ลูกเป็นเด็กผู้ชายใช่มั้ยครับ ผมล่ะเห็นเหตการณ์นี้ล่ะไม่อยาก มีลูกสาวเลย

ซวยชิบหายไปเจอคนแบบนี้ ตลาดล่างอ่ะ บอกตรงๆเลย
ซึ่งลูกสาวเพื่อนท่านก็อาจจะมองทรงนี้ว่าถูกใจด้วยแหละ

ถ้าผมมีลูกผู้หญิงผมบอกเลยว่านี่คงเป็น worst fear สำหรับผมเลยครับ
การที่ลูกคบหากับพวกตลาดล่าง ใส่เสื้อขยี้ใบ กินน้ำท่อม ขี่รถทรงเชง อะไรพวกนี้แหละ

ไอ้พวกนี้ผมว่ามีแต่จะพากันดิ่งลงคลองครับ กว่าจะคิดได้ คงอีก 4-5ปี
จากประสบการณ์เลยนะ ผมว่าเราๆคงเคยผ่านกันมาบ้างกับคนทรงๆนี้ ตอนเราอายุเท่านี้

แต่ตอนนี้ผมให้ไปเลยว่า สมัยนี้หนักกว่าเมื่อก่อนเยอะ
เมื่อก่อนนี่ไอ้พวกตลาดล่างพวกนี้ไม่ทำไรมาก แว้นรถ ตีกัน ต่อยกันหลังห้องน้ำ สูบบุหรี่ เตะบอล
ถ้าไปอีกเวลคือ เดินยา เล่นยา
แต่สมัยนี้หนักกว่าเยอะครับ ยาก็ถูก กัญชา น้ำท่อม ก็ถูกกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้าอีก

ถ้าห้ามไม่ได้ ได้แค่เตือน อย่าเล่นยา พวกสารเคมีนี่ห้ามยุ่ง ถ้าอยากลอง ลอง เพื่อให้ได้รู้
แต่จำไว้เลยว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน
อย่าไปบ้ายุตามเพื่อน เพื่อนบอกให้ลองก็ต้องปฎเสธ เพื่อนบอกให้เมาก็ต้องปฎิเสธ
ไปเที่ยวต้องรักตัวกลัวตายเสมอ เดินทางต้องเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด อย่าไปที่เปลี่ยวๆ
หลั่งในทำให้ท้อง ถ้าอยากมีลูกก็เก็บตังค์เลี้ยงลูกไว้ ถ้าไม่อยากเลี้ยงลูก ป้องกันไว้เสมอ ถุงยางถูกๆเยอะแยะ
อย่าไปยอมผู้ชายทุกอย่าง ถ้าเขาขอถ่ายคลิปอย่ายอม เป็นคนมีปากมีความคิดปฎิเสธได้ก็ปฎิเสธ

ต้องเตือนให้เขาเห็นภาพไกลๆ ในอนาคต ถ้าเลือกทางนี้จะเกิดอะไรขึ้น

พ่อแม่ผมไม่เคยห้ามผมเที่ยวอะไรเลย แต่เขาใช้วิธีนี่แหละ สอนให้เห็นภาพไกลๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เคสนี้เดาว่ายาก
เพราะถ้าระดับความสันพันธ์ในครอบครัวดีพอ
ลูกสาวจะไม่แอบไปทำอะไรปบบนี้แน่นอน
พฤติกรรม = ภาพสะท้อนความสัมพันธ์
ทางแก้เบื้องต้น = เปิดใจคุยกันก่อนในครอบครัว น่าจะช่วยได้ระดับนึงครับ

มีคนไข้วัย14-15มาเรื่องโรคทางเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ ครับ โชคดีก็แค่หนองใน ซิฟิลิส โชคร้ายก็มีHIVแถมมาให้ด้วย

