อย่าไปหวังเครื่องสแกนเลยครับ ล่าสุดผมก็ไปห้างที่ก่อเหตุเข้าประตูตรงทางเชื่อมbts ก็ดังเหมือนกันก็ไม่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจอะไร แล้วถ้ายิ่งเข้าทางลานจอดรถยิ่งสบายเลยครับบางชั้นไม่มีเครื่องสแกน

ผมเพิ่งกลับจากมะนิลามา มี scanner กับผู้คุมทุกประตูจริง แต่ก็ไม่ได้ตรวจเข้มทุกคนทุกใบเหมือนกัน มีหลายคนหลายครั้งที่ scanner ดัง แต่ผู้คุมก็ปล่อยไป ไม่ได้เปิดดู ขนาดห้างใหญ่ๆ อย่าง Mall of Asia / Greenbelt ก็เป็นงี้

แต่ฟิลิปปินส์เค้าก็เข้มกว่าเราจริง เพราะแม้แต่ร้านอาหารบางร้านยังมี scanner เลย // รร. ที่ไปพักก็เอากระเป๋าเดินทางแยกเข้าเครื่องตรวจจับแบบสนามบินเลย

คือเครื่องสแกนช่วยกรองชั้นนึงไงครับ

สุดท้ายก็ต้องใช้ จนท ตรวจ

ไม่ได้บอกว่าการมีเครื่องแสกนไม่ดี แต่ผมว่ามันไม่ได้ช่วยที่ต้นตอปัญหา
ประเทษเจริญๆหลายประเทศ พวกโลกที่ 1 ก็ไม่มีการแสกนเข้าห้างรวมทั้งรฟฟ ทั้งหลาย
แถมคนแบบนี้ ถ้ามันเข้าพารากอนไม่ได้ มันไปทำที่สยาม ที่ไหนแถวๆนั้นก็ได้

ผมมองว่าต้องแก้ที่การเข้าถึงปืนมากกว่า ถ้าเคสอื่นยิงที่ถนนหรือจอดรถ หรือที่อื่นๆจะไปแสกนยังไงหมด

ถ้าห้างพารากอน 2ชม คงไม่พอ

เค้าไม่ฟ้องเองหรอก ห้างระดับนี้มันมีประกันก่อการร้ายอยู่แล้ว แค่ไปเรียกร้องกับประกัน
ส่วนประกันจะไปไล่เบี้ยกับพ่อแม่เด็กอีกทีนั่นก็อีกเรื่องนึง

จริงๆเค้าดูหน้าตาแหล่ะครับ 555 (ผมนอน New World ตรงข้าม Greenbelt เลย) คือบางคนดูน่าสงสัยก็ขอตรวจ แต่ส่วนใหญ่ก็ปล่อยๆไป หรืออย่างแทกซี่เข้าโรงแรมนี่ส่องใต้ท้องรถด้วยซ้ำ แต่ก็ดีกว่าไม่ตรวจอะไรล่ะนะ

ที่ประเทศอินโดนีเซีย ห้างใหญ่ ๆ ต้องสแกนกระเป๋าทุกครั้งครับ เพราะที่นั่นวางระเบิดกันบ่อย แต่ไม่ได้เป็นข่าว

ฟ้องได้ครับ ก็เหมือนเด็กทำของพังน่ะแหละ พ่อแม่ก็ต้องรับผิดชอบ แต่เฉพาะแพ่งเท่านั้นนะ เอาพ่อแม่ติดคุกแทนไม่ได้

ส่วนตรวจสอบคนเข้าห้าง ผมว่ามันทำไม่ได้หรอก ถ้าต้องต่อคิวเข้าห้างนี่กระทบท่องเที่ยวหนักเลย เป็นผมก็คงขี้เกียจไปห้างล่ะถ้าต้องรอตรวจ 15 นาที ไปแก้เรื่องกฏหมายอาวุธปืนพวกนี้น่าจะดีกว่า เราไม่ได้มีปัญหาแบบเมกาที่เค้าปืนเสรีและแก้ไม่ได้ ของเราปืนมันไม่เสรีอยู่แล้ว ก็แค่เอากฏหมายให้หนักขึ้นและบังคับใช้หนักๆ มันก็ช่วยได้เยอะล่ะ

ถ้าเป็นเมกา ไอ้เด็กนั้นอาจจะได้ยิง 1 นัด หลังจากนั้นลงไปนอนเฝ้ารากมะม่วง ครับ ส่วนใหญ่มันเลยไปลงก่อเหตุที่โรงเรียน หรือโรงเรียนเด็กที่เขาไม่สู้คน ไม่มีอาวุธ