...การสร้างกล้ามเนื้อ

คิดว่าสำคัญที่อาหารด้วยส่วนหนึ่ง เราอาจจะเป็นชาติที่มีวินัยด้านการกินโปรตีนน้อยกว่าฝรั่ง เพราะอาหารแป้งเราอร่อยและเข้ากับเครื่องปรุงรสจัด

ส่วนตัวแนะนำ Pea Protein ละกันเป็นโปรตีนไอโซเลทคือไม่ได้มีไขมันมาด้วยเหมือนพวก whey ราคาถูก
ไม่มีผลด้านสูโดเอสโตรเจนแบบพวกโปรตีนถั่วเหลือง กรดอะมิโนไม่ครบแต่ก็เสริมจากมื้ออาหารทําที่เป็นเนื้อสัตว์ได้
ได้

ส่วนเรื่องฟิตเนส การคำนวณสารอาหาร ตอนนี้ผมว่าองค์ความรู้มันถูกจำกัดอยู่ที่สโมสรระดับบนอยู่ค่อนข้างมาก เพราะมันก็ต้องอาศัยความละเอียดพอสมควร ถ้าจะทำ Thailand way ควรจะเอาสูตรตรงนี้ออกมาเผยแพร่ด้วย เพราะกล้ามเนื้อ ความสูง ยิ่งสร้างเร็วก็ยิ่งได้เปรียบ เราคงไม่คัด genetic แบบจีน เกาหลี ก็ต้องใช้วิทยาศาสตร์แบบญี่ปุ่น ซึ่งมันจะต้องวัดค่าทุกสัปดาห์

...การเพิ่มความอดทน

ก็คือ endurance ตัวนี้เป็นปัญหาที่มีในทุกชนิดกีฬาส่วนหนึ่งผมคิดว่าเพราะสภาพอากาศเราที่เป็นแบบร้อนชื้น ทั้งร้อนทั้งเหงื่อจะเป็นลม อย่างในกีฬาจักรยานเราก็มีแต่ sprinter ที่ไประดับเอเซียได้

แต่ของยุโรปคือ เท่าที่ผมดู track ใน strava เขาออกปั่นออกวิ่ง 8 โมง หยุดเที่ยง ต่อบ่ายก็ยังได้ ความ endurance ธรรมดาๆของเขามันเลยกลายเป็น special ของเราที่ต้องรอหน้าหนาว แดดร่มลมตกถึงจะทำได้

ข้อนี้ผมเสนอว่า มันก็ควรมีที่ซ้อมในร่มแหละ หรือวิ่งลู่ให้มากขึ้น แล้วก็มีการวัด vo2max ไอ่เครื่องมือนี้แต่ก่อนแพง แต่ตอนนี้ผมว่าจีนถูกลงก็เยอะ มันควรเข้าไปในระดับโรงเรียนได้เลย


...ความเข้าใจแทคติค

จริงๆมันก็ไม่ต่างจากชีวะ เคมี เลข หรอก จากที่ผมอ่านหนังสือของเป๊ปนะ เล่มละ 400แต่ต้องอาศัยจินตนาการเยอะ แล้วก็จดจำ ซ้อม

ปัญหาคือบอลเด็กเรา โค๊ชอาจจะคิดว่ายัดแทคติกให้เด็กมากแล้วมันจะมั่ว แต่ผมว่าเด็กนี่แหละวัยเรียนรู้และซึมซับเลย การให้เด็กรู้เยอะมันก็ดี

ตัวนี้เป็นเรื่องของปรัชญาและ mind set เป็นความฉลาดละ แต่ถ้าสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ได้เยอะ เด็กก็ได้เปรียบ

ผมว่ามันต้องเสริมไอคิว อีคิวเข้าไปด้วยอ่ะ ควบคู่กับ physical

Off the ball คนไทย ยังไม่ค่อยเข้าใจกันเลย(โดยเฉพาะแฟนบอล) ถ้าร่างกายอย่างเดียวคือ key of success พวกแอฟริกาคงชนะไปละ

ตอนนี้ในไทยมันชนเพดานกันหมดแล้ว แทบจะดันไปมากกว่านี้ไม่ได้ละ
ยังไงก็ต้องไปจบที่ฝากเลี้ยงในยุโรปถึงจะทะลุไปอีกขั้นได้

ของอย่างนี้มันต้องทำตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่ว่ามาเอาจริงในทีมชาติชุดใหญ่แล้วจะได้ผลเสมอไป

