บทสัมภาษณ์ พอล วินสแตนลี่ย์ กับ ลอเรน สจ๊วต





- วินสแตนลีย์ ย้ายจาก ไบรท์ตัน มาร่วมทีม เชลซี ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่วน สจ๊วต มาจาก โมนาโก ในเดือนกุมภาพันธ์


- ทั้งคู่เข้าใจงานในมือที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มีงานสำคัญที่ต้องทำทั้งในและนอกสนาม






วินสแตนลีย์ เริ่มต้น




" เรารู้ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่มีโอกาสได้นั่งพักผ่อนสบายๆแน่นอน


เราคิดว่าเราจะทำสถิติการซื้อขายของพรีเมียร์ลีกหรือไม่ ? อาจจะไม่


แต่อายุเฉลี่ยของทีมอยู่ในระดับสูง เรามีผู้เล่นที่มีปัญหาเรื่องสัญญาซึ่งสืบทอดมาจากการเปลี่ยนเจ้าของทีม


และหลังจากนั้นก็มีนักเตะที่แสดงความชัดเจนว่าพวกเขาต้องการย้ายออกไป นั่นจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข "






สจ๊วต อธิบายเรื่องการเสริมทีม




" จำนวนนักเตะที่ย้ายออก จำนวนนักเตะที่เข้ามา และการเปลี่ยนแปลงมีความสำคัญมาก


แต่มีบางอย่างที่เราต้องทำให้สำเร็จเพื่อสโมสรในช่วงซัมเมอร์นี้


เพราะผลการแข่งขันในสนามเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้วทำให้เห็นชัดเจนว่ามันไม่ได้ผล


เราต้องทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สโมสรอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้น และเรารู้สึกว่าเราทำอย่างนั้นแล้ว "








วินสแตนลี่ย์ พูดถึงการตัดสินใจเลือก พอช




" ลอเรนซ์ กับผมนั่งคุยกันกับ เจ้าของทีม และพูดคุยกันเรื่องประเภทของบุคคลและคุณลักษณะของ เฮดโค้ชที่จะต้องประสบความสำเร็จที่สโมสรแห่งนี้


มันเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและเราสัมภาษณ์ผู้สมัครที่ต่างกันหลายคน และ หลากหลายรูปแบบของบุคคลประเภทต่างๆ "






สจ๊วต เสริมต่อไปว่า




" มันจะต้องเหมาะสมในแง่ของบุคคล ความเป็นผู้นำที่เราต้องการ ความสามารถและผลงานในการพัฒนานักเตะ


และสร้างทีมที่สามารถแข่งขันและโชว์ผลงานในพรีเมียร์ลีกได้ นี่คือทุกสิ่งที่เรากำลังมองหา "






วินสแตนลีย์ กล่าวถึงหลังจากที่ได้ร่วมงานกับ พอช




" มันเป็นการแต่งตั้งครั้งใหญ่สำหรับสโมสรและทุกคนที่นี่ที่ค็อบแฮม


เรารู้สึกว่า พอช เหมาะสม และเรารู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้นที่ได้ใช้เวลาช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาร่วมกับเขา


วิธีที่เขาดำเนินการในแต่ละวัน เขามีอิมแพ๊คต่อนักเตะ, ทีมงาน, ลอเรนซ์และผม และ เจ้าของทีม "






สจ๊วต พูดถึงนักเตะที่เสริมเข้ามา




" เจ้าของทีม สนับสนุนให้เรานำนักเตะที่เรามีเข้ามา พรสวรรค์ ที่เรามีในนักเตะกลุ่มนี้น่าตื่นเต้นมาก


และการดำเนินชีวิตในแต่ละวันก็น่าพึงพอใจจริงๆ


นั่นคือหนึ่งในเป้าหมายของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการพัฒนาหลังจากฤดูกาลที่แล้ว


การผสมผสานระหว่างผู้เล่นที่เรานำเข้ามาและทีมงานโค้ชคือ 1 ในสิ่งที่เรามีความสุขจริงๆ


