เกริ่นก่อนแจกเงิน 10,000 บาทเนี่ยถ้าคนในแต่ละกลุ่มได้ไปเค้าจะเอาไปทำอะไร

1. รากหญ้า - จ่ายหนี้ ซื้อข้าวของเท่าบ้าน เอาไปทำทุนเล็กๆน้อยๆ ถามว่าชีวิตดีขึ้นไม่ --> ไม่เลย
ในระยะยาว รากหญ้าก็เป็นรากหญ้าเหมือนเดิม เงินหมุนเข้าCorpค้าปลีกใหญ่ๆหมด
2. คนชั้นกลาง - เงินประมาณ 10,000 หาได้ไม่ยาก ก็คงซื้อของเล็กๆน้อยๆ ชีวิตก็เหมือนเดิม
3. คนรวย - ไม่พูดถึงละกันเศษเงินของเค้า

รัฐบาลเพื่อไทย/ทักษิณขึ้นชื่อเรื่องนโยบายคลังที่สุดโต่งอยู่แล้ว จะมีคนออกมาค้านเยอะก็ไม่ผิด
แต่moveนี้ เค้าทำเพื่อรากหญ้าล้วนๆ คุยได้อีกนานแจกเงิน 10,000 รากหญ้าคือกลุ่มคนที่ไม่มีความรู้ถูกชักจูงได้ง่าย และระยะกลางผมมองว่าถ้าของมันแพงขึ้นจัดๆแล้ว จะมีความชอบธรรมในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งจะได้ใจรากหญ้าไปอีก

ปัญหาระยะยาวจะไปตกที่คนชั้นกลางซึ่งเป็นตัวแบกของประเทศ ถ้าดอกเบี้ยขึ้นละก็หนักแน่ หนักสุดก็คือภาระการผ่อนบ้าน/คอนโด

เรื่อง Multiplier effect ถามว่าจะเกิดขึ้นได้ไหม ก็คงได้แต่มันเสี่ยงมากๆ คงกะเปลี่ยน Sentiment ของรากหญ้าให้ดี แล้วมันจะดีต่อต่อกันขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้คงสนใจแค่รากหญ้าที่จะเป็นฐานเสียงตัวเองในอนาคตและ

ส่วนตัวผมออกไปในทางไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ อนาคตตัวเองหรือลูกหลานผมว่าต้องมองออกนอกประเทศบ้างและ ถ้าจะเอาใจรากหญ้าแล้วถีบคนให้คนชั้นกลางต้องไปอุ้มพวกนี้ จะอยู่ทำไม

ผมเห็นด้วยทุกประเด็นยกเว้นคำว่าถีบให้ชนชั่นกลางไปอุ้มนะครับ

เพราะประเทศรัฐสวัสดิการแข็งๆ คนรายได้มากกว่า(ไม่บอกว่าแค่ชั้นสูง) อุ้มคนรายได้น้อยกว่าอยู่แล้วครับ เป็นชนชั้นกลางยุโรป จ่ายภาษีจุกๆ อุ้มแรงงานและคนรายได้น้อยหนักๆเลยนะครับ

ผมว่ามันเป็นเรื่องสมควรด้วยซ้ำนะครับ

ชนชั้นกลางเหนื่อยทุกนโยบาย เพราะคือคนจ่ายภาษีซึ่งเป็นรายได้หลักของรัฐไม่เกี่ยวว่าจะรัฐบาลไหน
จะเบี้ยเด็ก เบี้ยคนชรา รัฐสวัสดิการ แจกเงิน ก็ต้องกู้แล้วเอาเงินมาจากภาษีจ่ายคืนทั้งนั้น

ซึ่งการที่จะมองว่าเป็นภาระมั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องนึง ที่ผมพิมข้างบนคือ fact แต่มันเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำอยู่แล้วในการช่วยคนชั้นล่าง จะผ่านนโยบายแบบไหนอีกเรื่องนึง
นโยบายที่ กก จะทำทั้งหลายก็ต้องมาเอาจากภาษีเช่นกัน

ปัญหาคือสิ่งที่เราให้กับสิ่งที่เรารับไม่ balance กันมากกว่าครับ
ถ้าเราอุ้มแล้ว คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น อันนี้โอเคมาก
แต่ถ้าเราอุ้มแล้ว ยังไม่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าต่างประเทศได้ก็อีกเรื่องหนึง

อันนี้ผมไม่นับรวมผู้พิการ/เด็กต่างๆนะครับ ซึ่งกลุ่มนี้เราต้องช่วยกันดูแลอยู่แล้ว

ทำไมต้อง 16 ปีขึ้นไป ถ้าไม่หวังคะแนนเสียง ? หรือควรลดไปที่ 14 ปี จะได้ฐานเสียบมากขึ้น อีก 4 ปีเลือกตั้งได้พอดี ! ดูไม่ออกเลยว่าตั้งใจใช้ภาษีซื่อเสียง ?

