกับคนธรรมดาที่กว่าจะทำสักอย่างต้องคิดโคตรหลายรอบบางทีอาจจบที่ไม่ได้ทำ ถ้าดูแล้วความเสี่ยงเยอะ เพราะถ้าพลาดทีมันอาจจะหมายถึงพาทั้งครอบครัวล้มลงไปด้วย

พวกนี้บางทีคำว่าเริ่มจากศูนย์คือ กูไม่เคยทำมาก่อนเฉยๆ
ไม่เคยเปิดร้านกาแฟมาก่อนเลย แค่เป็นคนชอบกินกาแฟมาก แต่หาร้านที่ถูกใจเรายาก ก็เลยเอาวะ เปิดเองเลยดีกว่า เริ่มจากศูนย์เลย

ประมาณนี้ ไม่ได้นับเรื่องทุนน่ะ

เลข 0

6 ตัวไง