เรามีนักเตะพรสวรรค์มากมาย ตอนนี้เราต้องปล่อยให้สิ่งนั้นพัฒนาและเติบโต "






วินสแตนลีย์ กล่าวเสริมว่า




" จะมีความยืดหยุ่นเสมอในแง่ของผู้เล่นที่เรานำเข้ามาสู่สโมสร ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก บทบาทในทีม หรืออายุของพวกเขา


ช่วงซัมเมอร์นี้ มีนักเตะอายุต่ำกว่า 23 ปีเข้ามาหลายคน แต่หลายคนมีประสบการณ์ระดับสูงอยู่แล้ว


ด้วยผู้เล่นกลุ่มนี้ ความตื่นเต้นกำลังก่อตัวขึ้น คุณสามารถรู้สึกถึงมันได้ทุกวัน


จะมีความผิดหวังเกิดขึ้นเสมอ และอาจต้องใช้เวลา ผู้เล่นใหม่ เฮดโค้ชใหม่ ปรัชญาที่แตกต่าง


และผู้เล่นหลายคนไม่ได้ร่วมเตะพรีซีซั่นเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม


มันจะไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่เราทุกคนต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น


ทั้งใน ระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว โดยนักเตะกลุ่มนี้ซึ่งมี พอช เป็นผู้นำ


เราต้องการผู้เล่นที่ต้องการต่อสู้เพื่อสโมสร ที่ต้องการต่อสู้ทุกวันเพื่อกันและกัน


เพื่อผลลัพธ์ เพื่อแฟนบอล และเพื่อทีมงาน สโมสรนี้รู้วิธีที่จะชนะ รู้วิธีที่จะประสบความสำเร็จ


ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องนำผู้เล่นที่สอดคล้องกับการสร้างบางสิ่งที่พิเศษมาที่นี่


และเราจะแข็งแกร่งขึ้นในฐานะทีมและสโมสรในขณะที่เรามุ่งหน้าสู่ฤดูกาลที่ลึกยิ่งขึ้น "






วินสแตนลี่ย์ พูดถึงงานถัดจากนี้




" เราจะวางแผนการซื้อขายล่วงหน้า 2 รอบตลาด เราไม่สามารถทำตรงข้ามได้


เราต้องดูทั้งทีม นักเตะที่ถูกยืมตัว และโอกาสที่เราจะมอบให้กับนักเตะในอคาเดมี่


นั่นคือ Puzzle ของผู้เล่นที่เราต้องรวบรวมเข้าด้วยกัน "






สจ๊วต กล่าวเสริมว่า




" เราจะทำการรีวิวและไตร่ตรองกระบวนการในตอนนี้ ในขณะที่เราดำเนินการตามแผนต่อไป


จากนั้นเมื่อเราเข้าใกล้เดือนมกราคม เราก็กลับมาพิจารณาสิ่งต่างๆ อีกครั้ง


เราต้องการอะไรเร่งด่วนไหม? มีอะไรกดดันมั้ย? หรือมีโอกาสที่น่าสนใจมั้ย? "






สจ๊วต พูดถึงการแต่งตั้ง เจมส์เป็นกัปตัน




" เจมส์ เป็นคนที่คุณเห็นได้ว่ามีความหลงใหลในสโมสรอย่างแท้จริง


เขาเข้าใจว่าสโมสรเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ได้เห็นความสำเร็จที่นี่และต้องการมันอีกครั้ง


ดังนั้นเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับนักเตะ กองเชียร์ และสาธารณชน เขาเป็นตัวแทนของ เชลซี ได้เป็นอย่างดี


พอช มีส่วนร่วมอย่างหนักในการตัดสินใจครั้งนั้น


และพัฒนาความสัมพันธ์ในการทำงานที่แข็งแกร่งกับ เจมส์ ซึ่งยอดเยี่ยมมาก "