ถ้าใครฟิตเนสประจำจะเข้าใจว่าร่างกายต้องสร้างตั้งแต่เด็กๆเลยหรืออย่างช้าคือวัยรุ่น 15-20 ปีนี่สำคัญมากเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงได้ก้าวกระโดดถ้าหมดช่วงนี้ไปจะทำร่างกายก็ไม่เห็นผลเร็วแล้ว

ท่านต้องหาวิธิี ยังไง ถึงจะเอาไอเดียว ความเห็นจากแฟน ๆ ไปสู่โค้ชสมาคมได้


เราไม่รุ้เลย ว่า สมาคมได้มีการวางแผน การประเมิน การใช้เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ กับ เยาวชนมั้ย เพราะส่วนใหญ่ คนทำงาน คนในวงการ หน้าเก่าๆ เดิม ๆ พอไปเอามาจากนอกประเทศก็จะมีข้ออ้าง ปัญหา ภาษา และวินัย

มีทางเดียว และได้ประสิทธิภาพที่สุด คือ ผลักดันส่งเด็กออกไปเล่น ตปท ช่วงเป็นดาวรุ่งที่สโมสร ตปท เขาจะปั้นเอาไว้ใช้งานได้

อย่าไปหวงนักบอลไว้กับทีม (สุดท้ายสิ่งยั่วยุ สิ่งแวดล้อมของบ้านเรามันมากเกินไป มันทำให้ติดหล่มอยู่แบบนี้)
ใครมีแววก็ขายไปเหอะ แล้วปั้นเด็กใหม่มารอขายแทนต่อๆไป

ส่วนคนที่ได้ไปก็ไปเล่นพัฒนาตัวเอง การดูแลสภาพร่างกาย การฝึกซ้อมว่าเขาทำยังไงให้วิ่งได้ เกือบทั้งเกมส์
ไทม์มิ่ง Off the Ball ว่าควรทำอะไรเวลาไหน ช่วงไหนของเกมส์
ไปเปิดโลกฟุตบอลในระดับสูง

พอเลิกเล่นก็มาเป็นโค้ช เอา ปสก ที่ได้มาเจอมา มาใช้กับเด็กไทยรุ่นต่อๆไป ถ้าไปกันหลายคน มันก็จะได้เอามา ปสก มาใช้ได้หลายทีม หรือจะคุมเด็กเยาวชนสโมสร หรือเปิดอะคาเดมี่สอนเด็กต่อไป

ต่อให้จะโดนปลดไว แต่คนที่เข้ามาแทนก็ได้เอา ปสก มาใช้ได้อยู่ดี เพราะไปสัมผัสการเล่นระดับสูงมาแล้ว

นอกจากจะไป ตปท คือ ได้ชื่อเสียง บารมี เอามาใช้กับเด็กไทยได้


ที่เห็นวิ่งกันน้อย ความเข้าใจเกมเด็กไทยน้อย ก็เพราะ โค้ชไทย ที่สอนๆ ที่คุมทีมอยู่กันเวลานี้ มีใครเคยผ่านการแข่งขันระดับสูงมากบ้าง
แต่ละคนผ่านความเข้มในการแข่งขันจากบอลขี้เกียจ หนีเที่ยว บอลกึ่งอาชีพ วินัยแย่ แล้วจะแปลกยังไงที่บอลไทยยังเหมือนเดิม


นี่แค่พาร์ทในสนามนะ

ส่วนนอกสนาม ถ้าอากาศมันร้อน มันขี้เกียจ ก็สร้างคลับเฮ้า ที่ทันสมัย (ในงบที่มีรออัพเกรด)
มาจากบ้าน ก็มาเข้ายิมเช้า กินนอน รอซ้อมตอนเย็นต่อไป


จะว่าไปสโมสรไทยนี่แม่มก็ร่วยเกิ๊น จ่ายเงินให้กับ นกฬ ที่ทำงาน 3-4 ชม ต่อวัน เป็นหมื่นเป็นแสน (เสียดายเงินบ้างมั้ย ถามจริง)

ผมยืนยันคำเดิม ถ้ายังอยุ่ในไทย สภาพแวดล้อมชิลๆแบบนี้ ไม่มีวันทำกันเองได้ ต้องพึ่งลีคนอกเท่านั้น ถ้าเค้าซื้อไปเล่นน่ะฟิตแน่นอน อยู่ไทยโคตรสบายจะเหนื่อยเพิ่มทำไม

