ใครพูดอังกฤษได้บ้าง โดยไม่ได้ไปเรียนจากต่างประเทศ ท่านฝึกยังไง

ทุกวันนี้ Listening ดีขึ้นมากจากการดู YouTube ดู Netflix แต่ Speaking ยังไม่ค่อยเวิร์ค Grammar ก็ไม่อยากลงไปเกิน 5 tense

Deep Conversation ไม่ค่อยได้ ได้แค่คุยสัพเพเหระ ดูหนังมาเมื่อวานเป็นไง มีแผนจะเที่ยวปีใหม่ยังไง ปีหน้าจะเปลี่ยนงาน

คือบทสนทนามันลงลึกแบบภาษาไทยไม่ค่อยได้ คู่มือการเรียนรู้มันก็มาแนวเดิมๆ รู้สึกว่าตัน ไม่รู้จะไปต่อยังไง

พอจะไปหาคอร์สเรียน ดูจากหัวข้อคอร์ส ก็รู้หมดแล้ว คือเต็มไปด้วยเรื่องพื้นฐานๆ มันไม่มีคอร์สลึกๆ เท่าไหร่เลย ส่วนมากลึกไปใน tense แปลกๆ ที่ไม่ได้ใช้เช่น Past continuous

รู้สึกตันแปลกๆ หรือว่าฝึกแบบเดิมต่อไป มันจะค่อยๆ ลึกขึ้นเอง?

ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าอยากเก่งภาษาอังกฤษประมาณไหน ถ้าเอาแค่สื่อสารรายวันกับชาวต่างชาติรู้เรื่อง ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ดูหนัง ดูยูทูปที่เป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ ทุกวันก็จะพอเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้เอง

แต่ถ้าอยากจะเก่งถึงขั้นเขียนภาษาอังกฤษได้ อาจจะไม่ต้องเขียนเชิงวิชาการมาก อันนี้ต้องจริงจังกับไวยากรณ์มาก เช่นถ้าผมให้ท่านเขียนอนุเฉท (Paragraph) ความยาว 10-12 ประโยคหรือ 100-120 คำ บนหัวข้อ "How was your life during the first-wave CoViD-19?" ท่านสามารถเขียนได้มั้ย และชิ้นงานของท่านจะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ + ใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องหรือเปล่า

ถ้าท่านตั้งเป้าแบบข้างบน ท่านต้องลงเรียนครับ และต้องใช้เวลาอย่างมาก + ความตั้งใจด้วยครับ

ผมขออิดิตมาอธิบายเพิ่มด้วยทฤษฎีทางด้านการเรียนภาษานะครับ การดูหนัง ฟังเพลง อ่านนิยาย คือการนำ Input เข้าสู่สมองโดยที่ไม่รู้ตัว เราเรียกว่า Acquisition ซึ่งต่างจาก Learning ที่แปลว่าเรียนแต่อันนี้ต้องมีสติ เหมือนเรานั่งเรียนในห้อง ฟังครู จดตาม ทบทวน

เช่นถ้าท่านดูซีรีย์แล้วเขาพูดคำว่า How's it going? แล้วในภาพคือคนสองคนทักทายกัน หากท่านเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ หลายๆฉาก ท่านจะจำท่อนนั้นโดยไม่รู้ตัวและอาจจะใช้จริงได้ในชีวิตจริง

แต่ถ้าผมเป็นครูสอนท่านว่า "ประโยคที่ใช้ทักทายมีหลายประโยค หนึ่งในนั้นคือ How's it going? ท่านก็จะจด แต่ถ้าท่านไม่ได้ใช้เลย ท่านจะลืมครับ เพราะเราไม่สามารถเอาชนะ The Forgeting Curve (Ebbinghaus, 1885) จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องภาษา ถ้าท่านเรียนผูกเชือกในวิชาลูกเสือแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย ไม่เกินสัปดาห์ ลืมแน่นอนครับ

งั้นเราสรุปได้ง่ายๆเลยครับว่า การพบเจอคำศัพท์หรือ Idioms บ่อยๆ ย่อมดีกว่าการเรียนรู้และท่องจำจากห้องเรียน ผมเลยแนะนำให้ท่านดูหนังเยอะๆ อ่านนิยายเยอะๆ หรือดูยูทูปเยอะๆ เพื่อให้เจอคำนั้นๆซ้ำแล้วซ้ำอีก

