นักเตะเพียงคนเดียว ที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เซ็นสัญญาคว้าตัวมาร่วมทัพทันที โดยไม่เคยดูฟอร์มด้วยตาตัวเอง แม้แต่นาทีเดียว มีชื่อว่า "เบเบ้"
แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้จักเขาดี นี่คือนักเตะในตำนาน และกลายเป็นมุกตลก ให้โดนล้อกันอยู่หลายปี
พ่อแม่ของเบเบ้ เป็นชาวเคปเวิร์ด หมู่เกาะเล็กๆ ที่อยู่ในทะเลแอตแลนติก แต่ทั้งคู่อพยพมาทำงานที่โปรตุเกส และคลอดลูกชายที่นี่
คุณพ่อฟรานซิสโก และ คุณแม่ดีโอลินดา ตัดสินใจ "ทิ้งลูก" โดยฝากเบเบ้เอาไว้ให้คุณยาย ที่อาศัยอยู่ในชานเมืองลิสบอน แต่คุณยายก็เลี้ยงไม่ไหวอีก ตัดสินใจเอาเบเบ้ไปปล่อยไว้ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ตอนแรกคุณยายสัญญาว่า จะฝากไว้แค่ 2 สัปดาห์ แต่สุดท้ายคุณยายไม่เคยกลับมาอีกเลย
เบเบ้จึงเป็นเด็กที่ไม่มีญาติมิตร และต้องใช้ชีวิตอย่างลำพังในศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตลอดนับจากนั้น
ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า เบเบ้เริ่มรู้จักฟุตบอล ด้วยการเล่นกับเด็กๆ ในวัยเดียวกัน และไม่นานนัก เขาก็เล่นเก่งขึ้น มีเทคนิคแพรวพราว จนได้โอกาสสังกัดทีมเยาวชนท้องถิ่นที่ชื่อ ลูเรส
พฤษภาคม 2009 เบเบ้ ในวัย 19 ปี ถูกสมาคมฟุตบอลโปรตุเกส เชิญมาร่วมแข่งขันในรายการ "ยูโรเปี้ยน สตรีต ฟุตบอล เฟสติวัล" หรือศึกฟุตบอลคนไร้บ้านชิงแชมป์ยุโรป โดยจะเลือกคนไร้บ้าน พวกโฮมเลส หรือเด็กกำพร้า รวมทีมทำการแข่งขัน
ในรายการนี้ เบเบ้ ปล่อยของเต็มที่ ด้วยการยิงไป 40 ลูกใน 6 นัด เขาเล่นดีมาก จนสโมสรในดิวิชั่น 3 ของโปรตุเกส ชื่อเอสเตรล่า ยื่นข้อเสนอดึงเขามาเล่นเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
เบเบ้ได้โอกาสกับทีมอาชีพ แต่ความจริงที่ต้องยอมรับคือ เขาไม่เคยเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลใดๆ มาก่อนเลย ไม่เคยลงคอร์สเรียน ไม่เคยอยู่ในระบบเยาวชน ทุกอย่างที่ผ่านมา เขาเอาตัวรอดด้วยพละกำลัง และสัญชาตญาณทั้งนั้น
ตอนแรกเบเบ้ ไม่อยากย้ายไปเล่นที่เอสเตรล่า เพราะเขาสบายใจกับชีวิตในศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาไม่กล้าออกไปเจอโลก อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สโมสร กับ ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า อยู่ห่างกัน 2 ชั่วโมง เขาจึงตัดสินใจว่า งั้นไปเล่นฟุตบอลก็ได้ แต่ขอนั่งรถ ไป-กลับ ละกัน
เบเบ้ถือว่าเป็นเด็กดีที่ใครๆ ก็รัก นอกจากจะฝึกซ้อมอย่างหนักกับสโมสรแล้ว พอซ้อมเสร็จกลับบ้าน เขาก็ไปช่วยทำความสะอาดให้ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก ถือเป็นเด็กหนุ่มที่อุทิศตัวอย่างมาก