ถ้าไม่ได้เสกขึ้นมาใหม่ ดึงมาจากส่วนอื่น

คิดว่ากระทบไม่เยอะ ไม่มีอะไรแตกต่าง

ถ้าเสกขึ้นมา ก็จะกระทบเยอะกว่า

ที่มาของเงินสำคัญกว่า เอาไปทำอะไร

ใช่ คือคนจนที่ได้หมื่น เค้าก็เอาหมื่นนั้นไปใช้กับของที่อยากได้มูลค่าหมื่น

ส่วนพวกที่เอาไปใช้ซื้อของหลายหมื่น ก็จะเป็นชั้นกลาง ชั้นสูง มันก็ไม่พ้นโทรศัพท์ แบรนด์เนม หรือของต่างประเทศอื่นๆ ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเศรษฐกิจเท่าไหร่

ส่วนเรื่องใช้หนี้ ผมไม่มีประเด็นเรื่องอุ้มเด็ก คนแก่ คนจนเหมือนกันครับ แต่ของไทย ที่จ่ายๆไป มันไปอุ้มนายทุน อุ้มทหาร อุ้มนักการเมืองอ่ะสิ คนจน คนแก่ เด็ก ได้แค่เศษกระดูกแห้งๆ อันนี้เลยไม่โอเค

แถมเสียโอกาสพัฒนาคน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปอีกเยอะ เพราะเอาเงินมาลงตรงนี้

ที่กังวลกันคือมันจะไปกระชากเงินเฟ้อขึ้นพรวดๆ
เพราะเงินถูกยัดเข้ามาในระบบเศรษฐกิจแบบทันที
ใน 6 เดือน

สุดท้ายเงินหมื่นที่รัฐแจก
มันก็จะไปทำให้เงินหมื่นที่หามาได้เอง มูลค่าลดลงไปด้วย
ปัจจุบันค่าครองชีพไม่มีลดเลย ในภาวะเงินเฟ้อบ้านเราที่ช่วงนี้ตัวเลขนิ่งๆแทบไม่ขยับ แต่สินค้ากับพากันทยอยปรับขึ้นราคารับข่าวตลอด
หนี้ภาค ปชช ครัวเรือนก็ แบกดอกเบี้ยที่ขึ้นรอและเตรียมขึ้นตามเงินเฟ้อ กันหลังแอ่นแน่ๆ

ถ้าไม่กู้ ไม่มีปัญหาเท่าไร แต่กู้มามันแย่อยู่

ไม่เข้าใจว่าทำไมเงินเฟ้อต่ำทั้งๆ ที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงนี้ มีใครอธิบายได้ไหมครับ

ประเด็นไม่ควรจะเป็นเรื่องใครอุ้มใคร

แต่วิธีการใช้จ่ายเงิน มันเหมาะสม
หรือเปล่ามากกว่า

หว่านเงินแบบนี้ มันจะฟูขึ้นมาแป๊ปเดียว
สุดท้าย เงินเข้ากระเป๋านายทุน ไม่ก็ไปนอน
เอ้งเม้งอยู่ที่ธนาคาร

จริง ๆ แล้วเอามาตั้งกองทุนการลงทุน
จะยืนระยะได้นานกว่า ให้ประชาชน
ที่จำเป็น จะใช้เงินเพื่อสร้างกิจการ
หรือทำเกษตร หรืออะไรก็ตามที่ต้อง
ใช้เงินทุน แล้วไปก่อให้เกิดการจ้าง
งาน การผลิต มากู้ดอกถูกมาก ๆ
หรือไม่มีดอกไปเลย

แบบนี้เงินจะหมุนไปในระบบได้
หลายรอบ และยืนระยะได้นาน

เรื่องใครอุ้มใครมันเป็นประเด็นแน่นอน
คนมีเงินอุ้มคนไม่มีเงิน อันนี้ปกติ
แต่ของไทยคือ คนในระบบกลุ่มนึงอุ้ม…คนนอกระบบและคนในระบบอีกกลุ่มนึง