แม้แต่ประเทศที่ทุกอย่างพร้อมอย่างอเมริกา ยังอยู่กันไม่ได้
เจ้าประเทศสารขัณฑ์ ที่ไร้ซึ่งความพร้อมทั้งคน ของ สถานที่ การสนับสนุน จะอยู่กันได้สักเท่าไหร่นะ
ไอภาวะ burn out นี่ มาคู่กับชีวิตคนรุ่นใหม่จริงๆ เมื่อความคาดหวังไม่ match กับความจริงที่เจอ
คนก็เลือกที่จะลาออกดีกว่าทนอยู่ต่อไป ค่านิยมมันเปลี่ยนไปแล้วทั้งโลก

ในมุมผมนะ
เริ่มต้น ทุกคนเข้ามาทำงานด้วยคาดหวังเรื่องเงินเหมือนๆกันนั่นแหละครับ
พอทำงานไปสักพัก เงินสูงก็จริงแต่เวลาชีวิตไม่พอครับ
หลายคนทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ก็มี ไอช่วงอายุ 20-30 มันก็พอไหวแหละ
ร่างกายมันสู้งาน แต่พอ 30 ปลายขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่สร้างครอบครัว สร้างอะไรแล้ว
มันไม่ไหว ร่างกายทรุดโทรมหมด ป่วยง่ายขึ้น แก่เร็ว เครียด พักผ่อนไม่พอ ครอบครัวก็เริ่มมีปัญหา หลายคนมีเงินมากแต่หย่าเมียหย่าผัวก็เยอะ เพราะไม่มีเวลากับชีวิตคู่ด้วยกัน บางบ้านพ่อเป็นมะเร็ง ยังต้องจ้างพยาบาลดูแลเลย เพราะตัวเองติดเวร มันไม่ใช่ชีวิตที่คนเราต้องการหรอกครับ

บางทีมองที่ตัวเงินอย่างเดียว มันไม่ได้ครับ ชีวิตคนเรามันซับซ้อนกว่าเงิน
ิเงินก็สำคัญนั่นแหละ แต่เวลาชีวิต ที่หายไป มันไม่คุ้มแล้วครับ มันจะเกิด burn out
หมอหลายคนถ้าไม่ทำงานหมอต่อ ไปทำสวน ทำไร่หมด หรือถ้า passive income พอ หลายคนลาออกจากหมอเลยครับ มันอยู่ไม่ได้

สงสัยหมอถือ BTC กันเยอะ
พร้อมออกเมื่อ Bullran

ผมอยากรู้mindsetคนอาชีพนี้จัง อะไรเป็นตัวกำหนดความพอใจ ทั้งที่เงิน
ฐานะทางสังคม ไม่ด้อยกว่าอาชีพอื่นเลย

ในมุมผมนะ
เริ่มต้น ทุกคนเข้ามาทำงานด้วยคาดหวังเรื่องเงินเหมือนๆกันนั่นแหละครับ
พอทำงานไปสักพัก เงินสูงก็จริงแต่เวลาชีวิตไม่พอครับ
หลายคนทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ก็มี ไอช่วงอายุ 20-30 มันก็พอไหวแหละ
ร่างกายมันสู้งาน แต่พอ 30 ปลายขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่สร้างครอบครัว สร้างอะไรแล้ว
มันไม่ไหว ร่างกายทรุดโทรมหมด ป่วยง่ายขึ้น แก่เร็ว เครียด พักผ่อนไม่พอ ครอบครัวก็เริ่มมีปัญหา หลายคนมีเงินมากแต่หย่าเมียหย่าผัวก็เยอะ เพราะไม่มีเวลากับชีวิตคู่ด้วยกัน บางบ้านพ่อเป็นมะเร็ง ยังต้องจ้างพยาบาลดูแลเลย เพราะตัวเองติดเวร มันไม่ใช่ชีวิตที่คนเราต้องการหรอกครับ