แต่อย่างไรก็ดี ท่านถามว่าฝึกการพูดยังไง คำว่าทักษะคือ Skill = สิ่งที่สามารถฝึกฝนได้
อยากอ่านเก่ง อ่านเร็ว ก็ต้องอ่านเยอะๆ
อยากเขียนเก่ง ก็ต้องเขียนเยอะๆ
อยากฟังเก่งๆ ก็ต้องฟังเยอะๆ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าอยากพูดเก่ง ท่านก็ต้องพูดเยอะๆครับ ทุกวันนี้มี AI แล้ว ท่านโหลดมาคุยกับมันได้ จะคุยทั้งวันก็ยังได้ ผมแนะนำ Annie AI พยายามฝึกฝน เดี๋ยวก็เก่งครับ

ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าอยากเก่งภาษาอังกฤษประมาณไหน ถ้าเอาแค่สื่อสารรายวันกับชาวต่างชาติรู้เรื่อง ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ดูหนัง ดูยูทูปที่เป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ ทุกวันก็จะพอเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้เอง

แต่ถ้าอยากจะเก่งถึงขั้นเขียนภาษาอังกฤษได้ อาจจะไม่ต้องเขียนเชิงวิชาการมาก อันนี้ต้องจริงจังกับไวยากรณ์มาก เช่นถ้าผมให้ท่านเขียนอนุเฉท (Paragraph) ความยาว 10-12 ประโยคหรือ 100-120 คำ บนหัวข้อ "How was your life during the first-wave CoViD-19?" ท่านสามารถเขียนได้มั้ย และชิ้นงานของท่านจะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ + ใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องหรือเปล่า

ถ้าท่านตั้งเป้าแบบข้างบน ท่านต้องลงเรียนครับ และต้องใช้เวลาอย่างมาก + ความตั้งใจด้วยครับ

ผมขออิดิตมาอธิบายเพิ่มด้วยทฤษฎีทางด้านการเรียนภาษานะครับ การดูหนัง ฟังเพลง อ่านนิยาย คือการนำ Input เข้าสู่สมองโดยที่ไม่รู้ตัว เราเรียกว่า Acquisition ซึ่งต่างจาก Learning ที่แปลว่าเรียนแต่อันนี้ต้องมีสติ เหมือนเรานั่งเรียนในห้อง ฟังครู จดตาม ทบทวน

เช่นถ้าท่านดูซีรีย์แล้วเขาพูดคำว่า How's it going? แล้วในภาพคือคนสองคนทักทายกัน หากท่านเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ หลายๆฉาก ท่านจะจำท่อนนั้นโดยไม่รู้ตัวและอาจจะใช้จริงได้ในชีวิตจริง

แต่ถ้าผมเป็นครูสอนท่านว่า "ประโยคที่ใช้ทักทายมีหลายประโยค หนึ่งในนั้นคือ How's it going? ท่านก็จะจด แต่ถ้าท่านไม่ได้ใช้เลย ท่านจะลืมครับ เพราะเราไม่สามารถเอาชนะ The Forgeting Curve (Ebbinghaus, 1885) จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องภาษา ถ้าท่านเรียนผูกเชือกในวิชาลูกเสือแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย ไม่เกินสัปดาห์ ลืมแน่นอนครับ

งั้นเราสรุปได้ง่ายๆเลยครับว่า การพบเจอคำศัพท์หรือ Idioms บ่อยๆ ย่อมดีกว่าการเรียนรู้และท่องจำจากห้องเรียน ผมเลยแนะนำให้ท่านดูหนังเยอะๆ อ่านนิยายเยอะๆ หรือดูยูทูปเยอะๆ เพื่อให้เจอคำนั้นๆซ้ำแล้วซ้ำอีก

แต่อย่างไรก็ดี ท่านถามว่าฝึกการพูดยังไง คำว่าทักษะคือ Skill = สิ่งที่สามารถฝึกฝนได้
อยากอ่านเก่ง อ่านเร็ว ก็ต้องอ่านเยอะๆ
อยากเขียนเก่ง ก็ต้องเขียนเยอะๆ
อยากฟังเก่งๆ ก็ต้องฟังเยอะๆ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าอยากพูดเก่ง ท่านก็ต้องพูดเยอะๆครับ ทุกวันนี้มี AI แล้ว ท่านโหลดมาคุยกับมันได้ จะคุยทั้งวันก็ยังได้ ผมแนะนำ Annie AI พยายามฝึกฝน เดี๋ยวก็เก่งครับ

