แทนที่จะได้มีเวลาเตรียมสอนเด็ก ดูแลเด็ก และตอนที่เรียนคณะครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์ ก็ไม่มีเนื้อหาเรื่องการเงิน พัสดุ ในหลักสูตรผลิตครูเลย

เท่ากับว่า มาทำ โดยไม่มีพื้นฐานใด ๆ มาก่อน ต้องมาศึกษาระเบียบเอาเองทั้งหมด

ก็เหมือนขาข้างหนึ่งเหยียบเข้าไปใน...ห้องกรง ชีวิตมันจะมีความสุขได้อย่างไร ยิ่งครูที่ตั้งใจอยากสอนนักเรียน อยากเต็มที่กับการสอน จะเครียดมาก ถ้าต้องรับหน้าที่การเงิน พัสดุ

เท่าที่ผมทราบ ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ครูบางท่าน ทำหน้าที่ด้านนี้ ป่วย ซึมเศร้า เข้าโรงพยาบาล ต้องรับยามาทานก็มี

ผมคิดว่า เหตุผลหนึ่งของรัฐบาลที่ไม่ยอมจ้างเจ้าหน้าที่มาทำงานด้านนี้ อาจเพราะ โรงเรียนทั่วประเทศมีกว่า 3 หมื่นโรง ถ้าต้องจ้างเจ้าหน้าที่ โรงละ 2 คน (พัสดุ 1 คน การเงิน 1 คน) ก็ต้องจ้าง 6 หมื่นกว่าคน ขั้นต่ำเงินเดือน 15,000 บาท คิดเป็นงบเกือบพันล้านบาทต่อเดือน

แต่ หนทางแก้ มันไม่มีแล้วจริง ๆ หรือ ?

ผมเคยส่งข้อความเสนอในเพจกระทรวงศึกษาไปว่า ถ้าท่านแก้ปัญหาไม่ได้ ท่านก็ไปบอกให้มหาลัย เพิ่มเนื้อหาบัญชี การเงิน พัสดุ ในหลักสูตรผลิตครูไปเลย จบ ๆ ไป

ปรากฏว่ามีอาจารย์สอนมหาลัย มาตอบไม่เห็นด้วย

เขาบอกว่า หน้าที่เขาคือผลิตนักศึกษาครูเพื่อสอนเด็ก

ไม่ใช่ต้องมาสอนการเงิน พัสดุให้นักศึกษา เป็นภาระของมหาลัยเปล่า ๆ ผิดวัตถุประสงค์การผลิตครู

เอาเข้าไป....

เวรกรรมตกที่ครู

ยิ่งครูบรรจุใหม่ ๆ วัย 20 กว่า ๆ ที่กำลังมีพลังการสอนอย่างเต็มเปี่ยม แล้วต้องมารับงานนี้ทันที

บอกเลยน่าสงสารมาก ๆ

แถม ถ้าเจอ ผอ.โรงเรียน ที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตอีก ก็ได้พากันไปเที่ยวห้องกรงทั้งคณะ

นั่นแหละ....ทำไมต้องเป็นครู

หลายวันก่อนได้ฟังแนวนโยบาย ของ รมต.ศึกษา ท่านใหม่

นโยบายเร่งด่วน มีแจกแท็บเล็ต แก้หนี้สิน ปรับเรื่องการย้าย / ขอวิทยฐานะของครู

คืออยากจะบอกว่า ถ้าเปรียบการชกมวย ก็เหมือนท่านชกลมนะครับ ไม่ถึงเป้าเลย

แท็บเล็ต เคยแจกแล้ว สมัย รบ.ยิ่งลักษณ์แล้วผลเป็นอย่างไร ? ทำไมถึงติดใจจะแจกนัก
อีกอย่างยุคนี้มันต่างจากสิบปีก่อน สมาร์ตโฟน แท็บเล็ตมันเข้าถึงกันได้มากขึ้น
ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องตั้งนโยบายนี้เป็นหลัก

เรื่องหนี้สิน มันเป็นเรื่องส่วนตัวของครู ก่อเอง ควรแก้เองเป็นสำคัญ

วิทยฐานะ / การย้าย เกณฑ์ปัจจุบันก็ดีอยู่ ไม่ต้องปรับเพื่อโชว์ว่า ตนเองมาเป็น ก็ปรับให้แล้วนะ


เรื่องที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนคิดจะแก้ อย่าง การเงิน พัสดุ การอยู่เวรยามของครู

ทำไมไม่คิดจะแก้กันล่ะ ?

