ขอคำนิยามของคำว่าเกินจริงหน่อยครับ จากเหตุการณ์ที่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรที่ว่าหยกไม่สามารถเป็นนักเรียนของทางโรงเรียนได้เนื่องจากไม่สามารถพาคุณแม่แท้ๆมามอบตัวในเวลาที่กำหนดได้เนี่ย ไม่เรียกว่ากีดกันจะเรียกว่าอะไรดี ทั้งๆที่ความสามารถของน้องถึงที่จะสอบเข้าได้และได้มีการชำระค่าเทอมไปแล้วด้วยในวันที่มามอบตัวในทีแรก

เข้ มีคนอวยโรงเรียนด้วย ทำถูกแล้ว ต้องตัดทิ้ง

เอาเลยครับพรี่ ผอ. ส่งเรื่องให้ สว. จัดการหยก อันนี้พี่ก็ชื่นชมใช่ไหมคนับ

เอาจริงๆไอเรื่องวิธีการน้อง เขาก็ไม่มีใครชื่นชมหรอก แต่ถ้าแยกแยะระหว่างความกล้าแสดงออกกับวิธีการไม่ออก

ก็แล้วแต่จะวิเคราะห์เลย น้องคือเหยื่อของสังคม ไม่ว่าจะฝั่งอนุรักษ์นิยมเก่า หรือ ฝั่งทะลุวังที่ไม่รู้ว่า

ใส่สภาพแวดล้อมอะไรลงไปให้น้องบ้าง เด็กช่วงวัยนั้นก็มีการแสดงออกต่างๆกันไปมันก็มีทั้งวิธีการที่ผิด หรือเกินพอดี

แต่เรื่องความกล้าแสดงออกในเรื่องที่ไม่มีคนเคยคิดจะพูดถึงเลยเนี่ยที่มันคือการเปลี่ยนแปลง

ผมละเชื่อเลย

เกินจริงก็คือพูดในสิ่งที่เกินไปและไม่ได้เป็นผลมาจากการกระทำนั้นๆครับ ปกติการกีดกันทางการศึกษาเนี่ย ผมเห็นแต่เขาจะพูดกันในประเด็นเพศ เชื้อชาติ หรือฐานะความยากจนกันนะครับ

เรื่องมอบตัวไม่ทันนี่ก็เรียกว่าไม่เป็นไปตามระเบียบไงครับ แต่นั่นก็ต้องไปดูว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน มาสาย ไม่มีแม่ หรืออย่างไร ไม่อย่างนั้นเด็กที่เขากำพร้าพ่อแม่ก็คงไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว (ซึ่งแน่นอนว่ามีคนที่ไม่ได้เรียน เด็กกลุ่มนี้แหละถึงเรียกว่าด้อยโอกาส หรือโดนกันออกไป)

แปลว่าท่านไม่ได้ตามข่าวสารนะสิ เดี๋ยวเล่าให้ฟังจะได้เข้าใจตรงกัน


วันมอบตัว หยกให้บุ้งไปเป็นผู้ปกครองซึ่งมีหนังสือรับรองเพราะไม่สามารถติดต่อแม่แท้ๆของตัวเองได้ ซึ่งวันมอบตัวบุ้งก็ถามแล้วและได้จ่ายเงินค่าเทอมไปแล้วในวันนั้น ต่อมาได้มีการบอกให้พาแม่แท้ๆมามอบตัวด้วยภายในวันที่กำหนดซึ่งแม่แท้ๆไม่สามารถติดต่อได้ คือมันเมคเซ้นซ์ตรงไหนที่ต้องให้แม่แท้ๆมามอบตัวในเมื่อก็มีหนังสือแล้วว่าให้คนอื่นเป็นผู้ปกครองได้ และสุดท้ายก็บอกว่าหยกไม่สามารถเป็นนักเรียนได้เนื่องจากไม่ได้ให้แม่แ้ๆมา แบบนี้ยังเกินจริงอยู่ไปมั้ยครับกับเหตุผลง่าวๆแบบนี้

มันส์จริงโว้ยโรงเรียนนี้

อันนี้ถ้าคุณบุ้งเป็นผู้ปกครองจริงผมก็เห็นใจครับ ซึ่งอันนี้ผมเคยเห็นทั้งข้อความที่บอกว่าเป็นผู้ปกครองจริงแบบหนังสือรับรอง ทั้งที่บอกว่าเป็นแค่ปากเปล่า เลยไม่รู้จะเชื่ออันไหนดี