แล้วชอบหวงไม่ค่อยปล่อยด้วย

ฝีเท้านักบอลไทย มันน่าเรียกค่าตัวแพงขนาดนั้นเลยเหรอ
อันดับโลกก็หลักร้อย ผลงานทีมชาติในเอเชียก็กระท่อนกระแท่น
ค่าตัวแพง แถมค่าเหนื่อยก็ยังสูงอีก

เบื้องหน้าเหมือนจะไม่มีใครเอา แต่พอหลังบ้าน ส่วนใหญ่จะบอกว่าก็มีทีม ตปท ติดต่อมา
(แล้วคือทำไมไม่ปล่อย ปล่อยยืมไปให้เขาลองใช้ดูก่อนก็ได้ ถ้าเข้าตา เขาก็ยื่นเอง )




แต่ถ้าปล่อยกันเองในลีค จะเรียกเท่าไหร่ก็เรียกไป ช่วยทีมเล็กๆไป

เท่าที่รู้สโมสรในไทยมีแค่สองทีมที่มีทั้ง โค๊ชฟิตเนส แล้ว นักโภชนาการ คือบีจีกับ บุรีรัม บียูไม่แน่ใจ แต่ทีมใหญ่ที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีหรือมีไม่ครบแน่ๆ เอาแค่นี้ความฟิตก็ไม่มืออาชีพแล้ว ในเมื่อการดูแลสภาพความฟิตนักเตะไม่ได้ตามมาตรฐานนักเตะอาชีพ จะพัฒนาไปข้างหน้ายังไงก่อน เอาแค่นี้ดีกว่า

บ้านเราเห็น บรร ยังกินเวย์ Nutrilife หรือ Herbalife รึเปล่าที่เป็นสปอนเซอร์อยู่เลย
แต่ญี่ปุ่นไม่กินเวย์มาซักพักแล้ว อาหารหลักล้วนๆ ใช้ตรวจเลือดหาค่าสารอาหารที่ขาดแล้วเติม

ส่วนตัวในฐานะคนออกกำลังกาย ไม่ค่อยซีเรียสนะถ้าจะกินเวย์ เวย์นมปกตินี่แหละ จริงๆไขมัน ต่อ serving มันไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น เดี๋ยวนี้ราคาถูกแล้วด้วยไม่เหมือน 8-10ปีก่อน

ส่วน โค้ชฟิตเนส ของ BG ผมรู้ว่ามีเพราะคนที่วางแผนให้คือคนที่สอนอยู่ใน คอร์ส PESA Certified ของ Planforfit ซึ่งผมรุ้จักกะทีมงาน แต่ขนาดมีโค้ชแยกแล้ว ผมไม่รู้สึกเลยว่า BG ฟิตกว่าทีมอื่น นี่พูดตรงๆ ซึ่งไม่รู้ทำไม

ส่วน แทคติค บอกเลย ขนาดเจไปน่ะ ตอนเล่นคอนซะที่ว่าพีคๆร่างทอง เห็นคอมเม้นท์ สด ในแมตช์ มีแต่คนด่าว่ายืน off the ball ไม่ได้เปรียบ และเป็นที่มาของคำว่า เพื่อนไม่ส่ง แล้วก็เถียงกันอยู่ในไลฟ์

และแน่นอน พอมาเล่น ทีมโรบอตแบบฟรอนตาเล่ยิ่งหนักเลย มันยิ่งแปลกแยกจนเห็นได้ชัดว่า นักบอลไทย ที่ความเห็นส่วนตัวผมตอนนี้คือ No.1 ยังยืนตำแหน่งไม่ดีเลย

เช็คตอนไปแรกๆก็เป็น แต่พอปรับตัวได้ ผมว่า เช็คยืนตำแหน่งดีกว่าเจน่ะ นับเฉพาะ off the ball
นี่ขนาด คอนซาโดเล่ ไม่ได้มีแทคติคอะไรซับซ้อนเลยนะ แล้วซ้อมเหมือนเดิม ยังต้องปรับเลย

ลองคิดภาพไปเล่นที่ไบร์ทตัน เอาแค่ความเข้าใจเกมส์ นักเตะเราน่าจะไม่รอด

เพราะงั้นความเข้าใจในแทคติค ระดับที่มีความซับซ้อนสูง นักเตะเรายังไม่ผ่านครับ