วินสแตนลีย์ กล่าวเสริมเรื่องอคาเดมี่




" เรามีประวัติศาสตร์มากมายกับนักเตะที่ผ่านเข้ามาและประสบความสำเร็จ


ดังนั้นมันจึงเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการคิดของเรา


ในการวางแผนทีม เรามักจะทำงานร่วมกับ นีล บาธ , จิม เฟรเซอร์ และเจ้าหน้าที่อคาเดมี่คนอื่นๆเสมอ


เพื่อระบุเส้นทางที่เราต้องการสำหรับนักเตะที่จะก้าวผ่านมันไป "






สจ๊วต กล่าวทิ้งท้าย




" ตอนที่ผมเข้าร่วมสโมสร คุณจะรู้สึกได้ว่าสโมสรผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย


เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น


ตอนนี้เรากำลังผ่านออกมาจากช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งในและนอกสนาม


เรามีองค์ประกอบพื้นฐานในแง่ของ ทีมงาน ทักษะ และ นักเตะ ที่เราคิดว่าสามารถพาเราไปข้างหน้าได้


มันน่าตื่นเต้นมาก "







จบ ผมข้ามเรื่องทีมหญิงไปนะ ขี้เกียจแปล





ก็ไม่มีไรมาก พูดในสิ่งที่น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่มันจะชัดเจนว่าแนวทางของทีมเป็นยังไง


เป็นบาสก็ Trust The Process ต้องให้เวลาทีมในการพัฒนาหลายๆอย่างในทีมโดยเฉพาะดาวรุ่งที่เสริมมา


นอกจากเชียร์ เชลซี แล้ว ผมเชียร์ 76ers พอดี เลยชินกับคำนี้







ผมอยากเสริมเรื่องนักเตะที่ปล่อยออก





- เห็นมีหลายคนสงสัยว่า ปล่อยคนนั้นทำไม ปล่อยคนนี้ทำไม ก็เลยลองหาเหตุผลมาในหลายๆคน เอาเท่าที่คิดออกนะ


- เกป้า เจ้าตัวอยากย้าย เหลือสัญญา 2 ปี เชลซี พยายามขายแล้วไม่มีใครซื้อ มาดริด ติดต่อยืมมาเลยปล่อย อีกเหตุผลคือค่าเหนื่อยแพงด้วย


- เมนดี้ เหลือสัญญา 2 ปี ชัดเจนว่าไม่ยอมต่อ ( อยากได้ค่าเหนื่อย 190K เท่า เกป้า ) แถมฟอร์มออกทะเล ทีมเลยปล่อย


- คูลิบาลี่ อันนี้เจ้าตัวไม่ได้อยากย้าย แต่ เชลซี อยากปล่อยเพราะค่าเหนื่อยแพงมาก ( เกือบ 300K )


- อัสปิ สัญญาเหลือ 1 ปี อันนี้เจ้าตัวอยากกลับสเปน เชลซี เลยยกเลิกสัญญาให้ย้ายฟรีได้


- อัมปาดู สัญญาเหลือ 1 ปี เชลซี ไม่ได้มีแผนจะใช้ เลยขาย


- ฮอลล์ อันนี้ชัดเจนว่าเรื่องเงินล้วนๆ ราคาดี เชลซี ต้องการเงินเสริมเข้าบัญชีโดยตรง ขายเด็กปั้นได้เงิน 100% เลยขาย


- ชีค สัญญาเหลือ 1 ปี เหตุผลที่ปล่อยก็อยากเติมเงินเข้าบัญชีเหมือน ฮอลล์ นั่นแหละ แล้วคงไม่ได้อยากต่อสัญญามาก เพราะค่าเหนื่อยแพง ( 150K ) ขายก่อนที่จะเสียฟรีดีกว่า


- โควาซิช สัญญาเหลือ 1 ปี เจ้าตัวไม่ต่อ อยากหาความท้าทายใหม่ ทีมก็เลยขาย ดีกว่ารอเสียฟรี


