เครื่องเก่าผม ip5กล้องหลังเปิดไม่ติดถ่ายได้แต่หน้าเลยเปลี่ยนเป็น ip7 จอแตก
เปลี่ยนเป็น 13pro ตอนนี้เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ารุ่นใหม่ว้าวค่อยเปลี่ยน
เหมือน 14 15 ไม่มีอะไรให้ว้าวเลยนอกจากเร็วขึ้นกับกล้องแค่นั้นเองสำหรับความรู้สึกผม

ios ก็ยังอัพได้อยู่ ก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร
เหมือนไม่ได้ตามเทคโนอะไรขนาดนั้น ถ้ามันใช้ได้อยู่ก็ไม่ได้อยากเปลี่ยน

ทำไมผมคิดอีกแบบครับ

1. แบบใช้จนพัง

เครื่องละ 50,000 จ่าย 1 ครั้ง ใช้ 5 ปี ตกปีละ 10,000

2. แบบเปลี่ยนทุกปี

เครื่องละ 50,000

เปลี่ยนปีที่ 1 ขายได้ 35,000 ขาดทุน 15,000

เปลี่ยนปีที่ 2 ขายได้ 35,000 ขาดทุน 15,000

เปลี่ยนปีที่ 3 ขายได้ 35,000 ขาดทุน 15,000

เปลี่ยนปีที่ 4 ขายได้ 35,000 ขาดทุน 15,000

เปลี่ยนปีที่ 5 ขายได้ 35,000 ขาดทุน 15,000

แปลว่า 5 ปี เงินที่ออกจากกระเป๋าเราไป ครั้งแรก+ทุกครั้งที่เปลี่ยน คือ 50,000+75,000 = 125,000 รึเปล่าครับ

แปลว่าตกปีละ 25,000 บาท

การคำนวนด้านบน ท่านน่าจะลืมคิดว่า ครั้งแรกที่เราซื้อ เราก็ต้องจ่ายไป 50,000 ก่อน ก่อนที่จะจ่าย 15,000 บาททุกปี

นั่นแปลว่า สมมุติใช้ไป 10 ปี

1. แบบใช้จนพัง เปลี่ยนมือถือไป 2 ครั้ง = 100,000 บาท

ตกเดือนละ 10,000 บาท

2. แบบเปลี่ยนทุกปี 10 ปี

จ่ายค่าเครื่องครั้งแรก 50,000 บาท + ที่จ่ายเพื่อเปลี่ยนทุกปี 15,000 บาท 10 ปี ก็ 150,000 บาท

รวมเป็น 200,000 บาท ต่อ 10 ปี

หรือตกปีละ 20,000 บาท

แปลว่า ถ้าอยากได้ต้นทุนการเปลี่ยนทุกปี ที่ถูกลงเรื่อยๆ เราต้องเปลี่ยนมือถือทุกปีน่าจะเป็นเวลาค่อนข้างนาน

ถึงจะได้ราคาใกล้ๆกับใช้จนพัง

อันนี้ยังไม่นับเรื่องราคามือถือขึ้นราคาทุกปีนะครับ แปลว่า ท่านจะไม่ได้จ่ายแค่ปีละ 15,000 แน่ๆ อาจจะโดดไปปีละ 20,000 บาท

ผมคนจนฮะ ใช้จนพัง เกิน 5 ปีทุกเครื่อง

ผมไม่ได้ลืมคิด แต่ท่านอะลืมบวก


กรณีที่ 1 ใช้ได้ 5 ปี นั้นแปลว่าปีที่ 6 คุณไม่มีใช้แล้วนะ คุณต้องซื้อใหม่

คุณต้องควักอีก 50,000 หรือเปล่า...?

คุณจะใช้ 6ปี 7ปี ก็แล้วแต่

แต่ n+1 คุณต้องซื้อใหม่

แต่คุณไม่บวกเงินให้กรณีที่ 1 อะ