ถึงแม้จะรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัย และมีแจกฟรีให้ตามโรงพยาบาลแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายอาจจะด้วยบรรยากาศมันพาไป หรือเมายา เมากระท่อมกัน ก็ตามแต่ สุดท้ายก็มีจัดสดกันแทบทุกราย ผู้ปกครองก็มองว่าลูกยังเด็ก แต่เด็กมันมองว่ามันเป็นผู้ใหญ่แล้วไง ร่างกายเป็นของตัวเอง มีสิทธิทำได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายพอมีปัญหา ก็ร้องห่มร้องไห้ให้พ่อแม่พามาหาหมอ ส่วนแฟนผู้ชายผมแทบไม่เคยเห็นมาด้วยเลย ถ้าเห็น คือมาฝากท้องด้วย กลายเป็นคุณพ่อคุณแม่วัยใส

ถือเป็นเรื่องน่ากังวลกับประเทศของเรามากครับ ทุกวันนี้ อบายมุขกระจายเต็มเมืองไปหมด ผลพวงจากรัฐบาลเฮี่ยๆที่ผ่านมา แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลที่เข้ามาใหม่อีก เป็นวงจรอุบาทว์เจริญลงๆเรื่อย ๆ

ผมมีลูกสาวเหมือนกัน กำลังจะเข้าวัยรุ่น
ถ้าเป็นลูกผม คงพยายามคุยกับเขาดีๆ แยกเป็นเรื่องๆ

1. การมีแฟน วัยนี้ถ้ามีเขาเลือกมีแฟนแล้ว คงห้ามไม่ได้
จะบอกควรเลือกคบเพื่อนให้ดีกว่านี้
แฟนกันควรพาให้โลกสดใส มีความสุข
แต่คนนี้เสพยา แว๊น ถ่ายคลิปแบบนี้ น่าจะฉุดให้ตกต่ำมากกว่า

2. การมีเซ็กส์ ถ้ายังไม่มีก็ไม่ควรมี อย่าไปให้อะไรใครง่ายๆ
ถ้าถูกถ่ายคลิปจะทำยังไง สมัยนี้ข้อมูลเป็นดิจิตอล มันไม่มีวันหายไป
ถ้าถูกเอาไปโม้ให้ใครต่อใครฟังจะรับคำนินทาไหวเหรอ
หรือถ้าไม่ได้ป้องกัน ติดโรค หรือท้องในวัยเรียนจะแย่เข้าไปอีก

3. ยาเสพติด คบกับคนที่เสพยา ช้าเร็วก็ถูกชวนให้เสพ
ถ้าถูกชวนบ่อยๆจะลองไหม อย่าคิดว่าแค่ลองจะไม่ติด
ในเมื่อคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกก็เสพติดกันได้

ถ้าเจอปัญหาแบบนี้ ลูกเริ่มถลำไปแล้ว ผมเครียดหนักแน่

ผมก็ว่าเดี๋ยวนี้มันหาของพวกนี้ง่ายมาก บุหรี่ไฟฟ้าเด็กแถวบ้านผม13-14 แถบจะถือคนละอัน
น้ำกระท่อมขายตามข้างทางเยอะมาก ไหนจะกัญชาอีก ยาบ้าก็โครตถูก

ไม่เห็นด้วยกับยาคุมครับ ป้องกันท้อง แต่ไม่ได้ป้องกันโรคอื่นๆ
สอนใช้ถุงยางเถอะ

ใดๆคือเด็กวัยนี้คือวัยต่อต้าน
ถ้าเราไปใช้อำนาจกดรับรองว่าแหกแน่นอน ต้องเข้าหาเขาแบบเพื่อนให้เขาเปิดใจรับฟังเราจริงๆก่อนถึงจะเริ่มคุยเรื่องลึกซึ้งแนวนี้ต่อได้
จุดที่ควรคุยคือการชี้ให้เห็นถึงประเด็นต่อไปนี้
1. การท้องในวัยเรียน
2. safe sex (โรคติดต่อ)
3. ยาเสพติด
4. การสร้างอนาคตร่วมกับคนใดคนหนึ่ง
5. การ balance เรื่องชีวิตและการเรียน คบแฟนได้แต่ต้องรักษาการเรียนให้ได้ด้วยเช่นกัน

งงว่าใครมารับ

เพื่อนลูกสาวมารับ มากับพ่อ แต่ไม่ใช่ ที่จริงเป็นแฟน แต่โกหกว่าเป็นพ่อ แม่ได้คุยกับแฟนเพื่อนที่บอกว่าเป็นพ่อ เลยยอมให้ไป

