เรากับเพื่อนทำงานในร้านที่แฟนเป็นคนคิดไอเดียและลงทุนให้ค่ะ แฟนเราจ้างเรากับเพื่อนโดยจ่ายเงินเดือนและให้หุ้นร้าน แจกปันผลทุกเดือน ส่วนแฟนยังทำงานประจำอยู่ ร้านขายดีมากค่ะ เหนื่อยมากๆ แต่แฟนเค้าจะมาช่วยแค่เสาร์อาทิตย์ กับทำบัญชี แล้วก็คอยตามงาน คอยมาสอนลูกน้อง

เรากับเพื่อนคุยกันว่ารู้สึกไม่แฟร์กับส่วนแบ่งที่ได้ เพราะแฟนทำงานน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับเราและเพื่อน แต่หุ้นแฟนเกินครึ่ง เราเลยไปขอเพิ่มแบ่งหุ้นเพิ่ม แฟนเราให้เรากับเพื่อน อธิบายคุณค่าของตัวเองในงานและให้เสนอเงินเดือนที่อยากได้เพิ่ม แต่จะไม่ให้หุ้น เพื่อนเรารู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ ทำให้ทุกอย่างก็อยากได้ส่วนแบ่งตามกำไรที่เพิ่มขึ้น

แฟนเราโกรธมาก ตะคอกใส่เรากับเพื่อนว่า ไม่คิดว่าจะต้องทำงานกับหุ้นส่วนที่มีความคิดแบบชนชั้นแรงงาน เค้าบอกว่าคนพวกนี้คอยแต่จะมองว่าใครทำงานมากน้อยกว่าใคร คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันยิ่งใหญ่สำคัญมาก แต่เรากับเพื่อนทำงานหนักจริงๆ แล้วก็ทำให้เค้าได้เงิน แต่เค้าก็บอกว่า แล้วค่าไอเดีย ค่าความเสี่ยงเงินลงทุน ค่าคอนเนคชั่น ซึ่งเราก็มองว่ามันสำคัญนะ แต่ก็รู้สึกไม่แฟร์อยู่ดี

ว่ากันขนาดนี้แล้ว ควรทำยังไงดีคะ

https://www.pantip.com/topic/42224320

การตะคอกและใช้คำว่า"ชนชั้นแรงงาน" มันรุนแรงเกินไป
แต่นอกเหนือจากนั้น ผู้ชายไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ

นี่ขนาดแฟนนะ หุ้นส่วนหรือ ทาส

การตะคอกและใช้คำว่า"ชนชั้นแรงงาน" มันรุนแรงเกินไป
แต่นอกเหนือจากนั้น ผู้ชายไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ

เค้าคิดธุรกิจมา ออกทุนให้ ตัวเองถ้าเป็นแรงงาน ไม่พอใจก็ขอขึ้นเงินเดือน ไม่พอใจก็ลาออก ไม่ใช่มาขอหุ้น เค้าให้หุ้นมาก็ดีแค่ไหนแล้ว

ที่เค้าพูดแรงมา ไม่ใช่ไปพูดแรงใส่เค้าก่อนหรอ

คิดงี้พนักงานลูกจ้างทั่วประเทศ คงวิ่งไปขอหุ้นเจ้าของกันหมดแล้ว มึนซะจนคิดว่าเป็นเรื่องแต่ง

ผมเป็นผู้ชาย ผมจะไม่พูดอะไรแบบนี้ เรียกมาคุยต่อลอง ให้ในจุดคุ้มแฟร์ๆกันไป ถ้าไม่พอใจจริงๆ และคิดว่าตัวเองเก่งจริง จะไม่ไปพูดมากสอนคนอื่นให้เสียเวลาหรอกครับ เอาเวลาไปทำเงินโชว์ดีกว่า

ไอพวกลมปากเยอะ เค้าวัดกันที่กราฟ ที่เงิน การเติบโต ไม่ได้วัดคำพูดสวยหรู อะไรเลย

แล้วไอพวกอ้างชอบด่าคนอื่นเพื่อหวังดีให้ได้ดีเหมือนกัน

หวังดีเพื่อเค้าหรือประโยชน์ตัวเอง อย่ามาทำพูดหล่อเลย

เห็นด้วย คนลงทุนก็คือเจ้าของ เค้าแบ่งหุ้นให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไหนจะเรื่องความคิด เอาจริงๆ เค้าไปจ้างคนอื่นมาทำก็ได้นะ ไม่ต้องเป็นเธอๆทั้ง 2 คน นี่จะไปขอหุ้นส่วนแบ่งเพิ่มอีก

ให้หุ้นได้ถ้าเก่งจริงอะ แบบซื้อตัวมาทำ แต่ไม่ได้ให้เยอะนะ

ไม่มีคนเริ่ม จะทำยังไง ลองย้อนกลับไปจุดตั้งต้นก่อน. แค่มีไอเดีย แต่ไม่ได้เริ่มลงมือทำก็เป็นแค่ไอเดีย มีไอเดีย และลงุทนทำ ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะทำได้ตลอดรอดฝั่งหรือเจ๊ง และการที่แฟนคุณจ้างคุณทำงาน ให้เงินเดือน และปันผล ผมว่าก็แฟร์สุดแล้ว เพราะถ้าเจ๊งตั้งแต่ 3 เดือนแรก มันจะไม่มีอะไรให้คุณมองว่าอยากไปขอแบ่งจากแฟนคุณเลย. หรือถ้าเจ๊งตั้งแต่ 3 เดือนแรก คุณจะเดินไปบอกแฟนคุณว่า เราขอช่วยรับผิดชอบเงินลงทุนบางส่วนนะ. คิดเอาละกัน