เพื่อนผมที่เป็นครูก็บ่นเหมือนกัน อยากเป็นครูสอนเด็กแต่ต้องมาทำงานนอกเหนือจากการเป็นครูสากกระเบือยันเรือรบ ธุรการ บัญชี 9ล9 จนบ่นอยากจะลาออกทุกวัน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมครูถึงออกจากระบบไปทุกวันๆ เงินเดือนก็น้อย โรงเรียนไกลๆบ้านพักก็อย่างกะบ้านร้าง

เข้าใจว่า รร.หนึ่ง เป็นองค์กรขนาดเล็ก

ครั้นจะให้มีทุกตำแหน่งมันก็ไม่เวิร์ค แบบทุก รร. มี จนท.การเงิน พัสดุ

แบบถ้าเปิดตำแหน่งแบบนั้น มันก็ไม่คุ้มพอจะจ้าง แต่จะให้ครูมาทำมันก็เกินหน้าที่ครูไปอีก

เป็นตำแหน่งที่เฉพาะทางพอสมควรนะครับ ถ้าเป็นหน่วยงานอื่น

เขาจะเปิดรับตำแหน่งนี้ไปเลย แล้วชอบโยนให้ครูใหม่ๆทำด้วยนะ

แถมยังไม่รวมครูไปจ่ายตลาด ทำกับข้าวให้เด็กกินอีกนะ

ทำทุกอย่างยกเว้นสอน

โรงเรียนก็เหมือนเป็นสาขาของบริษัทนึง จะเอาให้มีพนักงานทุกตำแหน่งเหมือนสาขาใหญ่หรือสำนักงานใหญ่คงไม่ได้

บางพื้นที่ มีโรงเรียน แต่นักเรียนมีน้อย การเอาทุกตำแหน่งมาลงตรงนี้ ถ้าเป็นบริษัทก็ขาดทุนยับอะครับ โรงเรียนก็เหมือนกัน มันก็เลยกลายเป็นว่า บางตำแหน่งต้องทำงานสารพัดอย่าง

พอจะยุบโรงเรียน เพื่อเอาเด็กไปเรียน รร ที่พร้อมกว่าก็มีดราม่า
แต่ถ้าจะดำเนินการแบบนี้ มันก็คงต้องเป็นแบบนี้ต่อไป

มันเลยแก้ไขอะไรไม่ได้ครับ

ทางแก้นะครับ

ผมว่า ให้ส่วนกลางของจังหวัด/อำเภอ รวบงานการเงินไปดูแลเลยครับ รร มีหน้าที่จัดการเรียนการสอน ส่วนเรื่องหลังบ้านให้ส่วนกลางทำ

แต่มันจะมีการลดอำนาจ ผอ ของแต่ละ รร บวกการรวมศูนย์มันก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ถ้าส่วนกลางทุจริต แต่จะเป็นการลดภาระจองครูใน รร แน่นอน

คำตอบอยู่ในวรรคที่ 5 ของท่านนั่นแหละครับ ทางแก้ตอนนี้คือให้มีหน่วยงานที่คอยช่วยเหลืออย่างพวก สนง.เขตพื้นที่

กับที่ทำอยู่คือยุบ ควบรวม รร ขนาดเล็ก

เคยทำงานราชการในสำนักงานขนาดเล็ก
ก็ต้องทำเองแทบทั้งหมดเหมือนกัน การเงิน พัสดุ ธุรการ
ส่วนถ้าไปสำนักงานใหญ่ เขาก็มีแยกแผนกชัดเจน