เบเบ้ลงเล่นที่เอสเตรล่า 1 ซีซั่น ยิงไป 4 ลูก ทุกอย่างกำลังดูดี แต่เขาก็ต้องกลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์อย่างกะทันหันในปี 2010 เหตุผลเพราะสโมสรเอสเตรล่าล้มละลาย ไม่จ่ายค่าจ้างเขา 4 สัปดาห์ติด สัญญาจึงถูกฉีกโดยอัตโนมัติ นั่นให้สโมสรวิตอเรีย กีมาไรช์ เซ็นเขามาใช้งานต่อฟรีๆ แบบไม่มีค่าตัว
วิตอเรีย กีมาไรช์ เซ็นเบเบ้ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 และจับเบเบ้ที่ตอนนั้นอายุ 20 ปี ลงเล่นปรีซีซั่น
ปรากฎว่าช่วงปรีซีซั่น เบเบ้เล่นได้ดีมาก ยิงไป 5 ลูกจากการลงสนาม 6 นัด
วิตอเรีย กีมาไรช์ เห็นว่านักเตะน่าจะรุ่ง จึงตั้งค่าฉีกสัญญาไว้สูงถึง 9 ล้านยูโร (7.4 ล้านปอนด์) ถ้าใครอยากได้ ก็จ่ายมาเลย
จุดเด่นของเบเบ้ คือ "ทักษะเอาตัวรอดแบบข้างถนน" โดยไปเซา โค้ชของทีมเอสเตรล่า อธิบายว่า "นักเตะยุคนี้มีเบ้าหลอมมาจากอะคาเดมี่ของสโมสร ทำให้เบเบ้แตกต่างจากคนอื่น เขามีจินตนาการที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ"
เบเบ้ ถูกจับตามองจากหลายทีมในยุโรป และหนึ่งในนั้น คือเรอัล มาดริด ที่เพิ่งได้ตัวโชเซ่ มูรินโญ่ ไปเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ คือถ้านักเตะคนไหนมูรินโญ่รู้สึกชอบ ก็การันตีได้ว่า ไม่ใช่ผู้เล่นไก่กาแน่นอน
เมื่อเบเบ้มีข่าวกับหลายทีม แมนฯ ยูไนเต็ด จึงส่งแมวมองไปดูฟอร์มเช่นกัน และแมวมองส่งรายงานกลับมาให้เซอร์อเล็กซ์ว่า "เราควรจับตาดูเด็กคนนี้ดีๆ"
จากนั้นคาร์ลอส เคยรอซ ผู้ช่วยผู้จัดการแมนฯ ยูไนเต็ด ก็แนะนำเฟอร์กี้เช่นกันว่า ให้ซื้อเลยดีกว่า เพราะราคาก็ไม่ได้แพงเกินไป ดาวรุ่งยุคนี้ ถ้าเป็นพวกมีพรสวรรค์ก็ราคาเรตนี้ทั้งนั้น
ปัญหาคือ ตั้งแต่คุมทีมมา เฟอร์กี้ไม่เคยซื้อนักเตะที่เขาไม่ได้ดูฟอร์มด้วยตัวเองแม้แต่คนเดียว คือมันต้องผ่านตาเขาก่อนสัก 1-2 ครั้ง คอนเฟิร์มชัดๆ ว่าเป็นของจริงแน่ๆ ถึงจะยอมซื้อ
แต่ด้วยความที่เบเบ้ ตกเป็นข่าวว่าโดนทีมใหญ่รุมสนใจ ทั้งเรอัล มาดริด และ เบนฟิก้า แปลว่าถ้าแมนฯ ยูไนเต็ด อยากได้ก็ต้อง Take Action ให้เร็วที่สุด ก่อนโดนแย่ง นั่นทำให้เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจทำผิดกฎของตัวเองเป็นครั้งแรก นั่นคือยอมซื้อนักเตะ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นฟอร์มด้วยตาตัวเอง
ส่วนหนึ่งคือเฟอร์กี้เชื่อว่า ถ้าหลายๆ ทีมสนใจพร้อมกัน ก็ต้องเป็นนักเตะที่โอเคอยู่นั่นล่ะ นอกจากนั้น ตัวเขายังเคยมีประสบการณ์ปั้นตัวรุกโปรตุเกส ให้ประสบความสำเร็จมาแล้วสองราย คือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ (2003) และ นานี่ (2007) ดังนั้น การจะปั้นเบเบ้ให้ยิ่งใหญ่อีกสักคน ก็อยู่ในข่ายของความเป็นไปได้
แมนฯ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอ 7.4 ล้านปอนด์ เพื่อฉีกสัญญาเบเบ้ กับวิตอเรีย กีมาไรช์ ทันที ซึ่งวิตอเรีย กีมาไรช์ จึงได้เงินเข้ากระเป๋าฟรีๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ส่งนักเตะลงเล่นเกมทางการสักนาทีเดียวด้วยซ้ำ