คิดน้อยพอๆกันทั้งสองฝ่าย อย่างว่าเงินทองไม่เข้าใครออกใคร แต่เคสนี้น่าจะคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากในตอนจบ

ถ้าไม่นับว่าเป็นแฟนกับเพื่อนแฟน แบบนี้ถ้าผมเปิดร้าน ผมต้องแบ่งหุ้นให้ลูกน้องทุกคนมั้ยครับ เพราะเค้าทำงานหนักกว่าผมมาก

งงตรรกะผู้หญิง

อ่านจบย้อนกลับไปอ่าน จบตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว ได้หุ้นกับปันผลมาก็ดีแต่ไหนแล้ว เค้าไม่รักเค้าไม่ให้หรอกครับ

ส่วนรายละเอียดที่คุยกัน ถ้าเค้าเห็นว่ามีข้อเรียกร้องและถ้อยคำที่เอาเปรียบเค้ามากเกินไป ไม่แปลกที่จะโมโห

ไม่รู้จะพูดยังไงไม่ให้เหยียด แต่วิธีคิดมันก็แบบคนงานจริงๆอะ คิดกันแบบนี้เลย
พวกเจ้าของร้านแม่งวันๆไม่เห็นจะทำอะไรเลย พวกกูเนี่ยทำงานงกๆ ถึงเวลาได้เงินเยอะกว่าเฉย โคตรไม่แฟร์ ออกแม่งให้
แต่พอได้ลองไปทำเองปุ๊บ เจ๊ง หรือไปอยู่ที่อื่นสักพักก็ไม่รอด เพราะตัวเองทำแค่งานรูทีนที่คนบริหารเค้าออกแบบมาให้แล้วว่าทำแค่นี้พอ ไอ้งานหลังบ้านอีกเยอะแยะที่ตัวเองไม่เคยรู้เลยว่าต้องทำยังไงมั่ง มันต้องบริหารร้านกันยังไง
นี่ยังไม่นับเรื่องเงินทุนอีก ตอนลงทุนไม่ได้ช่วยสักบาท ได้กำไรบอกไม่แฟร์ หยั่งกะว่าถ้าขาดทุนมาจะช่วยรับผิดชอบงั้นล่ะ
ไม่รู้โดนใครปั่นมา นี่เดี๋ยวนอกจากจะเสียงานแล้วเผลอๆจะเสียแฟนเอาด้วยนิสัยอย่างงี้อะ

คำถามที่ว่าควรไปต่อไหม ควรเป็นแฟนคุณถามครับไม่ใช่ จขกท.

เป็นเจ้าของมันสบายนะเพราะลำบากแบบชิบหายสุดๆมาก่อนกว่าจะเซตระบบให้สบายขนาดนี้
คนไม่เคยทำงานอีกแบบไม่รู้หรอกเขาต้องเตรียมอะไรล่วงหน้าบ้างถึงทำงานได้ขนาดนั้น

ถ้าแฟนจะผิดก็ผิดที่ใช้คำพูดแรง(?) แต่พูดตรงๆ ผมว่าจขกทก็คิดแบบคนใช้แรงงานจริงๆ
คิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่า ควรได้มากกว่า แต่ไม่ได้เข้าใจมุมมองของธุรกิจเลย ผชเป็นเจ้าของไอเดีย เป็นคนลงทุน เป็นคนรับความเสี่ยง ถ้าร้านเจ๊งคนที่สูญเงินคือเค้า เจ้าของกระทู้คือ ลูกจ้าง ไม่ต้องรับความเสี่ยง ทำงานแลกเงินเดือน ซึ่งเป็นปกติของลูกจ้างอยู่แล้ว แต่จขกทยังได้หุ้นมาฟรีๆ อันนี้คือดีมากนะ ถ้าคิดให้กว้างกว่านี้หน่อย ต่อไปถ้ากิจการขยาย ไอ้หุ้นตัวนี้จะทำเงินให้คุณเยอะเลย โดยที่ไม่ได้ลงเงินต้นด้วยซ้ำ
ถ้าบอกว่าตัวเองทำงานหนักกว่าเค้า ก็แหงสิ คุณทำงานแลกเงินเดือนหนิ เค้าไม่ได้ทำงานลงแรงแลกเงิน เค้าลงเงินทุน ลงไอเดีย บริหารงานในฐานะเจ้าของ รับผลประโยชน์และความเสี่ยงเต็มๆในฐานะเจ้าของกิจการ ถ้าคิดว่าตัวเองทำงานหนัก ก็ไปขอขึ้นเงินเดือน ตามที่เค้าบอกเลยว่าถ้าอธิบายได้ว่าตัวเองสมควรเพิ่ม มันก็มีน้ำหนัก แต่ไปขอหุ้นนี่ตลกไปหน่อย คุณคือลูกจ้าง