สรุป คนที่คุยด้วยเป็นแฟนของเพื่อนลูก พอลูกไปก็ไปเที่ยวกับแฟนสองคน เพื่อนลูกก็ไปเที่ยวกับแฟนที่อ้างว่าเป็นพ่อ ใช่ไหม เชคเพื่อนลูกหน่อยก็ดีครับ

สำหรับลูกสาว ก็พยายามใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากขึ้น พาไปเที่ยวไปด้วยกัน จะได้ไม่ว่างมาก แล้วค่อยหาเวลาคุยถึงเรื่องส่วนตัว แต่ไม่บังคับ ให้เขาอยากคุยด้วยจริงๆ อาจจะเตี้ยมกับแม่ก็ได้ หรือไม่ก็พูดเรื่องเก่าๆสมัยคัวเองเป็นวััยรุ่นหรือเรื่องเพื่อน คือคุยลอยๆ หวังให้ลูกสาวได้ยิน

ลองดูครับ ปล.ผมเองก็เตรียมรับมือเหมือนกัน

งงกับหลายความเห็น เรื่องนี้โคตรใหญ่เกินรับได้

ลูกสาวแย่มากๆครับ ไม่คิดถึงหัวใจพ่อแม่แม้แต่น้อย ไม่เกี่ยวว่าสมัยนี้สมัยไหน ผิดคือผิด

แต่อันนี้ก็วิจารณ์ไม่สะดวกปากเพราะไม่รู้ condition ว่าพ่อแม่เค้าเลี้ยงมายังไง สังคมดีแค่ไหน ทำไมถึงมีแฟนแนวที่ว่าได้ สังคมที่ผมโตมา ถ้าอายุ 15 ไปค้างบ้านเพื่อนเพศเดียวกันยังไม่ได้เลยพ่อแม่ไปส่งและรอรับกลับตลอดไม่ว่าดึกแค่ไหน แฟนผมขนาดอยู่ ม.6 ไปเที่ยวตจว.วันจบการศึกษากับเพื่อนกลุ่มใหญ่แม่เค้ายังไม่ให้เลย

ถ้าลูกสาวผม ที่ผมเลี้ยงมาแบบเต็มที่ ใช้เงินผมเดือนละเกินแสนบาททำแบบนี้ ผมจะไม่คุยด้วยตลอดไป ตัดสวัสดิการทุกอย่าง ถือว่าเลี้ยงตามหน้าที่พ่อที่ทำให้เกิดมาเท่านั้น

ผมบอกลูกสาวเสมอว่า ตราบใดที่ยังต้องพึ่งพ่อกับแม่ ชีวิตของลูกต้องให้พ่อแม่ช่วยแนะนำแนวทางและร่วมตัดสินใจ ทุกเรื่อง ถ้าทำตามไม่ได้ก็ไม่ต้องคุยกัน

ผมกับแฟนอยู่ในวินัยยังโตมาได้ดี ทำไมต้องอ้างยุคสมัย อ้างเสรีภาพ มาทำตามสัญชาตญาณดิบในใจ

ถ้าพ่อแม่ทำเป็นเรื่องเล็ก แค่เรียกมาตักเตือน เด็กก็จะคิดว่าเรื่องเล็ก เดี๋ยวก็ทำอีก หว่านเม็ดอะไรพืชก็ได้แบบนั้น ขอย้ำอีกที ยุคไหนสมัยไหน standard เดียวกัน ดีคือดี ไม่ดีคือไม่ดี ควรทำไม่ควรทำแยกให้ออก

ที่แม่ให้ไป หรือตอนลูกขอ ลูกเค้าบอกกับแม่ว่าไปกับเพื่อน ลูกสาวเลย
ให้แม่คุยกับเพื่อน แม่ก็คุยกับเพื่อนลูกสาว ว่าไปกับเพื่อนสาวจริงๆ เพื่อนลูกสาวบอก
ว่า พ่อของเพื่อน และ เพื่อน จะไปรับที่บ้าน ซึ่งวันนั้น พ่อ แม่ไม่อยู่บ้าน อยู่แค่ลูกสาว
พอวันนี้สงสัย เลย ไปเปิดกล้องวงจรปิด และเห็นว่า ตอนมารับ ลูกเดินออกจากหน้าบ้านไป
ไม่เห็นว่าใครมารับ และตอนกลับก็เช่นกัน แล้วไปเจอเพื่อนคนนั้น ว่าไม่ได้ไปด้วย
เลย ค้นหา ทางโซเชี่ยล ว่าไปกับใคร สรุปรู้หมด ครับ