ตอนแรกที่เบเบ้ได้ยินข่าวกับแมนฯ ยูไนเต็โ เขานึกว่าเป็นเรื่องตลก เบเบ้เล่าว่า "ผมได้ยินข่าวว่าแมนฯ ยูไนเต็ดสนใจมาเป็นสัปดาห์ ผมคิดว่าเป็นเรื่องเอาฮาเฉยๆ พอรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมช็อกไปเลย ผมเพิ่งเล่นอยู่กับทีมดิวิชั่น 3 ในโปรตุเกส แล้วจู่ๆ ทีมใหญ่ที่สุดในโลกต้องการตัวผมเนี่ยนะ มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว"
สรุปสุดท้าย ทีมปีศาจแดงซื้อเบเบ้เข้าทีม ซึ่งแฟนบอลตอนนั้นก็ฮือฮามาก ว่าสโมสรกล้าจ่ายเงิน 7.4 ล้านปอนด์ ให้เยาวชนที่เล่นแค่ในระดับดิวิชั่น 3 ของโปรตุเกสได้ยังไง ประสบการณ์อะไรก็ไม่มี นี่เป็นตัวเลขที่แพงเกินไปหรือเปล่า?
เฟอร์กี้อธิบายอีกรอบว่า "บางครั้งคุณก็ต้องเชื่อสัญชาตญาณ และต้องเชื่อใจสตาฟฟ์ของคุณด้วย ว่าสายตาพวกเขาแม่นยำ นั่นคือครั้งแรกของผม ที่ซื้อนักเตะโดยไม่ได้ดูด้วยตาตัวเองก่อน แต่นั่นเพราะผมเชื่อมั่นในทีมแมวมองของผม โดยเฉพาะแมวมองที่ประจำอยู่ในโปรตุเกส"
สำหรับเบเบ้ เขาลงเล่นเกมแรกให้แมนฯ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน 2010 เกมลีกคัพ พบกับสคันธอร์ป โดยลงมาเป็นสำรอง ซึ่งหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ได้วิจารณ์ฟอร์มว่า "น่าประทับใจ โชว์ความเร็ว โชว์เทคนิค และมีสายตาที่ดีในการมองหาประตู"
จากนั้นเดือนตุลาคมเบเบ้ก็ได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก เป็นสำรองเกมเจอกับซันเดอร์แลนด์ และได้ออกสตาร์ต 11 ตัวจริงเป็นหนแรก ในเกมเจอวูล์ฟแฮมป์ตัน ตามด้วยเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในเดือนพฤศจิกายน เจอกับบูซาร์สปอร์ แถมยังยิงประตูได้ด้วย
ตอนนั้น เหมือนราคา 7.4 ล้านปอนด์ จะเป็นชัยชนะของแมนฯ ยูไนเต็ด
แต่รอยแผลในใจที่เบเบ้ ไม่อาจลืมเลือนได้เลย คือวันที่ 6 พฤศจิกายน 2010 เกมพรีเมียร์ลีก กับวูล์ฟแฮมป์ตัน ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เกมนั้นโอเว่น ฮาร์กรีฟส์ บาดเจ็บ ต้องเปลี่ยนตัวออก นาทีที่ 10 เบเบ้ ลงแทน แต่เล่นได้ไม่จบเกม ก็โดนถอดออก นาทีที่ 74
สำหรับคนที่ไม่เคยอยู่ในระดับอะคาเดมี่ ระบบสโมสร เขามีภูมิต้านทานจิตใจต่ำมาก พอมาโดนเปลี่ยนตัวออก ทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวเข้าแบบนี้ จึงเกิดอาการช็อก เหมือนว่าไม่ได้รับความเชื่อใจจากผู้จัดการทีม
ตอนนั้นเบเบ้ จิตใจจมดิ่งไปเลย แบบกะทันหันมาก คือภาษาอังกฤษเขาก็พูดไม่ได้, ความมั่นใจก็หดหาย, ต้องย้ายมาต่างบ้านต่างเมือง, แถมยังไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าแท็กติกต่างๆ คืออะไร เพราะไม่เคยเรียนฟุตบอลมาก่อน
เขาเหมือนเป็นทารกในโลกฟุตบอลที่ต้องนับหนึ่งตั้งแต่แรก
