เดลี่ เมล สื่ออังกฤษ รายงาน สตาฟฟ์บางรายที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความกังวลว่า คีส์ โวส เอเยนต์ประจำตัว เอริค เทน ฮาก มีอิทธิพลกับการซื้อขายนักเตะของสโมสรมากเกินไป

รายงานเปิดเผย แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังใช้บริการ สปอร์ตส์ เอนเตอร์เมนต์ กรุ๊ป (SEG) บริษัทของ โวส เพื่อคำแนะนำในตลาดนักเตะ รวมถึงเป็นตัวแทนการเจรจาซื้อและขายผู้เล่น

ขณะเดียวกัน ไนเจล เทน ฮาก ลูกชายของนายใหญ่ "ปีศาจแดง" กำลังทำงานในบริษัทดังกล่าว ด้วยตำแหน่งนักวิเคราะห์

ซัมเมอร์ที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ใช้เงิน 178 ล้านปอนด์เพื่อซื้อแข้งใหม่ 4 คน ซึ่ง โวส แวะเวียนมาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อให้บริการอยู่เป็นประจำ

หนึ่งเดือนก่อน ราสมุส ฮอยลุนด์ เปลี่ยนเอเยนต์ไปใช้บริษัทของ โวส เพื่อเป็นตัวแทนการเจรจาย้ายจาก อตาลันต้า สู่ยักษ์ใหญ่แมนเชสเตอร์ด้วยค่าตัว 72 ล้านปอนด์

โวส ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของฝั่ง ยูไนเต็ด ในการเจรจายืมพ่วงอ็อปชั่นซื้อขาด โซฟียาน อัมราบัต กองกลาง ฟิออเรนติน่า

ซีดาน อิ๊กบาล อดีตเด็กปั้น ยูไนเต็ด เปลี่ยนไปใช้บริษัทของ โวส เช่นกัน และ 2 เดือนหลังจากนั้น กองกลางอิรักย้ายไป อูเทรคท์ ด้วยราคา 1 ล้านปอนด์

เอเยนต์เจ้าอื่นในวงการ เชื่อว่าอิทธิพลของ SEG ที่มีความสัมพันธ์กับ เทน ฮาก ทำให้ ยูไนเต็ด พลาดดีลนักเตะที่มีความเป็นไปได้ไปหลายราย

ในฐานะบริษัทเอเยนต์ชั้นนำของฟุตบอลดัทช์ SEG เคยมีส่วนกับการย้ายมา ยูไนเต็ด ของทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์, เมมฟิส เดปาย และ ดาลี่ย์ บลินด์ อย่างไรก็ตาม ความเกี่ยวข้องได้หายไปจนกระทั่ง เทน ฮาก ถูกแต่งตั้งคุมทีมในปี 2022

แหล่งข่าวคนใน SEG ชี้แจง การซื้อขายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นเป็นแค่ 1 เปอร์เซนต์ของงานทั้งหมดในบริษัท พร้อมยืนยันไม่มีส่วนกับการเจรจาขาย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไป เวสต์แฮม ซึ่งดีลล่มช่วงท้ายตลาด

18 เดือนก่อน เปเร่ กวาร์ดิโอล่า เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท SEG พร้อมกับพา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พี่ชายผู้กำลังคุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าร่วมเป็นลูกค้า

ถึงแม้สตาฟฟ์บางรายจะเกิดความกังวล แต่แหล่งข่าวของ ยูไนเต็ด ยืนยันผู้บริหารระดับสูงยังรู้สึกสบายใจ และมองว่าความสัมพันธ์กับเอเยนต์ในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แถมทำให้สโมสรได้เปรียบในตลาดซื้อขาย

เอาจริงๆถ้าไม่อ่านแค่พาดหัวก็ไม่น่าตกใจนะ

RVP เดปาย บลินด์ก็เข้ามาผ่านเจ้านี้
น้องชายเป๊บก็ถือหุ้น เป๊บเองก็มีใช้เจ้านี้

คือตราบใดที่ทำ due diligence แล้วผ่านมาได้ มันก็ไม่ได้น่ากังวลนะ ถ้าไม่ผ่านสิ อันนั้นอ่ะถึงจะเป็นปัญหา

