แพทย์ จุฬาฯ ปรับหลักสูตรใหม่ 67
ลดนิสิตเครียด ไม่ตัดเกรด A-F
ประเมินใหม่เป็น S/U หรือ "ผ่าน/ตก" เริ่มปีหน้า!
.

เช้าวันนี้ที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จัดแถลงข่าว "MDCU Change for the Better" หนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การพูดถึงการเปลี่ยนเกณฑ์ประเมินผลสำหรับนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
.

โดยหลักสูตรปรับปรุงใหม่ 2567 จะมีการปรับปรุงการประเมินผล ไม่ใช้ระบบ A-F อีกต่อไป แต่จะให้เป็น “ผ่าน/ตก” หรือ “S/U (Satisfactory/Unsatisfactory)” เพื่อลดความเครียดที่ไม่จำเป็น เช่น การแข่งขัน เป็นต้น

โดยมีงานวิจัยว่า การเรียนแบบไม่มีเกรด ช่วยลดระดับความเครียดของผู้เรียน ให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น โดยที่ผลการสอบและพฤติกรรมการเรียนการปฏิบัติงานไม่ได้ลดลง ซึ่งในปัจจุบันโรงเรียนแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีโรงเรียนที่ตัดเกรด A-F ไม่ถึง 15% ของโรงเรียนแพทย์ทั้งหมด
.

ระบบใหม่ จะประเมินผลจาก “ความเป็นเลิศทางการศึกษา (Excellence)” 12 ประการ วัดผล 3 ด้าน คือ

✅ความเป็นเลิศด้านวิชาการ (academic)

✅ความเป็นเลิศด้านสมรรถนะและการปฏิบัติงาน (competency and performance) ได้แก่ การสัมภาษณ์ประวัติ ตรวจร่างกาย และวินิจฉัยโรค การรักษาผู้ป่วย และการทำหัตถการ เป็นต้น

✅ความเป็นเลิศด้านความเป็นวิชาชีพ (professionalism) ได้แก่ พฤติกรรมในการเรียนการปฏิบัติงานการเรียนและการทำงานเป็นทีม และการทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ
.

ดังนั้นเกณฑ์แบบใหม่นี้ ไม่ใช่แค่วัดความรู้ แต่ยังพัฒนาพฤตินิสิยที่เหมาะสมกับความเป็นแพทย์ด้วย
.

สำหรับน้องๆ ที่กังวลว่า ถ้าประเมินได้ "ตก" จะเกิดอะไรขึ้น และจะยังมีเกียรตินิยมอยู่หรือไม่?
.

ทางคณะฯ ยืนยันว่ายังมีเกียรตินิยมอยู่ โดยพิจารณาจาก ความเป็นเลิศทางการศึกษา (Excellence), ไม่เคยได้ U, ไม่เคยถูกตัดคะแนนความประพฤติ และศึกษาในระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการได้ผลประเมิน "ตก หรือ U" คณะก็จะมีการช่วยเหลือก่อนประเมินให้ U ไม่ว่าจะเป็น การประเมินระหว่างเรียน หรือ การให้สอบแก้ไข ดังนั้น ถ้านิสิตปฏิบัติครบตามเงื่อนไข ก็ผ่านได้ทุกคน
.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.dek-d.com/tcas/63900/

ถ้าหมอน่ะ เห็นด้วย
ใครไปคลินิก แล้วถามหมอไหมล่ะ คุณหมอจบเกรดอะไรครับ?


ปล. แต่จะไปมีปัญหาเรื่องพิจารณาการเรียนต่อเฉพาะทางอยู่นะ

ส่วน สาขาผม ขอเกรดไว้คัดก่อนนะ

ตก ไม่แห่กันโดดตึก ผูกคอตาย รึ

คณะสายสุขภาพอื่นขอด้วยจั๊บ

ไปต่อเด๊นกับเฟลโลที่รามากันบ้างนะครับ

จะคัดเด้นยังไงละทีนี้

PMT

นิสิตแพทย์ไม่เครียดก็ดี แต่ถ้าจบมาแบบไม่มีคุณภาพ เราๆท่านๆนี่แหละที่เอาชีวิตและสุขภาพของเราไปเสี่ยงแทนชีวิตเค้า

ตอนโทรจองคิวพาแฟนไปตรวจที่ รพ.ศิริราช ปิยะการุณ

เจ้าหน้าที่ถามเลยฮะ ว่าจะเลือกนัดตรวจกับ อ.แพทย์เฉพาะทางเลยไหม ซึ่งค่าปรึกษาก็จะต่างกับหมอทั่วไปอยู่นิดหน่อย

พอลองเอาชื่อไป search ดู โปรไฟล์ ก็สุดฮะ ไปต่อเฉพาะทางที่อเมริกามา

..

เสริมอีกเรื่อง

ผมได้พาแฟนไปคลีนิคเสริมความงามเจ้าดังที่นึงมา ลองเอาชื่อหมอไปค้นดู บางคนเป็นแพทย์ทั่วไป แต่ผ่านการอบรมคอร์สสั้นๆด้านผิวหนังมา ถ้าเลือกได้ก็อยากได้ที่จบเฉพาะทางมาเลยดีกว่า

จริงๆก็เห็นด้วยกับทุกคณะ แต่มันก็ต้องมีมาตรฐานด้วย

ซึ่งถ้าออกแบบกันมาดีดี มีอะไรตรวจสอบได้ ก็โอเคหมด

เรื่องการศึกษาชอบสไตล์ฝรั่งมากกว่า ฝั่งเอเชียโหดไป และโดยส่วนตัวคิดว่าไม่ effective เท่าฝรั่งด้วย

ถ้าจบมาแล้ว Performance โดยเฉลี่ยไม่ตก ซึ่งอ้างอิงตามงานวิจัยเคสนี้ไม่ตก ก็เห็นด้วยครับ

แต่ถ้าสาขาอื่นๆจะนำไปใช้แต่ Performance ตก อันนี้ไม่เห็นด้วย

ก็ดี เพราะแพทย์ที่ควรตรวจ ควรเป็นเฉพาะทางนั้นๆมากกว่า

ส่วนเรื่องเบสิกแค่ผ่านก็เพียงพอ

อยากให้เป็นแบบนี้ทุกที่ การตัดแบบเกรดเป็นการกรดดันมากกว่า

อาจจะเครียดกว่า A-F ก็ได้นะ ถ้าเจอ อ. เป๊ะๆ
ถ้าไม่เนี้ยบจริง อ.บางคน จับ long case ตกหมด

เครียดอยู่ดีแหละ ยิ่งมีสองตัวเลือก ผ่าน/ตก คนจะเข้มมันก็เข้มให้ผ่านยากอยู่ดี

อีกเรื่องคือช่วยไปทำให้อาจารย์แพทย์ดีต่อใจคนฝึกเถอะ ให้มีใจเป็นครู เอ็นดูเหมือนเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน