แล้วอะไรคือ CK

CK ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของการที่ว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศเราไม่พร้อมฟังบริบทแบบนี้อะ

คือสิ่งที่แกพูดมันจริง แต่วิธีการพูดแกมันไม่โน้มลงมาโอ๋คนสักนิดเดียว(จริงๆมันก็ไม่จำเป็น)

ซึ่งจริงๆมันเป็นประโยชน์นะ มันทำให้หลายคนคิดได้ แต่มันก็ทำให้หลายคนรู้สึกว่าถูกว่า ถูกตำหนิอะไรงี้

จิงๆ ก็เข้าใจชาวเน็ต

เพราะเห็นหลายๆเม้น ก็แซะคืนประมาณว่า ตัวเองไม่ได้ต้องการประสบความสำเร็จ แค่ต้องการมีความสุขไปวันๆ ก็พอใจแล้ว

มันก็แล้วแต่คนอะ

แต่ถ้าคนที่อยากประสบความสำเร็จ คำที่ck แนะนำ ก็อาจจะนำไปใช้ได้จริงแหล่ะมั้ง

คือ คำพูดเค้าฟังดู ไปตำหนิคนอื่น ไปเสือกชีวิตคนอื่นเกินไป เลยรู้สึกต่อต้าน

เรื่องทุกอย่าง มันแล้วแต่ละคนจะตีความในแบบของตัวเองเลยนะ

บางคน ฟังมาเรื่องเดียวกัน ตีความไปคนละแบบ ก็ประสบความสำเร็จในเส้นทางตัวเองได้

หรือ บางคน เลียนแบบ กันทุกอย่าง แต่ก็ใช่ จะประสบความสำเร็จกันทั้งหมด

ดวงจริงๆเลย

กับ อีกคำนึง ที่ผมมักใช่บ่อยๆ

"เกิดมาเพื่อสิ่งนี้"

ผมเจอกับตัวเลย ทำเหมือนกันทุกอย่าง เป็นคนสอนด้วย แต่ไอคนที่เอาไปทำนั้น ได้ดีกว่าผม ในแบบ งงๆ

ผมพยายาม นานพอดู มันแค่เดือนเดียว ชห.

แต่ไม่โกรธนะ ดีใจด้วย ว่าเออ มันยืนยันได้ว่าสิ่งที่เราคิด เราทำ นั้นมันถูก แต่แค่ไม่ถูกคนแค่นั้น

ผมรู้สึกว่าการพูดอะไรแบบนี้ที่เป็นเชิงตำหนิแล้วเรียกคอนเทนท์ ในสมัยนี้มันจะอยู่ยากขึ้นมากๆแล้ว

เพราะสังคมมันเปิดกว้าง ผมว่าประชากรส่วนใหญ่ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ต เริ่มรู้แล้วว่าการประสบผลสำเร็จ

มันไม่ได้ขึ้นที่ตัวเรา 100% เราได้เห็น ความเป็นอยู่ของหลายชนชั้น คนที่ขยัน คนที่เก่ง แต่ไม่ประสบผล

สำเร็จเยอะมาก ยังไม่รวมหลายสาขาวิชาชีพมันใช้สูตรสำเร็จในการพัฒนาตัวเองไม่เหมือนกัน

และยิ่งเป็นการพูดกว้างๆ แบบยังไงกุก็ไม่ผิด ให้ไปตีความกันเองแบบนี้ คนสมัยใหม่จะมองว่าเก่งไม่จริง

การทำไลฟ์โค๊ชแบบพูดหว่านแห ว่าทุกคนเป็นเหมือนบริบทเดียวกันหมดมันจะขายยากขึ้น

มันจะโดนแรงต้านเป็นธรรมดา หลายคอนเทนท์ที่เค้าพูดผมก็ชอบนะ และไม่เห็นด้วยหลายอันเหมือนกัน

และรู้ว่าสักวัน ต้องโดนแบบนี้แน่ๆและก็โดนจริงๆ

ในเชิงการตลาดผมเห็นด้วยครับ คือจริงๆมันมีตัวอย่างอยู่แล้ว มีผลลัพธ์มาก่อนแล้ว

คนส่วนใหญ่ไม่พร้อมฟังอะไรแบบนี้ คุณก็ยังเผยแพร่สู่สาธารณะ คิดว่าสักวันต้องโดนเหมือนกัน


จริงๆในวงแคบๆ วงการ life coach จริงๆ ที่ไม่ได้พูดเอาคำคม เขา coaching กันแบบนี้แหละครับ เพราะผมก็เป็นทั้ง coach และ coachee ในสถาบันนึง

คือมันจะต้องมี commitment ว่า coach ถูกเสมอ แล้วก็จะเอาความจริงตอกหน้าเรื่อยๆ จนกว่า coachee จะยอมรับได้และไปจัดการสิ่งที่ coach บอก เพราะทุกคนรู้ว่าสมองมันจะโยงไปเรื่องการโทษเลยต้องดึงสติกันอย่างดีก่อนเริ่ม

แต่วิดีโอพวกนี้คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้มา commit อะไรกับคุณเลย เขาต้องมาเลื่อนผ่าน และมีสิทธิที่จะอารมณ์เสียเพราะเจอคลิปคุณอะไรงี้ คือไม่ได้เข้าไปดูในเพจ และมันรันมาเอง

โอ้วขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล




ผมเห็นด้วยกับตรงนี้มากๆเลยนะ คือถ้าโค๊ชกันในพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่ของโค๊ชเอง ไม่ว่าจะเป็นการสมนา ลงคอร์ส หรืออะไร

ผมรู้สึกว่า มันคือการคัดคนที่จะมาแก้โจทย์ปัญหาชีวิตแบบใกล้เคียงกันมันทำให้ คนพูดคอนโทรลตัวแปรได้ในระดับนึงเลย

แต่สุดท้ายแบบนี้ก็ดีครับ ชาวเน็ตจะได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่า ทุกอย่างที่พูดมีผลลัพท์ตามมาเสมอ อยู่ที่เค้าจะรับผิดชอบคำพูดได้ยังไง

ประเทศเราเจริญยากครับ

หลักๆ เขาแค่อยากให้ ทุกคนบริหารจัดการเวลาให้เป็นนั่นแหละ พ้อยมันอยู่แค่ตรงนี้เลย

วันที่คุณบอกไม่มีเวลาๆ ถ้าตังสติหน่อยก็ลองมาพิจารณาตัวเองว่า เราไม่มีเวลาจริงๆเหรอ หรือแค่ข้ออ้างในการขี้เกียจ แล้วถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็มาคิดสเต็ปถัดไปว่า นี่เราจะไม่มีเวลาตลอดชีวิตเลยเหรอ แล้วทำยังไงจะมีเวลาล่ะ ไม่ต้องไปคิดเรื่องเอาเวลาพัฒนาความสามารถหรอก เอามาทำอย่างอื่นก็ได้ เช่น ออกกำลังกาย ดูแลครอบครัว เล่นกับลูกๆ

แต่มันก็ขึ้นอยู่กับใจแหละ ว่าเราอยากมีเวลาทำอะไร เลือกเอาเอง แบบที่ไม่ต้องมาบ่นในภายหลัง