- กองเต้ หมดสัญญาพอดี เกือบต่อสัญญาละ แต่เจ็บซ้ำ เชลซี เลยไม่ได้ต่อ


- เมาท์ สัญญาเหลือ 1 ปี ไม่ยอมต่อ อยากย้าย + ได้ราคาดีด้วย ทีมเลยขาย


- พูลิซิช + โอดอย สัญญาเหลือ 1 ปี ไม่คิดจะต่อ + ค่าเหนื่อยแพง อยากย้าย ทีมก็เลยขาย


- ไค สัญญาเหลือ 2 ปี ทีมไม่ได้อยากขาย แต่เจ้าตัวอยากไปเตะ ucl + ได้ราคาดี ทีมก็เลยขาย


- ซีเยค สัญญาเหลือ 2 ปี และ อยากย้ายมาตั้งนานแล้ว ทีมเลยหาทางปล่อย


- โอบา นี่ก็สัญญาเหลือ 1 ปี เจ้าตัวอยากย้ายมากๆ ก็เลยยกเลิกสัญญา


- ลูกากู นี่คงไม่ต้องอธิบาย


- ถ้าสังเกตุดีๆ พวกที่ขายออกนี่ส่วนใหญ่คือ สัญญาเหลือ 1-2 ปี แทบทั้งนั้น กับ พวกอยากย้าย


- มีแค่บางคนที่ขายเพราะได้ราคาดี กับ คูลิบาลี่ ที่ขายเพราะลดเพดานค่าเหนื่อย

รากฐานที่มั่นคง ต้องสร้างจากชิ้นส่วนเล็กๆที่แข็งแกร่ง ส่วนหลังคานั้นมุงจากพอ

มีงบตั้งเป็นพันล้าน ดันเสริมแต่เด็กที่พอจะมีศักยภาพ โคตรเสียดายเงินเลย งบเท่านี้เสริมทัพลุ้นแชมป์ได้ด้วยซ้ำ

แล้วตัวที่ซื้อมา ณ ปัจจุบัน มีแววแป๊กมากกว่ารุ่ง

เบื่อ ยิ่งอ่านแล้วยิ่งเศร้า

ถ้าสถานการณ์ปกติ ผมว่าเชลซีคงอยากเก็บ อัซปิ จอร์ โควา (รวมกับซิลวา สเตอร์ลิง) พวกนี้เป็นแกนระหว่างที่ทีมถ่ายเลือดเหมือนกัน แต่ละคนผ่านการคว้าแชมป์ด้วยการเป็นตัวหลักมาแล้ว ประสบการณ์เหลือๆ ความเป็นผู้นำก็สูง

แต่ดูแล้วแต่ละคนอยากย้าย ไม่ต่อสัญญา อาจจะด้วยความไม่แน่นอนในสโมสร จึงเลือกที่จะปล่อยหมด แล้วยกเครื่องใหม่ด้วยดาวรุ่งทั้งทีม เวลาเจอปัญหาอะไรคราวนี้โค้ชน่าจะเหนื่อยหน่อยเพราะซีเนียร์แทบไม่มี

ทีมงาน ซื้อนักเตะ ผอ ไม่ได้เป็นปัญหา

ปัญหา คือ โค้ชที่มาคุม สร้างแผน เลือกนักเตะ ได้ เหนื่อยเชียร์

ก็ได้แต่หวังว่า ฤดูกาลนี้ ตัวที่ซื้อมาใหม่ จะมีศักยภาพพอที่จะพาทีมให้จบครึ่งบนตารางได้ก็พอ แลดูจากการสร้างแล้ว คงไม่หวังเยอะแหละ ท็อป4 คงได้แค่หวังเล็กๆ

ขอบคุณสำหรับรายละเอียดนักเตะที่ย้ายออกนะครับ หลายคงยังไม่เข้าใจเรื่องนี้เยอะเลยทั้งแฟนทีมอื่นและทีมตัวเอง

ไม่มีถ้วย ไม่ติด top 4 ภายใน 2 ปี ควรลาออกนะครับ
ผลาญงบไปกี่ 1000 ล้าน