ผมทำ ธุรกิจกับนาย A แบ่งกำไร คนละ 50% ต้นทุนซื้อสินค้า คนละ 50%

แต่ธุรกิจไกล้จะต้องจด Vat ละครับ (รับเงินชื่อผม ซื้อสินค้าชื่อผม)

1. ผมควรจด นิติบุคคล ใช่ไหมครับ ลองคำนวณ ภาษีบุคคลเหมาจ่าย โดนหนักอยู่

2. ผมจดแค่ หจก. ก็พอใช่ไหม ไม่ต้องถึงกับ บริษัท

3. หากต้องจด ผมจดของผมคนเดียวกับหุ้นลม(น้อง/แฟน) โดยให้นาย A เป็น Partner คอยรับส่วนแบ่งกำไร 50% และ ช่วยจ่าย ค่าต้นทุนสินค้า 50% แบบนี้ได้ไหมครับ

4. หากเลือกวิธีนี้ นาย A ได้จากผม เกินปีละ 1.8 ล้าน นาย A จะต้องไปเสีย VAT บุคคลธรรมดา ที่ไม่มี ใบสั่งซื้อสินค้า เพราะซื้อเป็นชื่อผม แบบนี้ นาย A ควรทำยังไงดี เพื่อผลประโยชน์ทาง ภาษี ครับ


ขอบคุณครับ

ถ้าคุณจะเปิดบริษ้ท ของคุณเอง ก็ทำได้

แต่ลักษณะการทำงาน บริษัทจะต้องเป็นฝ่ายจัดการเรื่องภาษี ทั้งหมด

ส่วนการทำงาน ก็ต้องใช้วิธี กู้เงิน A มารอบๆ แล้วก็คืน เป็นรอบๆไป...
(แบบนี้จะสะดวกกว่า) ใช้รูปแบบสัญญากู้ยืมปกติได้

แต่ส่วนการแบ่งกำไร อาจจะแบ่งในรูปของ % คอมมิชชั่น ก็ได้

** ไม่ว่า A จะรับเงินเท่าไร จากบริษัท บริษัทก็ต้องหักภาษี..... นำส่งอยู่ดี....

คิดได้วิธีนึงคือเปลี่ยนเงินค่าตอบแทนที่ นาย A ได้จาก หจก เปลี่ยนเป็นเงินกู้จาก หจก แล้วไม่ต้องไปเสียเงินได้บุคคลสองต่อ

แต่วันนึงมันพอกเรื่อยๆอาจจะบวม ต้องคอยหาเงินกลับมาโปะ เพราะถ้าบวมเกินสรรพกรจะเรียก

ปล. ไม่แน่ใจรอผู้รู้มาตอบอีกที

ผมอ่านแล้วงงๆตั้งแต่ 2 บรรทัดแรกอ่ะฮะ..

- ท่านยังไม่ได้จดทะเบียนบริษัท แปลว่าปัจจุบันใช้ชื่อบุคคลธรรมดา แล้วเอาต้นทุนไปหักค่าใช้จ่ายยังงัยอ่ะฮะ?

(คืออ่านแล้วงงๆตรงที่ยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล แต่มาถึงจะกระโดดข้ามไปจด VAT เลย)

======================================================================

ตอบคำถามข้อล่าง..ถ้าเป็นผม ก็ตั้งบริษัท/หจก. แล้วให้นาย A เป็น 1 ในหุ้นส่วนบริษัทงัยฮะ

เช่น ท่านหุ้น 49% นาย A หุ้น 50% และท่านหาอีกคนมาเป็นหุ้นลม 1%

(หรือถ้าท่านอยากเป็นหุ้นใหญ่สุด ก็ท่าน 50% แล้วบอกให้นาย A หาคนมาอีกคน ให้หุ้นของนาย A กับคนนั้นรวมกันได้ 50%)

ตอนซื้อของถ้าเงินของบริษัทไม่พอ ก็ทำเรื่องกู้ยืมหุ้นส่วน ปลายปีมีกำไรก็ทยอยคือเงินกู้

เหลือเป็นกำไรก็หักออกเป็นปันผลตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น นาย A ก็จะได้เงินส่วนกำไร(ที่แบ่งกันคนละครึ่ง) ผ่านปันผล