หลายหน่วยงาน เอาข้าราชการที่ทำด้านอื่นมาทำเหมือนกันครับ ก็ยังแปลกใจทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่ด้านนั้นๆ ที่เชี่ยวชาญกว่ามาทำ

นโยบายต้องคิดในเงื่อนไขที่ว่ามีเงินทอนด้วยหรือเปล่าคับ

น้องสาวผมโดนเต็มๆครับ เจ้าหน้าที่พัสดุ
อายุน้อยสุด เป็นเด็กจบใหม่ ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยแต่ก็จำยอมเพราะเป็นแค่ครูผู้ช่วย หากเรื่องมากกลัวไม่ผ่านประเมิณ
ตอนนี้ผ่านมา3ปีแล้ว ผ่านครูผู้ช่วยเรียบร้อย แต่ก็ยังทำพัสดุอยู่ เข้าออก สพม. อยู่เรื่อย จนเจ้าหน้าที่เขตรู้จักหมดแล้ว

ไม่ใช่แค่ครู หน่วยงานเล็กบางแห่งของราชการก็มีครับ แล้วงานปกติก็เหนื่อยอยู่แล้วด้วย จริงๆถ้าเทียบกับครูแบบหลังนีี่คือไม่ได้ไรเพิ่มเลยนะครับ ครูยังมีค่าวิทยาฐานะ ตำแหน่งเลื่อนไหลไป ชพ ได้ทุกคนอีก

ถ้าครุไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะครับส่วนคนที่ตอบว่าก็จ้างพัสดุ การเงิน รปภ เพิ่ม ผมขอถามหน่อยว่าจะเอาเงินจากไหนจ้างโรงเรียนในไทยมีหลายหมื่นโรงเรียนเอาโรงเรียนนึงจ้างพัสดุ การเงิน รปภ อย่างละคนมันจะกินงบประมาณไปเท่าไหร่ คิดเล่นๆไทยมี3หมื่นโรงเรียน พัสดุ15000บาท การเงิน15000บาท รปภ10000บาท 1เดือนคือ40000บาทต่อ1โรงเรียน 30000โรงเรียนก็1.2พันล้านต่อเดือนนี่ยังไม่รวมการขึ้นเงินเดือน บำนาญ และสิทธิรักษาพยาบาลอีกนะครับ เอ้อ และสำหรับคนที่ยังไม่รู้ผมบอกอะไรหน่อย2อย่าง อย่างแรก กระทรวงศึกษาเปนกระทรวงที่งบเยอะสุด(เยอะกว่าคมนาคม คลัง มหาไทย กลาโหม ซะอีก) และงบของกระทรวงศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ไปลงที่การซื้อสื่อการสอน อุปกรณ์การสอน สร้างโรงเรียนนะครับ แต่ว่าไปเป็นเงินเดือนครู อย่างที่ 2 คือ ข้าราชการอื่นหลายๆข้าราชการเค้าไม่ใช่ตำแหน่งพัสดุหรือการเงินเค้าก็ได้ทำการเงินกับพัสดุเหมือนกัน อย่างพยาบาลก็ได้ทำพัสดุกับการเงินแน่นอนพยาบาลเค้าก็ไม่ได้เรียนด้านนี้มาเหมือนกันเค้าก็ยังเรียนรู้จนทำได้เลยทำไมพวกครูมันจะเรียนรู้ไม่ได้ครับ???

ครูบอกว่าข้าราชการอื่นบางข้าราชการมีการเงิน มีพัสดุเลยไม่ต้องทำพัสดุใช่ไหม ถ้างั้นครูไม่ต้องเอาเงินวิทยฐานะ กับ ตำแหน่ง คศ3. มีจำกัดแบบที่ ชพ ของข้าราชการพลเรือนมีจำกัด และจากนั้นผมจะเอางบประมาณในส่วนของเงินเดือนครูที่มันลดลงไปจ้างพัสดุ การเงิน รปภ เพิ่ม ครูจะเอาไหมครับ