ช่วงสิบกว่าปีที่แล้ว แมนซิตี้ดึงสมองฟุตบอลมาจาก บาร์เซโลน่า รีลมาดริด ฯลฯ เป็นเรื่องปกติของทุกอุตสาหกรรม เช่นอุตสาหกรรมน้ำอัดลมที่ดึงตัวคนเก่งกันไปมา

ถึงเวลาแมนยูดึงคนเก่งมาจากแมนซิตี้อีกครั้ง หลังจากที่ในอดีตเคยดึงตัวแมตส์ บัสบี้ มาจากแมนซิตี้ เป็นวิธีซื้อknow howที่เร็วที่สุด แมนซิตี้มีสมองฟุตบอลอีก10กว่าคนคงไม่กระทบอะไร ขณะที่แมนยูเริ่มที่1คน แต่ยังดีกว่าไม่ได้เริ่ม

โดยนักข่าวtierสูงที่แม่นยำเรื่องกฏ ยืนยันว่า เบร์ราด้า ที่เป็นCOOดูแลภาพรวมของซิตี้กรุ๊ป (ไม่ได้นั่งทำงานประจำที่แมนซิตี้อย่างเดียว) จะไม่เกี่ยวข้องกับคดี115ของสโมสรแมนซิตี้




เราลองมาดูประวัติและเรื่องราวของ ‘โอมาร์ เบอร์ราด้า’ ว่าที่ CEO คนใหม่ของแมนฯ ยูไนเต็ดเท่าที่ทราบคร่าวๆ (จะมาทำงานในช่วงซัมเมอร์ ต่อจากแพทริค สจ๊วร์ต CEO รักษาการ)

- เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ในอดีตเคยทำงานให้กับบริษัทคมนาคมในอิตาลี ชื่อ Tiscali ในฐานะผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ

- เคยอาศัยอยู่ใน 6 ประเทศ และมีความเชี่ยวชาญถึง 4 ภาษาด้วยกัน

- จากนั้นทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายสปอนเซอร์ (Head of Sponsorship) ให้กับบาร์เซโลน่า ก่อนขยับมาทำงานให้กับแมนฯ​ ซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง ผู้อำนวยการด้านการขายเชิงพันธมิตร (Director of Partnership Sales) จนกระทั่งมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer , COO) เมื่อปี 2016 ซึ่งดูแลทั้ง City Football Group หรือรวมถึงสโมสรพันธมิตรของแมนฯ​ ซิตี้ด้วย



- Mike Keegan (Daily Mail) , Sam Lee (The Athletic) ระบุ นี่คือตัวเต็งที่จะขึ้นเป็น ผอ. กีฬา คนต่อไปของแมน​ฯ ซิตี้ ต่อจาก ซิกี้ เบกิริสไตน์ และนี่คือบุคลากรที่สำคัญมาก ที่อยู่เบื้องหลังการดีล เอร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งอย่างที่เราทราบจากบทสัมภาษณ์ของฮาแลนด์เองว่า ดีลนี้ถูกเตรียมตัวมาเป็นปีๆ ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง แสดงให้เห็นถึงการบริหารงานเชิงกีฬาที่รอบคอบ และการวางแผนเตรียมการที่ดีมาก ของ ‘เรือใบสีฟ้า’ รวมถึงอีกหนึ่งดีลที่สำคัญของซิตี้ คือการดึงแจ็ค กรีลิช มาจากแอสตัน วิลล่าด้วย

และการพัฒนาระบบเยาวชน และ ‘ขาย’ นักเตะเยาวชนให้ได้ราคา อาทิ การขาย เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด ผู้รักษาประตูที่ยังไม่เคยขึ้นทีมชุดใหญ่ ไปให้กับเบิร์นลี่ย์ ด้วยค่าตัวแพ็คเกจรวม 19 ล้านปอนด์ ซึ่งได้ราคาแพ็คเกจรวมสูงกว่าที่แมนฯ ยูไนเต็ด ขาย ดีน เฮนเดอร์สัน ไปให้กับคริสตัล พาเลซ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ซึ่งนั่นยังไม่รวมถึงดีลการปล่อย โคล พาลเมอร์ ให้กับเชลซี และเคยปลุกปั้น โรเมโอ ลาเวีย ซึ่งซิตี้ก็มีรายรับเข้ามาเช่นกันจากดีลเหล่านี้



- พัฒนาทีมใน City Football Group 100 ชุด จาก 11 สโมสร ใน 5 ทวีป

- David Ornstein (Tier 1 , The Athletic) ระบุ เบอร์ราด้า ปฏิเสธข้อเสนอจากทีมในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ และ ทีมอเมริกันฟุตบอล NFL มาตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่สำหรับโอกาสในการมาทำงานให้กับยูไนเต็ด เป็นเรื่องที่เขา ‘ทรมานใจ’ แต่ก็เป็นโอกาสที่ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน

- Sam Wallace (Tier 2 , Telegraph) ระบุว่า เบอร์ราด้า อาจจะมีส่วนสำคัญในการเลือก ผอ.กีฬา (Sporting Director) คนต่อไปของสโมสร

ที่มา ดูบอลกับแนท

จะเป็นนาชาหรือป่าวพี่แกเกลียดแมนยูเข้าเส้น

ทรมานใจในที่นี้หมายถึงความเป็นทีมเพื่อนบ้านกึ่งอริกันด้วยรึเปล่าเลยคิดหนัก เพราะแฟนแมนซิบางส่วนก็อาจมองว่าเป็นคนทรยศก็ได้ ซึ่งคนทำงานซิตี้มานานก็ต้องรู้สึกผูกพันธ์กับสโมสรอยู่แล้ว แต่ในอีกมุมด้านหน้าที่การงาน เมื่อมีโอกาศได้เติบโตในตำแหน่งที่สูงขึ้น อำนาจในการบริหารเพิ่มขึ้นแถมแบรนด์แมนยูมันก็ยังขายได้ พอชั่งน้ำหนักกันแล้วและเทมาทางแมนยูก็แสดงว่าเขาก็คงมองแล้วว่าการเป็นCEOมันส่งผลต่อCareer Pathในชีวิตและอนาคตเขามากกว่า

รับงานนี้ นี่ดาบ 2 คมนะในแง่โดนวิจารณ์ในอนาคต

แมนยูกลับมาได้ จูดาส

แมนยูเละเหมือนเดิม นาตาชา

พูดได้ 4 ภาษานี่ภาษาอะไรบ้างทราบไหมครับ

ตามนิสัยโอมาร์เห็นว่าชอบความท้าทายครับ ตั้งแต่สมัยเรียนวิศวะที่อเมริกา แล้วดร็อบเรียนเพื่อเปลี่ยนไปเรียนธุรกิจ (ชอบฟุตบอลเลยได้ทำงานกับบาร์เซโลน่า) ถ้ามาแมนยูได้เลื่อนทันที4ขั้น  ตำแหน่งสูงมากเงินเดือนสูงมากไม่น่าใช่สายลับครับ



พูดได้คล่องแคล่วน่าจะเป็นสเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ อาหรับครับ

ผมแซวครับ

สนใจลิเวอ ยุค คล๊อป มะ แหะๆ