เห็นหลายๆคนเค้าแนะนำว่าจดบ.ดีกว่าจดหจก.นะครับ

(คืออ่านแล้วงงๆตรงที่ยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล แต่มาถึงจะกระโดดข้ามไปจด VAT เลย)

นั่นหมายความว่า บุคคลธรรมดา ถ้ายอดเกิน 1.8 ไม่ต้องจ่าย VAT หรือ ไม่ควรจด VAT เหรอครับ หรือ ขั้นตอนคือ ควรจดบริษัทก่อน > แล้วค่อยจด VAT ผมสามารถข้ามขั้นตอน จด บริษัทไปจด VAT เลยได้ไหมครับ ถ้ายอดถึง

แล้วเอาต้นทุนไปหักค่าใช้จ่ายยังงัยอ่ะฮะ?
ตอนนี้ หักยังไม่ได้ เพราะยอดุงไม่ถึง แต่มันหักตอนจด VAT ได้ไหมครับ เพราะตอนซื้อ เป็นชื่อผมเอง ขอใบกำกับเรียบร้อย หรือจะต้องย้อนกลับไป จดบริษัทก่อน > แล้วค่อยจด VAT

สำหรับข้อล่าง
ประเด้นคือ ผมไม่อยากดึงคนนี้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนนะสิครับ เลยอยากทราบว่า มันมีวิธีไหนที่ ดีบ้าง เพราะถ้าเอาง่าย ผมดึงเค้ามาเป้นหุ้นส่วน น่าจะโอเครครับผม

ผมอาจจะพิมพ์ งงๆ ขอบคุณที่ช่วยตอบนะครับ

ผมอ่านแล้วยังงงๆ หน่อย ถ้าพอจะบอกรายได้ กำไร คร่าวๆ ก็น่าจะดีครับ

1. "ธุรกิจไกล้จะต้องจด Vat ละครับ" <-- จะจดเพราะรายได้ใกล้ถึงเกณฑ์ หรือเลยเกณฑ์ไปแล้วแต่ยังไม่เคยจด
เพราะถ้าเป็นแบบแรกรายได้ 1.8 M สมมติว่าต้นทุนอยู่ที่ 50% กำไรจะอยู่ที่ 900,000
แบ่งกันครึ่งๆ อยู่ที่ 450 k ต่อปีต่อคน ก็จะไปแย้งกับข้อ 4 ที่ว่า A ได้เกินปีละ 1.8 ล้าน

2. "รับส่วนแบ่งกำไร 50% และ ช่วยจ่าย ค่าต้นทุนสินค้า 50%" <--- อันนี้ต้องไปคิดก่อนว่าจ่ายให้ A จะจ่ายออกเป็นค่าอะไร
ถ้าค่านายหน้าก็จะมีหัก ณ ที่จ่าย A จะมีปัญหามั้ยถ้ารับเงินไม่เต็ม
แล้วพอต้องออกใบหัก ต้องจ้าง สนง บช มั้ย ถ้าต้องจ้างถือเป็นต้นทุนร่วมกันมั้ย
แล้ว A จะจ่ายค่าต้นทุนสินค้าเข้ามารูปแบบไหน ถ้าโอนเงินเข้ามาตรงๆ ก็จะกลายเป็นรายได้บริษัท
หรือจะเอากำไรที่ต้องจ่ายให้ A มาหักกับต้นทุนที่ A ต้องจ่ายมา เหลือเท่าไหร่ก็จ่ายออกเป็นค่านายหน้าเท่านั้น

ปล.ถ้าจะแบ่งกำไร 50% ทำงานเท่ากันมั้ย
ถ้าทำงานเท่ากัน เป็นผมก็จะจับมาเป้นหุ้นส่วนครับ แล้วก้ตั้งฐานเงินเดือนไม่ต้องสูงมากไว้
ส่วนแบ่งกำไรแต่ละเดือนก็จ่ายออกเป็นค่านายหน้า แล้วถ้าฐานภาษีสูงมากๆ ก็จ่ายส่วนแบ่งแต่ละเดือนน้อยลง
แล้วเอาไปจ่ายออกเป็นเงินปันผลแทน

ค่อนข้างเคลียร์เลยครับ ขอบคุณมากครับ