แต่ประเด็นที่ผมพูดคือตอนแรกคุณบอกว่าเด็กเรียกร้องเรื่องการศึกษาที่โดนกีดกัน คือผมรู้สึกว่ามันหลุดประเด็นเกินไป เพราะภาพที่สังคมเห็นเด็กคนนึงมานั่งขวางรถบัสงี้มันสื่อถึงเด็กที่อยากได้อะไรตามใจมากกว่าจะเป็นการเรียกร้องอะไรเพื่อสังคม (ซึ่งจริงๆเขาก็อาจเรียกร้องจริง แต่ผมบอกว่าสิ่งที่เขาสื่อออกมามันเป็นงี้)

ไม่รู้สิ ผมเห็นแต่คนส่วนใหญ่ต่อว่าติเตียนแต่เรื่องการกระทำของน้อง ทั้งๆที่ต้นตอของปัญหาคือโรงเรียนไม่ยอมให้น้องได้เข้าเรียนที่โรงเรียนและถ้าไม่มืดบอดจนเกินไปก็รู้ว่าเรื่องที่น้องไม่ได้เข้าเรียนมันมาจากการแสดงออกทางการเมือง เอาจริงๆต่อให้ไม่มีหนังสือรับรองแต่เด็กต้องการที่จะเข้าเรียนแถมมีเงินจ่ายค่าเทอมแล้วด้วยเนี่ย การที่จะอ้างว่าไม่เอาพ่อแม่จริงๆมามอบตัวเป็นเรื่องที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่ผมจะคิดออกสำหรับคนที่มีอำนาจระดับผอ.โรงเรียนจะแจ้งกับสื่อมวลชนแล้วนะ โรงเรียนควรเป็นที่โอบอุ้มให้เด็กทุกคนที่ต้องการจะเข้าเรียนได้เล่าเรียน ไม่ใช่บอกว่าแม่จริงๆน้องไม่มาเลยตัดชื่อออกและบอกว่าโอนเงินคืนแล้ว


แล้วการที่เด็กคนนึงโดนกีดกันไม่ให้เข้าเรียนในสถานที่ที่น้องมีความสามารถในการสอบเข้าได้เนี่ย ถ้าไม่เรียกกีดกันผมก้ไม่รู้จะใช้คำไหนแล้วจริงๆ

ไม่ต้องไปทางไหนครับ
สมมติว่าฝั่งหนึ่งจะถกจนชนะในบอร์ดนี้ ก็ไม่มีผลต่อตัวน้อง
ความเป็นจริง ณ ปัจจุบันคือ น้องไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนนี้ครับ

ทำไมมองไม่เห็นความดี ความเสียสละ และเลือดนักสู้ของน้องบ้าง

เด็กคนนี้แหละ ที่มีเลือดนักสู้ และมีพลังขับเคลื่อนสังคมให้ลุกขึ้นสู้ต่อเพื่อเรียกร้องซึ่งสิทธิเสรีภาพพื้นฐานที่พึงมี

ไปดูแค่การกระทำภายนอก ฉาบฉวย ก็ตัดสินขาว/ดำ กันได้ลงคอเนอะพี่
เด็กมันอาจแสดงนิสัยเกินเลยไปบ้าง แต่เด็กก็คือเด็กพี่ พฤติกรรมพอโตขึ้นไปมันก็เปลี่ยนกันได้ สำนึกเอาเองได้

บอร์ดนี้คุ้นชินกับการถูกกดขี่ และการอยู่ใต้เท้าผู้มีอำนาจ จนชินชากันไปหมดแล้วพี่
ผิดหวังจริงเบย แงๆ

มันคือปัญหาเดิมเลย จริงๆผมกะแล้วว่าก็จะด่าเด็กกันเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาของเรื่องนี้คือกรณีเดียวกับคราวที่แล้ว คือน้องมันอยากได้สิทธิ์เป็นนร.ที่นี่ แต่รร.ไม่ให้ มันคือการต่อสู้ในเรื่องนี้เป็นหลัก ดังนั้นถ้าคราวที่แล้วเข้าใจน้อง คราวนี้มันก็คือเรื่องเดิมเลย แค่ไม่ใช่การปีนรร. แต่ประท้วงอย่างอื่นก็เท่านั้น