ไปดูมา สนุกมั้ย สนุก อารมณ์ไหลลื่นดี
ด้วยความที่ไม่ได้ดูหนังไทยมานานมาก
มีข้อสงสัย อยู่ครับ ยอมรับว่าไปดูตามกระแส

คือเหมือนหนังมันไม่คลายปม หรือผมไม่ได้ตั้งใจดู

-สรุปไม่ได้คลายปม ใบข้าว หรือ แค่ที่ใบข้าวยังอยู่+หลอกคนทั่วหมู่บ้าน แค่เพราะ แรงผูกพันจากเซียง (แฟนเก่า)
-ฉากซึ้งผมว่าทำได้ดีนะ แต่มีอารมณ์แอบยัดเยียดคำคมไปนิด
ในความคิดผม หนังเดินเรื่องด้วย บทความผูกพันคนกับผี และมีเดินเรื่องรองของตัวเอกในการฝึกหัดเป็นสัปเหร่อ โดยมีตัวเชื่อมที่งี่เง่าคือ เชียง
แต่ตอนจบก็จบแบบ เออจบไปเลย เชียงฟื้นสติ แล้วก้ไม่มาวุ่นวายกับด้านสัปเหร่อ ไม่มาแม้แต่ขอโทษหรืออะไรเลย
ในชีวิตจริงนี่เหตุการณ์แบบนี้นี่ตายคา..ไปละ

หรือผมตกฉากอะไรไป
ยอมรับว่าไม่ได้อินเท่าที่ควร

หรือมันต้องไปย้อนดู อะไรเพิ่มเติม ซึ่งยอมรับว่าคงไม่ไปย้อนดูครับ แค่อยากเข้าใจรายละเอียดเพิ่มขึ้น

ขอบคุณมากครับ

ผู้กำกับว่าอาจจะมีปล่อยเวอชั่นอันคัทยาว 4 ชม. อาจจะมีประเด็นที่ทำให้คลายสงสัยนะครับ

ทราบแต่ผมโดนนุ้งปริมตกค้าบ

ใบข้าวที่หลอกคน มันมาจากตอนจบ หนังหมอปลาวาฬ กับ mv เพลงน้ำตาครับ เซียงเมา ไปทุบโลง โลงแตก คาถาที่สัปเหร่อสะกดไว้มันหลุด

ที่ใบข้าวยังอยู่อาจจะเพระาศพยังไม่ได้เผา+ของขลังที่พ่อสัปเหร่อสะกดวิญญาณไว้หลุดทำให้ออกมาหลอกคน แต่พอมาดูดีๆ ใบข้าวเหมือนแค่มาหาคนในหมู่บ้านที่เึยรู้จักด้วย ไม่ได้มาทำร้ายใคร

ส่วนเซียงที่มีปัญหากับลูกสัปเหร่อในงานศพ น่าจะทำมาเพื่อให้เห็นว่าเซียงยังตัดไม่ขาดจนไม่สนใจว่าใครกำลังทำอะไร

สงสัยเรื่องเดียวกันกับผมเลยครับ เรื่องผีใบข้าวหลอกหลอน
แต่พอผมมานั่งคิดอีกที อาจจะเล่นจิกกัดกับความเชื่อของคนไทยด้วยมั้งครับ
ว่าแบบผีตายทั้งกลมมันจะเฮี้ยนนะ ทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ก็มีสิทธื์โดนหลอกได้หมด

ที่ผีใบข้าวออกมาหลอกชาวบ้านไม่ได้เป็นเพราะผูกพันกับเซียงอะไรหรอกครับ ตามความเชื่อคือคนตายท้องกลมต้องทำพิธีสะกดไม่งั้นมันจะออกมาหลอกคน เซียงมันดันเมาละไปทำลายสะกด ผีเลยออกมาแค่นั้น

แล้วเจ้าตัวก็ดันหลอนไปเองว่าใบข้าวมีอะไรจะพูดกับมันแต่จริงๆไม่มีเหมือนที่ลอดด่ามันนั้นแหละว่าหลอนไปเอง

ต้องเข้าใจก่อนครับว่า เรื่องนี้ ผกก. เจตนาเค้าไม่ได้ทำหนังมาเป็น หนังตลกหรือหนังผีครับ
เค้าทำหนังชีวิตครับ(เพิ่งไปดูรายการแฉกะเรื่องเล่าเช้านี้มา) เป็นหนังชีวิตที่เคือบไว้ด้วยความน่ากลัวของผีและความตลกของตัวละครครับ แต่แกนจริงๆของหนัง คือหนังชีวิต ที่มีการตีความของคำว่า "ความตาย" ต่างกันครับ ไม่ว่าจะเป็นเซียง สัปเหร่อหรือทุกๆอย่างในเรื่อง ล้วนเกี่ยวข้องกับความตายทั้งนั้นครับ