บางทีผมก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ ของในบ้านเพื่อน แต่จากๆที่ดู ก็อบอุ่นครอบครัวนึงนะ
ถ้าเป็นผม 1. คงคุยกับเด็กผู้ชาย ก่อนเลย ว่าเป็นยังงัยบ้าง ใครกันที่โกหก เรื่องเพื่อนมารับ
2. คงบอกให้ห่างๆกันหน่อย และถ้าไปเที่ยวอีก คงตามไปดูห่างๆ ถ้าไปกับแฟนคนนั้นคงไม่ให้ไปก่อน
3. คงสอนเค้าอย่างตั้งใจ ผลเสียตามมา ผลการเรียน ตั้งแต่มีแฟน อนาคต
4. ผมคงหใ้เด็กผู้ชายคนนั้นเลิกมายุ่ง ถ้าเป็นตลาดล่างแบบนั้นจริง

บทลงโทษคือ THE MUST ครับ จากประสบการณ์ ไม้นวมใช้ได้กับคนที่มีสติยั้งคิดรู้จักผิดชอบชั่วดีเท่านั้น จะลงโทษอะไรก็ว่าไป ตัดเงินเดือน , ทำงานบ้าน , ไปทำงานอาสา

คิดหนักคิดไม่ออกเลย ในฐานะคนมีลูกสาว ไอ้หนุ่มนั่นโดนลากมากระทืบแน่ ไม่มีความผิดหมันใส้ล้วนๆ โอ้ยไม่รู้จะตอบยังไง แค่คิดผมก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน

ต้องให้เวลากับลูกมากที่สุดแล้วตอนนี้ ลองค่อยๆ คุย อย่าใช้อารมณ์

ว้าว !!! เรื่องภายในครอบครัวหรือพื้นฐานในบ้านอันนี้ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆผมเชื่อว่าถูกเลี้ยงมาจากพื้นฐานความรักอยู่แล้ว

แต่สิ่งเหนืออื่นใด ต้องสำคัญที่ “มองลูกให้ขาด ดูให้เข้าใจเค้า อย่าเอาพื้นฐานตัวเองเป็นที่ตั้ง” พยายามให้เค้ารู้สึกสบาย ปลอดภัย ไว้ใจพ่อแม่(ดูจากที่ให้เพื่อนมาโกหกเพื่อไปกับแฟน แสดงถึงความไม่ไว้ใจ หรือไม่ปลอดภัย หรือไม่กล้า) ทำตัวให้กลมกลืนกับเค้า เค้าจะรู้สึกว่ามีเราอยู่เคียงข้าง ส่วนไอ้เด็กหนุ่มนั่น ก็เปิดๆรับให้เค้ามาคุยมาเล่น มองให้เป็นเพื่อนคนนึง แล้วก็ทำตัวให้เค้ารู้สึกเกรงใจ หรือบอกตรงๆคุยตรงๆกับเด็กผู้ชาย(ไม่ได้ห้ามหรือด้า หรือกระทืบนะ) ก็คบกันได้ ขวนมาทานข้าว หรือเล่นที่บ้านในมี่อยู่ในสายตาเรา (พูดถึงนะ สภาพแวดล้อมทั้งทางครอบครัวหรือสภาพแวดล้อมเด็ก คิดว่าคลุกคลีพวกนี้แน่ ถ้าเริ่มอยากเปลี่ยน เปลี่ยนที่ภายในครอบครังก่อนเลย ลองพิจารณาภายในครอบครัวดูครับ

ผมเชื่อเหลือเกิน ใดๆแล้วแต่ พื้นฐานครอบครัวจะสะท้อนออกสู่ภายนอกของเด็ก ถ้าครอบครังมีภูมิคุ้มกันที่ดี โอกาสเด็กจะหลงทางผิดมีโอกาสน้อยครับ