หมายถึงปาร์คเอง เพราะพี่แกเก็บตัวนานอย่างน้อย 2 วีคก่อนทัวร์
มาไทยเจอปล่อยครั้งละ 2 วันก่อนแข่ง
เอาตรงๆผมว่าไทย อังกฤษมันก็คล้ายกันว่ะ แต่ละทีมมีแนวทางในการเอาชนะของตัวเอง แล้วก็มีสตาร์แต่ละทีมอยู่ พอมารวมกันมันเลยเหมือนแบบ... กูก็จะเอาบอล กูก็จะไปของกู แนวทางสโมสรกู
เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาแบบปาร์คฮังซอ ก็ยาก
จะเอาแบบเยอรมัน ญี่ปุ่น ให้ลีกเล่นแผนคล้ายๆกัน พอมารวมเป็นทีมชาติมันก็ไปทางเดียวกัน ก็ยาก...
.
.
.
ทีนี้ถ้ามาลองดูอังกฤษ ผลงานพักหลังก็ดีขึ้นบ้าง ถึงใครจะบอกว่าเจอแต่หมู โชคดีแต่ผมว่ามันก็มีส่วนพัฒนาขึ้น
ที่เห็นๆคือ อังกฤษ 10 ปีหลังนี้มีโค๊ชระดับพระกาฬมาปั้นเด็กป้อนทีมชาติถึงสองคน
สำหรับผมนะ คนไทยเป็นคนที่ไม่เลือกวิธีการ แล้วก็คิดว่าตัวเองเหนือกว่าพวกรอบๆบ้าน

ก็มีส่วนคล้ายอังกฤษอยู่ แต่พอออกนอกเกาะ บางทีก็กลับกลายเป็นหมูซะฝ
เพราะฉะนั้นการที่หวังว่าแต่ละสโมสรจะเล่นแบบเดียวกัน โททัลฟุตบอล คาเตนัคโช เพรสซิ่ง อะไรที่พวกสเปน อิตาลี ฮอลแลนด์เคยทำจะเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ ถ้ามาให้ไทยทำก็คงจะชาติหน้า เหมือนไทยแลนด์เวย์ที่ได้ไอเดียจากญี่ปุ่น ญี่ปุ่นก็ได้มาจากเยอรมันอีกที มาใช้กับไทยก็คงจะเป็นแค่กระดาษ อันนี้ผมขอพูดตามตรงนะ
.
.
.
ผมว่าถ้าจะพัฒนาเลยคือต้องเพิ่ม competition ภายในนี่แหละ
1. ความเป็นทีมคู่แข่ง rivalry มันควรชัด เพื่อให้เกิด story น่าติดตาม เหมือนศึกแดงเดือด
2. ทรัพยากร นักเตะต่างชาติ โค๊ช ถ้าได้แบบระดับ B- ในยุโรปหรือใครนะที่เคยคุมเมืองทองแล้วได้ไป EPL ... เออ ถ้าได้มาบ่อยๆก็ดี
3. กระแสมันต้องมา เชื่อไหมว่าตอนสงครามยูเครน อังกฤษเกือบ recession ด้วยซ้ำ แต่ฟื้นได้เพราะ EPL เปิดฤดูกาล

มันคือ football culture ของจริง
เอาแค่นี้ ผมเห็นหลายกระทู้ที่บอกว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผมบอกเลยเราต้องใช้วิธีแบบอังกฤษเท่านั้นบอลไทยมันถึงจะไปข้างหน้าเพราะธรรมชาติเราเป็นแบบนี้ การประชาสัมพันธ์และเม็ดเงิน และฐานแฟนบอลรุ่นใหม่