.. คือเมื่อไหร่ที่เอเย่นมีอิทธิพลถึงขนาดกำหนดได้ว่าใครจะได้ย้ายหรือไม่ได้ย้ายไปทีมไหนเพราะพวกเขาถือครองปัจจัยในการย้ายทีม ลูกค้าที่จ้าง SEG ก็เหมือนถูกปิดตาในมุมมองของข่าวซินะ

เดาแบบแง่ลบ หากฮอยลุนไม่ได้เปลี่ยนเอเย่นมาใช้ SEG , ฝั่งแมนยูอาจได้ข้อมูลอีกประเภทเพื่อตัดฮอยลุนออกจากตัวเลือก

เรื่องดีลในอดีตไม่ได้หักล้างสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น(หากมันเป็นจริงๆ) เพราะอดีตอาจแค่ลูกค้าแบบปกติ แต่ตอนนี้แมนยูอาจเป็นลูกค้าพิเศษเพราะเข้าถึงเทนฮากได้มากขึ้น

มันคือการ ล็อบบี้ยิสต์ ซึ่งจริงๆผมก็ค่อนข้างเข้าใจระบบพวกนี้ พวกล็อบบี้เก่งๆนี่จะหาทางโน้มน้าวจนได้

ขออย่างเดียวซื้อตัวที่สมควรมาแล้วราคาไม่เว่อก็พอ

จริงนะ

ใครที่กำลังตามด่า โทษเจ้าของทีม
อยากให้คิดดีๆ

2013-2023 ทีมทุ่มเงินเป็นอันดับ1ของโลกเลยนะ
และยิ่งในยุคเทนฮากเนี่ย โคตรตามใจ อยากได้ใครจัดให้หมด
มีคนเดียวที่ทำให้ไม่ได้คือ เดอยอง แต่นั่นเพราะนักเตะไม่มาเองนะ

ไปเจาะให้ลึกกว่านี้ครับแล้วจะรู้ว่าทำไมแฟนบอลส่วนใหญ่ถึงมีปัญหาและไล่เจ้าของทีม
เรื่องทุ่มเงินของทีมอาจทุ่มจริงครับ แต่ไม่ใช่เงินเจ้าของ เจ้าของมีแต่สูบเงินออกไป แถมเงินที่ทีมทุ่มก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพ มีแต่จ่ายเงินเกินจริง มันเกี่ยวกับเจ้าของทั้งนั้นครับ ลองหาบทวิเคราะห์ตามเน็ตดูครับ

แต่การตัดสินใจของ ETH ที่เอานักเตะเข้ามาคือสินหวังจริงๆ บ้างตัวใช้งานไม่ได้ตามที่ต้องการ

แฟนผีไม่ได้ด่าเรื่องไม่ทุ่มนักเตะครับ

แต่ด่าเรื่องไม่ทุ่มปัจจัยนอกสนาม เช่น สนามซ้อม

แล้วก็เรื่องที่ไม่ควักเงินตัวเองเลย ทีมอื่นยังมีบ้างมากน้อยต่างกันไป

แต่แมนยูนอกจากไม่ให้แล้ว ยังสูบเงินออกไปด้วย ไม่มีทีมใหญ่ทีมไหนเป็นแบบนี้เลย

ผมว่าการจ้างให้ outsource ดุแลเรื่องซื้อขายก็มีความเป็นไปได้ใน process ของบริษัท แต่ควรมีการกำหนด spec ที่จะเลือก และกำหนดขอบเขตการซื้อขาย เช่น งบประมาณ​ เป็นต้น

ถ้าข่าวนี้จริง แล้วผมเป็นผู้บริหาร united ตลาดหน้าผมเปลี่ยนเจ้าแน่นอน ซื้อขายได้กากมาก ทั้งค่าตัวสูง และค่าเหนื่อยสูง เกินความจริงไปมาก 55