ผีใบข้าวเกิดขึ้นจาก การที่เซียงไม่สามารถตัดใจจากใบข้าวได้คับ พยายามหาวิธีติดต่อกับคนตาย แล้วไปทุบโลง
เอาเสื้อผ้าใบข้าวมาใส่ ทำให้การสะกดหลุดออกคับ ทำให้ผีใบข้าวมาหลอกชาวบ้าน

แต่แกนของหนังจริงๆคือ การตีความคำว่าความตายของเซียง คือ ความทุกข์และการจากลา เซียงไม่อยากให้ตัวเองทุกข์จึงไม่อาจตัดใจจากใบข้าวได้
แต่ใบข้าว ตีความคำว่าความตาย คือการละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่ หรือไปผุดไปเกิด
จึงเกิดฉากท้ายเรื่องที่ใบข้าวพูดกับเซียงว่า "พอได้รึยังเซียง" "ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว" "เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว" ขึ้นครับ
มันแสดงให้เห็นว่าที่ ใบข้าว ยังวนเวียนอยู่กับคนในหมู่บ้านไปไหนไม่ได้ เพราะเซียงพยายาม "ยื้อ" ผีใบข้าวไว้ครับ ใบข้าวเลยพยายามบอกให้เซียง ตัดใจและละทิ้งความทุกข์คับ
เปลี่ยนความหมายของการตาย = การเริ่มต้นชีวิตใหม่

ส่วนตรงนี้มันเลยต่อเนื่องไปถึง MV เพลง วาระเบิ่ดใจ ได้ เพราะเซียงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการแต่งงานกับ
ปริม ที่นอนด้วยกันในบ้านกับยายกับเซียงตอนจบของหนังนั่นแหล่ะคับ (จริงๆปริมชอบเซียงมาตั้งแต่ภาคแรกแล้วครับ)

ส่วนประเด็นที่สอง ทำไมเซียงไม่มาขอโทษ
เพราะทั้งสองต่างบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้วไงครับ
เซียงอยากติดต่อกับใบข้าว เลยมาเป็นผู้ช่วยสัปเหร่อ แล้วก็ติดต่อได้แล้ว ก็จบตรงนั้น
ส่วนสัปเหร่อและบักเจิ่ด อยากได้ผู้ช่วย ก็เลยเอาเซียงมาเป็นผู้ช่วย แลกกับวิธีติดต่อคนตาย(ใบข้าว)
เซียงก็มาเป็นผู้ช่วยให้แล้ว จนเจิ่ดเป็นงานหมดแล้ว พอพ่อตาย ผีใบข้าวเผา เรื่องมันก็จบแค่นั้นไงครับ
ที่สำคัญตัวละครมันเป็นเพื่อนกัน ต่อให้ไม่มาช่วย เจิ่ดมันก็ไม่ว่าอะไรกันหรอกครับ 555555

ส่วนเรื่องไปย้อนดู แล้วแต่ท่านเลยครับ แต่หนังมันก็เล่าตามตัวหนังไปเรื่อยๆง่ายๆครับ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
แต่อารมณ์แบบนี้ มันคืออารมณ์ของคนที่ไม่ค่อยเข้าใจตัวหนังเฉยๆครับ ว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไร เลยงงๆ
ว่าทำไมมันไม่ไปขอโทษหรืออะไร
แค่ดูสปอยและทำความเข้าใจเพิ่มเติม กับไปดูอีกรอบทีนี้ก็จะเก็ทเองครับ หรือรอดูในเว็บต่างๆก็จะเข้าใจเองครับ

ปล.แต่ยอมรับเลยว่า ตอนผมดูทีแรกว่าสนุกแล้ว ว่าหนังมีมิติทีดีของหนังผีกับหนังตลกอยุ่ด้วยกัน
พอมานั่งดูตอนผกก.ไปรายการต่างๆ แม่งยิ่งรู้สึก ลึกซึ้งกว่าเดิมขึ้นไปอีก รู้สึกว่ามีมิติขึ้นไปอีก
เพราะผมก็เพิ่งรู้สึกนี้แหล่ะว่า หนังเรื่องนี้มันคือหนังชีวิต ที่ตีความเกี่ยวกับคำว่าความตายจริงๆ