หาวิธีใช้มันครับ ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน น่ะแหละ

ถ้ามีเงินก็ไปเรียน ถ้าไม่มีเงินก็หาเรียนเอาตามยูทูป หรือ Udemy

แต่เรียนพวกนั้นก็ยังไม่เท่าประสบการณ์ตรงในที่ทำงาน พยายามพาตัวเองไปทำงานที่ต้องใช้ภาษา เดี๋ยวสังคมมันจะพาต่อไปเอง

ต้องใช้ครับ ผมไปอยู่ ตปท. มา การคุยกับคนนี่แหละ เรียนรู้ไวมาก หลาย ๆ อย่างไม่มีสอนในหนังสือ หรือหนังแน่นอน

ไม่เคยเรียนต่างประเทศนะครับ เรียนโปรแกรม bilingual ในไทย มีครูที่เป็นต่างชาติสอนด้วยครึ่งนึง


ความรู้ที่ได้ในห้องเรียนมีประโยชน์ในการใช้ทางการมากๆ แต่การจะใช้ในชีวิตประจำวัน ต้องฝึกการใช้เท่านั้นครับ ไม่มีทางลัดใดๆ

Imitation คือสิ่งที่จะทำให้เราพูดได้คล่องขึ้น เริ่มต้นจากการเลียนเสียง และสำเนียง แล้วไปหาความหมายคำและสำนวน ฝึกใช้เรื่อยๆจนไม่ต้องมานั่งแปลคำต่อคำอีกต่อไป ทำไปซักพักจะรู้รู้สึกได้เลยว่าภาษาอังกฤษ มันใช้ง่ายกว่าภาษาไทยมากๆครับ


ฝึกฟัง แล้วพูดตาม สมัยผมคือ เพลง หนัง เกมส์ ช่วยได้เยอะจริงๆทั้งการอ่าน เขียน และออกเสียง


คำแนะนำที่ให้ได้มีแค่อย่างเดียวครับ คือหาโอกาสใช้มันให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะการพูด

ได้บ้างนี่คือแบบ เข้าใจ 7 เทนส์
สื่อสารในชีวิตประจำวันได้
อ่านนิยายออกฟอร์ดระดับ 3 เข้าใจ
อ่านข่าวกีฬา ข่าวบันเทิงเข้าใจ
อันนี้คือผมเรียนตั้งแต่ ม.3 ฟังเพลงสากลเป็นหลัก เรียนอินเตอร์มหาลัย
อะไรที่หาอ่านได้ก็อ่าน ไม่หาแปลไทย พวกหนังการ์ตูน เกมยังงี้
มันอาจจะได้ broken English มาแต่มันใช้ได้เว้ย
มีเพื่อนต่างชาติไว้คุยคือทางลัดมากอย่างนึง

ยากครับ มันจะตันเอง

ถ้าจะเอาฝึกลึกๆ ที่สำคัญคือเรื่องคำศัพ อันนี้สำคัญมากกกกกก ต้องนั่งท่องวันละ 20 คำอย่างต่ำ

ผมคุยกับชาวต่างชาติรู้เรื่องนะ แต่จนปัญญากับคำศัพท์ จริงๆทั้งๆที่เรียนอิ้งมา คำศัพท์อังกฤษ มีตั้ง250000คำ จำไงหมด

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวครับ

เอ เเอ้น นก

บี เบิร์ด มด

ผมว่ามันต้องใช้อ่ะ ถึงจะได้
ส่วนตัวก็อ่านนิยาย comics ตั้งแต่ มต้น คำศัพท์ รู้ค่อนข้างเยอะ แต่กล้าพูดกะฝรั่งคือตอนไปsummer ที่aus ไม่งั้นผมก็ได้แค่อ่านกับเขียนอ่ะ ถ้าไม่ถูกสถานการณ์บังคับให้ใช้ ยังไงก็พูดไม่คล่อง
ถ้าไม่ไปต่างประเทศ อย่างน้อยน่าจะต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่บังคับให้ใช้ภาษาอังกฤษ