บางทีมองที่ตัวเงินอย่างเดียว มันไม่ได้ครับ ชีวิตคนเรามันซับซ้อนกว่าเงิน
ิเงินก็สำคัญนั่นแหละ แต่เวลาชีวิต ที่หายไป มันไม่คุ้มแล้วครับ มันจะเกิด burn out
หมอหลายคนถ้าไม่ทำงานหมอต่อ ไปทำสวน ทำไร่หมด หรือถ้า passive income พอ หลายคนลาออกจากหมอเลยครับ มันอยู่ไม่ได้

เพื่อนผมเป็นหมอก็ลาออกตอนใช้ทุน เห็นบอกทนความกดดันจากคนรอบตัวไม่ไหว คนรอบตัวไม่ใช่จากคนไข้นะ แล้วก็เข้าเวรบ่อยแทบไม่ได้พักไรงี้ 5555

ในอเมริกา มาจากการฟ้องร้องมากกว่า ส่วนในไทย เรื่องความไม่ยุติธรรม ความเครียด ชึ่งพวกจบใหม่จะโดนหนัก ทำงานทั้งคืน คอนเช้าทุกแผนก บางอย่างไม่เก่งไม่คล่อง แต่ถ้าสตาฟให้ทำ ก็ต้องทำ ไม่งั้นก็โดนด่า นึกภาพให้คุณ ทำงานทั้งคืน ดูคนไข้คนแรก รับเคสคนแรก เเล้วต้องตามทั่งคืน มีตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ โรคศัลย โรคอายุรกรรม โรคกระดูก ใครมันจะเก่งทุกเรื่อง

ส่วนพวกแก่ๆรุ่นเก่าแล้ว ไม่หนักเท่าพวกจบใหม่หรอก พวกนี้ถึงไม่ลาออก อยู่กินเงินค่าตำแหน่งไปเรื่อยยันเกษียณ

work life balance ครับ เป็นตัวกำหนดการทำงานยุคใหม่เลย

งานหนัก เครียด กดดันสูง บ้านเขาเอะอะก็ฟ้องกันยับด้วย ผิดไม่ผิดไม่รู้แหละ แต่สุขภาพจิตเสียแน่นอน

+1 ครับ มีเพื่อนเป็นหมอเหมือนกัน
บ่นกับผมทุกครั้งที่เจอกันเรื่แงชีวิตคู่ สุดท้ายเลิกกับภรรยาจริงๆ [ใครบอกไม่เกี่ยว อันนี้ผมก็ไม่เถียงนะ]
แต่เคสของเพื่อนผมคือ งานโรงเรียนของลูก แทบไม่เคยได้ไป ขีวิตคู่แอบน่าสงสาร แต่ก็แลกมากับเงินที่ได้เยอะอยุ่

เหมือนอาชีพต้องสาปเหมือนกันนะ ช่วยคนอื่นได้หมด แต่ครอบครัวตัวเองพัง ไม่ใช่ทุกคู่ แต่ที่เคยเห็นก็เยอะ นี่ยังไม่นับเรื่องชู้สาวอีกนะ ทั้งชายทั้งหญิง มันมีคนเข้าหาตลอดเวลา เรื่องเงิน เรื่องตำแหน่ง สิ่งยั่วยวนมันเยอะ

หมอทั่วไปไม่น่าห่วง แต่หมอเฉพาะทางพวกผ่าตัด ถ้าไม่พอนี่คนจะตายเพราะรอหมอเยอะมาก

บ่นจนขี้เกียจจะบ่นแล้วครับ
เงินกับฐานะทางสังคม????

เล่าทั้งวันก็ไม่หมด วงการนี้ เหอๆๆๆๆๆๆ

เรื่องมีสาระ ผมชอบมาก ตามอ่านทุกตัวอักษรเลยครับ

ท่านเข้าใจผิดแล้ว หมอเปน อาชีพที่คนเมกันเก่งๆไม่เรียนน่ะเงินน้อย ความเสี่ยงสุง รักษาพลาดถุกฟ้องจนหทดตัวด้วย แล้วอาชีพ หมอในเมกาไม่ใช่อาชีพ อีลิท น่ะครับ ทุกอาชีพ น่าจะเท่าๆกันหมด

ใช่ครับยิ่งตำแหน่งสูงยิ่งเรื่องสาวๆเยอะเลย
จริงๆก็ทุกๆวงการแหละ