คือถ้าเอเย่นเข้ามามีบทบาทแล้วทำให้ได้นักเตะในราคาสมเหตุสมผล มันก็ดีอยู่นะ โดยเฉพาะแมนยู ซื้อนักเตะแพงเกินจริง เกินฝีเท้ามาเท่าไหร่แล้ว

ผมนี่ไม่อยากให้ฮากโดนไล่ออกเลย ถ้าแกไปกลัวนักเตะที่แกซื้อมาไม่เข้าระบบผจก.ทีมใหม่ แต่ละตัวดูเฉพาะทางเหลือเกิน แถมน่าจะขายออกยากด้วย

จะมีค่าหัวคิวมั้ยล่ะครับ​ แต่ละคนมาเล่นยังไม่ทันคุ้มเงินก็ไปนอนรพ.ละ

ผมเข้าใจนะ อาจจะไม่ใช่เงินเค้า แต่เค้าก็อนุมัติไง ถ้าจะเชี่ยเหมือนFSGคือ ทีมทำเงิน ทำกำไรได้ กูก็ไม่จ่ายอ่ะ มันก็เหลือเงินกำไรเยอะ ส่วนแบ่งปันผลผู้ถือหุ้นก็เยอะ เค้าทำได้ แต่เค้าก็กล้าๆอนุมัตินะ

หรือดูอย่างสเปอร์ส แม่มขายเคนได้เป็นร้อยล้าน ไม่จ่าย แต่ให้ อังเก้ ใช้นักเตะเท่าที่มีไปก่อน ผลงานมันออกมาดี

อย่าเข้าใจผิดว่าผมคิดว่าเกลเซอร์มันดีนะ แต่ประเด็นของผมคือ โค้ชมันห่วยกว่า มากกว่า

เรื่อง infrastructure เนี่ยคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในวงการไฟแนนซ์อาจจะไม่เข้าใจ การลงทุนสร้างสิ่งปลูกสร้างเป็นเรื่องที่ดีแหละ แต่มันมีผลประโยชน์โดยตรงแอบแฝงกับเจ้าของสโมสรด้วย เพราะสินทรัพย์หรือสิ่งปลูกสร้างน่ะคือการเพิ่มมูลค่าสโมสรโดยตรงในการขายสโมสรเลย

แต่การลงทุนซื้อนักเตะน่ะ เสี่ยงมากกว่า ลงทุนไปอาจไม่ได้คืน และเค้ากล้าๆอนุมัติในส่วนนี้ที่อาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์กับตัวเค้าเท่าไหร่ เป็นอันดับหนึ่งในโลกในรอบสิบปีเลยนะ (เกินกว่าพันล้านปอนด์)

ผมเข้าใจนะ อาจจะไม่ใช่เงินเค้า แต่เค้าก็อนุมัติไง ถ้าจะเชี่ยเหมือนFSGคือ ทีมทำเงิน ทำกำไรได้ กูเอาลงทุนสิ่งปลูกสร้างหมด (ขายเมื่อไหร่อยู่ในรายการคำนวนทันที) แต่นักเตะที่เป็นการจ่ายที่มีความเสี่ยง กูก็ไม่จ่ายอ่ะ มันก็เหลือเงินกำไรเยอะ ส่วนแบ่งปันผลผู้ถือหุ้นก็เยอะ เค้าทำได้ แต่เค้าก็กล้าๆอนุมัตินะ

หรือดูอย่างสเปอร์ส แม่มขายเคนได้เป็นร้อยล้าน ไม่จ่าย แต่ให้ อังเก้ ใช้นักเตะเท่าที่มีไปก่อน ผลงานมันออกมาดี

อย่าเข้าใจผิดว่าผมคิดว่าเกลเซอร์มันดีนะ แต่ประเด็นของผมคือ โค้ชมันห่วยกว่า มากกว่า

รีบตัดสินจังนะครับ ว่าโค้ชห่วย
แบบนี้อีก 33 นัดก็ไม่ต้องไปแข่งก็ได้มั้ง