พูดในชีวิตประจำวันได้ เพราะ ดูหนัง ฟังเพลง มีคนไข้ต่างชาติพอสมควร (ดู Interclinic)
Academic purpose ได้ เพราะ อ่าน และ เขียน paper (ให้น้องสาว เช็ค error)

แต่น้องสาวเก่งกว่า น้องสาวใช้ภาษาอังกฤษ ทุกวัน ตั้งแต่ ป.โท แล้ว เพราะ คณะน้องสาว มีพวก นิสิตต่างชาติเยอะ
ปัจจุบัน ก็สอน นิสิตต่างชาติ + เซคอินเตอร์

สรุป ยิ่งใช้ ยิ่งเก่ง (คลังศัพท์ควรมีเยอะๆ ทุกภาษาเลย อย่างผม ตอนไปสอบ JLPT ภาษาญี่ปุ่น พวกพาร์ทการฟังนี่ ฟังไม่ทันหรอก แต่จับศัพท์ได้ เลยคะแนนดี)

ภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยครับ

ไม่เคยไปเรียน ตปท. ไม่เคยเรียนสถาบันสอนภาษาไหนเลย เรียนที่ รร. กับมหาลัยล้วนๆ

ส่วนตัวคิดว่าได้จากดูหนัง Subtitle มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อไม่ชอบหนังพากย์ไทย เนื่องจากสมัยก่อนเวลาพากย์จะต้องตัดเสียงเอฟเฟกหมดเลยแล้วพากย์ไป ซึ่งตอนจบมหาลัยใหม่ๆก็ยังไม่ได้ใช้ได้ดีเท่าไร แต่เพราะทำงานกับต่างชาติมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ ใช้ทุกวันจนชินไปแล้ว

ปัจจุบันไม่ถึงกับดีมาก 100% น่าจะซัก 60-70% เจ้านายส่งไปดีลงานเซ็นสัญญาคนเดียวได้สบาย พูดมีติดบ้างนิดหน่อย ฟังจะทำได้ดีกว่า ฟังออกหมดสำเนียงอินเดีย ฝรั่งเศษ อังกฤษ ฯลฯ ที่ยากๆ สเก๊าซ์ยังฟังออกบ้าง เพราะดูคลิปเจิดกับเอ๋อบ่อย 5555

ถ้าให้ไล่ระดับความถนัด น่าจะเป็น ฟัง > อ่าน > พูด / เขียน

ชั่วโมงบินเลยครับ ยิ่งดู ยิ่งฟังมาก ยิ่งได้มาก
ยิ่งดูยาก ดูลึก ยิ่งได้ลึก

เคยต้องไปทำงานเมืองนอก แล้วคุยกับฝรั่งเมกัน แล้วฝรั่งถามหา translater ทำเอาหมดความมั่นใจไปหลายปี

เรื่องอ่าน ฟัง ดีขึ้นจากการอ่านข่าวในเว็บ ดู YouTube ต่างชาติ จนฟังรู้เรื่องแบบไม่ต้องเปิดซับมาสักพัก

เรื่องพูดที่ขาดความมั่นใจ ลงเรียนคอร์สออนไลน์ คุยกับครูฟิลิปปินส์เป็นส่วนใหญ่ ผ่านไป 2-3 เดือน ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด หลักๆ คือเริ่มมีความมั่นใจขึ้น

หลังจากนั้นได้ไปทำงานเมืองนอกอีกที คราวนี้มีเรื่องต้องเถียงกับฝรั่ง ปรากฏคำพูดมันไหลออกมาเองจนตกใจเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้ได้ขนาดนี้แล้วเหรอ

พอเลิกเรียนไม่ได้ใชัไปสักพัก ก็กลับมาติดๆ ขัดๆ เหมือนเดิม แต่ไม่ได้หมดความมั่นใจแบบคราวก่อน คิดว่าถ้าได้พูดบ่อยๆ สักพักก็คงดีขึ้น

แต่ก็ระดับสื่อสารได้ แต่ไม่ได้เก่งแบบไวยากรณ์ถูก ภาษาสวยอะไรแบบนั้นคร้บ คิดว่าถ้าจะเอาแบบนั้นต้องตั้งเป้าตั้งใจแบบที่ท่านข้างบนบอก แล้วฝึกฝนไปเรื่อยๆ

ถ้าหาเมียฝรั่งได้น่าจะจบแหละ ได้ภาษาแน่นอน 555