ยิ่งไปกว่านั้น ทัศนคติของเขา ที่ไม่เข้าใจคำว่า "มืออาชีพ" ก็ส่งผลเสียโดยตรงในการทำงานด้วย
เบเบ้ เล่าว่า "ช่วงเวลาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมไม่ได้จริงจังมากพอ ผมคิดตอนนั้นว่า 'ฉันก็อยู่ที่นี่แล้วไง แล้วก็ตั้งใจเล่นแล้ว ทำไมต้องพยายามอย่างหนักทุกวันขนาดนั้น' ซึ่งมันเป็นความผิดของผมเอง ผมทำเป็นเล่นมากเกินไป"
"แต่ต้องเข้าใจว่าผมเตะบอลข้างถนนอยู่ดีๆ ก็ได้ย้ายมาเล่นทีมที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ มันไม่มีทางที่ผมจะคลิกทันที ตั้งแต่ปีแรกอยู่แล้ว ผมต้องการเวลามากกว่านั้นในการปรับตัว"
เขาไม่เข้าใจว่าโลกของฟุตบอลอาชีพมันโหด แค่พรสวรรค์อย่างเดียวเอาตัวรอดไม่ได้ แต่คุณต้องฝึกหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า การที่เบเบ้ได้ทุกอย่างมาเร็ว แบบไม่คาดคิด จึงมีปัญหามากในการวางตัว
ประเด็นคือแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีเหตุผลอะไรต้องมารอและนั่งทำความเข้าใจ เพราะนี่คือสโมสรใหญ่ มีนักเตะอีกเป็นพัน เป็นหมื่นอยากลงสนาม ถ้าคุณไม่เก่ง และทัศนคติไม่ถูกต้อง มันก็ยากที่ทีมจะเก็บไว้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวว่า "เบเบ้มีพรสวรรค์นะ เขายิงบอลได้แรงทั้งสองเท้า เป็นผู้เล่นที่สามารถก้าวขึ้นไปเก่งได้ แต่เขามีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง และเราก็อยากให้เขาดีขึ้น นั่นคือเหตุผลที่เราส่งเขาไปให้ยืมตัวที่ลีกตุรกี แต่โชคร้ายที่ลงเล่นได้แค่ 2 สัปดาห์ก็มาเจ็บบริเวณเอ็นเข่าไขว้หน้าไปอีก"
"เราเอาเขากลับมาสู่ทีม พอหายแล้วก็ให้เขาลงซ้อม ซึ่งเขาเล่นได้ดีนะ ยิงแรง มีโอกาสที่จะทำได้ 20 ลูกต่อซีซั่น แต่ปัญหาคือเขาไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของการเล่นเป็นทีม"
อ่านต่อได้ตามลิ้งค์ในสปอยล์ครับ
Spoil
https://www.facebook.com/100044455838548/posts/pfbid0pvaeAPWckcdCssNkPtfKuSAFLka4SRcTyjVeinP4QKzLSrMwSnUFwWuAVpgtNGtZl/?
********
เป็นบทความจากเพจวิเคราะห์บอลจริงจังนะครับ ซึ่งผมชอบตอนจบมาก สรุปได้ดีจนอยากเอามาแบ่งปันกัน
เป็นอีกมุมของชีวิต เบเบ้ ที่มักจะถูกดูแคลนกัน เค้าก็พยายามในแบบของเค้าจนทุกวันนี้ก็ยังเล่นบอลเป็นอาชีพอยู่
ในสายตาของผมก็ถือว่าเบเบ้ประสบความสำเร็จกับอาชีพนะครับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จกับทีมแมนยูแค่นั้น ก็ต้องเข้าใจแมนยูด้วยว่า ไม่ใช่ทีมที่จะให้โอกาสกับนักเตะได้ทุกคน
ถึงแม้จะเป็นดีลที่พลาดที่สุดในชีวิตเฟอร์กี้ แต่เบเบ้ก็ยังสู้ต่อ จากนักบอลลีคไร้บ้าน มาเป็นนักบอลระดับลาลีก้ากับ ราโย บาเยกาโน่
ถึงแม้จะเป็นดีลที่ผิดพลาด แต่ก็ทำให้เบเบ้ได้มีโอกาสอย่างทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน