เดลี่ เมล สื่อเมืองผู้ดี รายงานว่า การที่พรีเมียร์ลีก จะนำเอาระบบจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติมาใช้นั้น มีปัญหาเรื่องสัญญาลูกฟุตบอลกับไนกี้ ที่ยังไม่มีการทดลองใช้กับเทคโนโลยีใหม่อย่างแพร่หลาย

รายงานเผยว่า ซอล์ฟแวร์ที่เกี่ยวกับการจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ ที่ถูกนำมาใช้หนแรกในศึกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อปลายปีก่อน เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Kinexon บริษัทวิเคราะห์จากเยอรมนี กับ Adidas ผู้สนับสนุนลูกฟุตบอลหลักของฟีฟ่า ซึ่งทำสัญญากับ ยูฟ่า ในการมอบฟุตบอลให้ลงเตะแชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย

ด้าน พรีเมียร์ลีก ทำสัญญาระยะยาวกับไนกี้ อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาในการขับเคลื่อน เพราะมีเทคโนโลยีทางเลือกที่ถูกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องติดตั้งเซนเซอร์เข้าไปในลูกฟุตบอล เหมือนกรณีลูกบอล อาดิดาส อัล ริห์ล่า ในกาตาร์

มีการระบุว่า สโมสรต่างๆ มีการพูดคุยเรื่องการนำเทคโนโลยีจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติมาใช้ภายในลูกบอลของไนกี้โดยที่ไม่ต้องติดตั้งเซนเซอร์ ตั้งแต่เมื่อปีก่อน แต่ยังไม่ปรากฏความคืบหน้า และการประชุมผู้บริหารของพรีเมียร์ลีก ตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการโหวตในเรื่องนี้

เชื่อว่า พรีเมียร์ลีก กำลังทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีมากมายเรื่องการพัฒนาระบบอัตโนมัติแบบเดียวกันขึ้นมา โดยไม่ต้องนำชิพไปฝังในลูกบอล

สำหรับเทคโนโลยีที่ยูฟ่า ใช้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก และยูโรป้า ลีก ก็ไม่มีการนำเซนเซอร์ไปใส่ในลูกบอลเช่นกัน แม้พวกเขามีสัญญากับอาดิดาส

เซเรีย อา กลายเป็นลีกแรกที่นำระบบดังกล่าวมาใช้ตอนครึ่งซีซั่นที่แล้ว แม้ว่าเวอร์ชั่นของแดนพิซซ่านั้น จะไม่มีการใส่ชิพลงไปในลูกบอลของพูม่า

พรีเมียร์ลีก จะหมดสัญญากับไนกี้ ที่เป็นสปอนเซอร์มายาวนาน 25 ปี ก่อนใช้บอลของพูม่า ในฤดูกาล 2025-2026 ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น เทคโนโลยีการติดตามลูกบอล น่าจะถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายโรงงานแล้ว

สำหรับเทรโนโลยีที่ใช้ในกาตาร์นั้น เป็นการนำกล้องหลายสิบตัวในสนามเก็บข้อมูลบนตัวนักเตะ 29 แห่ง ถี่ถึง 50 ครั้งต่อวินาที

ขณะที่เซนเซอร์ในลูกบอล ที่อ่านค่ามากกว่า 500 ครั้งต่อวินาทีนั้น จะจับค่าได้อย่างเที่ยงตรงเมื่อมีการสัมผัสบอล

ออกข่าวมายังงี้คือจะให้ไปด่าไนกี้หรอครับ 555

ดีครับ
พัฒนาปิด pain point เรื่องนี้ให้ได้ชัดเจน แบบ Goal line
ยังมีส่วนอื่นอีก เช่น การทำฟาวล์ การให้ใบเหลือง/แดง
ที่ต้องใช้วิจารณญาณของกรรมการ ที่ต้องพยายามทำให้ชัดเจนต่อไป

แฟนบอลอย่างเราๆ ชอบเกมส์ที่มันเคลียร์ๆ ครับ

ก็เท่านั้น อาทิตย์หน้าก็เงียบเหมือนเดิม

โลกพัฒนาไปแล้ว
แต่พรีเมียร์บอก ไม่ใช้ จะทำไม

เค้ายังชอบการตีเส้นแบบเดิมๆ และกรรมการข้างสนามก็ปล่อยให้เล่นไปก่อนจนเตะเข้าประตูแล้วถึงจะยกธงล่ำหน้า

เมื่อคืนลูตันกับเบิร์นลีย์ก็มีประเด็นฝั่งลูตันน่าจะได้จุดโทษครับ แต่ก็นั่นแหละทีมเล็กเสียงไม่ดังเลยไม่มีคนพูดถึง

เสน่ห์ของฟุตบอลครับ อ่าห์

สรุปคือ ถ้าจะทำพวกกูก็ทำได้นะ แต่พวกกูเลือกเอาเงินเข้ากระเป๋าก่อน

หลัง ๆ เป็นเสนียดไปแล้ว

ไปร่วมงานกับกูเกิ้ล ก็น่าจะดี ขานั้นมองได้ทุกมุม ยันนอกโลก

ไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆ สินะ

แค่ดูจอย้อนหลังง่ายๆ ไม่ทำกัน มาอ้างลูกบอลไนกี้ เพื่อ!!!

โคตรไร้สาระ

คือเจรจากับ Nike ได้ แน่ๆ
Nike ก็คงเห็นด้วยที่จะติด censor เพื่อความ fair ในการตัดสินเกมกีฬาอยู่แล้ว
เทคโนโลยี ก็พัฒนาร่วมกันได้

ไม่ทำไง เพราะอะไรวะ เพราะเงินเหรอ อ้างนู้นนี่นั่นไปเรื่อย แทนที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น

ตามข่าวมานี่ ทางสมาคมผู้ตัดสินให้เหตุผลว่า ทีมในพรีเมียร์โหวตไม่ใช้เองเพราะกลัวเทคโนโลยีจะล้าสมัยในไม่ช้า ( ไม่อยากลงทุนเพิ่มมั้ง ) เลยหันไปพัฒนาVAR ของเก่า โดยเพิ่มกล้อง ไปที่มุมอับอีก 4ตัว แต่ผลก็อย่างที่เห็น (จะเข้าข่ายเสียน้อยเสียยากไหม)


ส่วนactionของลิเวอร์พูลนี่ต้องการยกระดับการตัดสินจริงๆ ใน LIVERPOOL ECHO ก็เกริ่นๆเรื่อง SEMI AUTOMATE อยู่เหมือนกัน ปตกติทีมหงส์แดงนั้นชื่นชอบการใช้ฐานข้อมูลในการประมวลผลเรื่องต่างๆอยู่แล้ว ดังนั้นการตัดสินที่เกิดความผิดพลาดส่วนบุคคลบ่อย ไม่แปลกที่ทีมจะรับไม่ได้