ใช้จริงยังไง ตามที่หมอจริงๆอธิบายเลยครับ สุดท้ายแล้วในบางสาขาเฉพาะทาง เค้ามีโอกาสได้ใช้ทุกวิชาอยู่นะ

แต่ถ้าถามว่าทำไมต้องใช้ในเกณฑ์สอบเข้า ผมมองว่าชีวะเกี่ยวโดยตรง เคมีมีส่วนเกี่ยวข้อง(อาจจะน้อยกว่าชีวะ)

คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่อาศัยตรรกะที่ดีในการแก้ปัญหา (คณิตสูงๆต้องแก้ปัญหาก่อนแก้ตัวเลข หรือบางศาสตร์แทบไม่ต้องแก้ตัวเลขเลยด้วยซ้ำ)
ผมว่าคณิตฯเป็นวิชาที่ดีมากในการวัดตรรกะผู้สอบ (ถึงแม้จะมีสอบพวกวิชาเชื่อมโยงอื่นๆอยู่แล้วก็เถอะ)
ฟิสิกส์ผมว่าทำนองเดียวกับคณิตฯ

ถ้าไม่เก่งวิชาพวกนี้จะสอบไม่ติดหมอ
เพราะจะเข้าคณะแพทย์ต้องใช้คะแนนโดยรวมสูง เก่งแค่วิชาเดียวแต่วิชาอื่นคะแนนไม่เยอะ คะแนนรวมทุกวิชามันจะไม่พอที่จะติด

เอาจริงหมอนี่ด้านวิจัยห่วยมากเลยนะ มันอารมณ์เหมือนเรียนสายช่างด้านร่างกายมนุษย์มากกว่า ให้ไปสอบทำแลบแข่งเภสัชผมว่าเภสัชกินขาด เรื่องแลบนี่ยิ่งหนัก สายวิจัยที่บอก ๆ กัน ส่วนใหญ่ก็คลีนิกทั้งนั้น แปลง่าย ๆ ก็สถิติอ่ะ ส่วนฟิสิกส์นี่ใกล้สุดก็มีดผ่าตัดที่ไม่ต้องทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์อ่ะ

ผมก็หมอนะแต่ไม่เก่งเลข

แต่ชอบฟิสิกส์ ชีวะ

เอาจริงๆผมว่า การฝึกตรรกะทางความคิด critical thinking มันค่อนข้างได้ใช้เยอะครับ

แต่หน้างานจริงๆ การเป็นหมอ มันใช้หลายอย่างมากเลยนะ

1.ความรู้อะต้องมีแน่ๆจะเยอะจะน้อยว่ากันไป

2.ความรับผิดชอบ ในหมอด้วยกันมันจะมีทั้งคนที่รับผิดชอบเยอะหน่อย กับคนที่ไม่เอาอะไรเลยก็มีครับ
ในสังคมหมอมันแย่นะ คนที่ขยันๆ รับผิดชอบเยอะ ณ หน้างานก็จะโดนเอาเปรียบหน่อย
ส่วนคนที่ไม่รับผิดชอบก็ทำอะไรไม่ค่อยได้

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยตรวจ OPD คนขี้เกียจ ตรวจแปปเดียวแล้วก็หาย แถมตรวจลวกๆ ให้พอคนไข้ไม่ตาย
คนที่ขยันๆ ก้แบกไป

3.ความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งพอเราเป็นหมออะครับ มันจะเห็ฌคนป่วย เป็นเรื่องปกติ แล้วเรื่องความเห็ฯใจ
หรือความเข้าใจก็ญาติคนไข้มันจะลดลงเรื่อยๆ บางคนก็จะพอรักษาระดับไว้ได้
จุดนี้หมอจบใหม่ หรือหมอวัยรุ่นจะไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าไม่ค่อยได้มีคนในเครือญาติเจ็บป่วยเอง

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีเคสที่อายุเยอะแล้วอาการหนัก
หมอจะมีการคุย ภาษาหมอที่เรียกว่า NR = No resuscitation
อันตรงนี้แหละครับที่มันพอมีประเด็น

1. คือกรณีแรกเลยเวลาญาติพาคนป่วยอายุเยอะ 80/90 + มาโรงพยาบาลด้วยตัวโรคอะไรก็ตาม
ปกติหมอเราตรวจแลป ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประเมินหลายๆ อย่างก็จะพอบอก Prognosis = พยากรณ์โรค
ของผู้ป่วยได้คร่าวๆ ว่ามีแนวโน้มจะหาย จะได้กลับบ้านมั้ย หรือ อาจจะแย่ไปเลย
หมอเราก็จะมีการคุย เรื่อง NR คือ จะใส่ท่อช่วยหายใจมั้ย ETT, จะปั้มหัวใจมั้ย CPR
ซึ่งตรงนี้ญาติก็จะมีหลายฝ่ายครับ แต่แบ่งได้ง่ายๆ คือ ฝ่ายสู้เต็มที่ กับ ฝ่าย ที่ปล่อยให้คนไข้ไปสบาย

!! จุดนี้ก็จะเป็นทักษะของหมอแต่ละคนแล้วครับ ว่าสามารถอธิบายคนไข้หรือญาติผู้ป่วยได้ดีแค่ไหนเกี่ยวกับตัวโรค
ยกตัวอย่างง่าย ๆ การใส่ท่อช่วยหายใจจะเป็นขั้นแรกของการทำถ้าคนไข้เหนื่อยเยอะ ซึ่งสาเหตุการเหนื่อยก็มีเยอะเช่นกัน
หรือบางคนอาจจะอยู่ดีดี ไม่มีชีพจร ก็อาจจะต้องขึ้นปั้มเลย
ข้อเสียของการใส่ท่อเลยคือเจ็บแน่นอนครับ ต่อมาคือติดเชื้อในโรงพยาบาล ใส่นานๆอาจจะต้องเจาะคอ
ส่วนการปั้มบางทีคนอายุมากๆ ปั้มไปกระดูกหักบ้างก็มี

พอเป็นแบบนี้แน่นอนครับ ทางญาติไม่มีทางจะเข้าใจได้ทั้งหมด แต่เป็นหน้าที่หมอที่จะต้องพยายามีความเห็นใจ
และเข้าใจญาติ เอาตรงๆ บางครั้งหมอเราพอทำตามขั้นตอนแต่ก็จะไม่ได้สบายใจเท่าไหร่ครับ
เคยใส่ท่อช่วยหายใจคนอายุ 80+ แล้วก็ปั้มด้วย สุดท้ายไม่รอด แต่ขณะทำผมรู้เลยว่าผู้ป่วยทรมานครับ

อาจจะนอกเรื่องไปนิด สรุปคือ ผมว่าคณิตกับเคมีไม่ได้จำเป็นมากครับ
ชีวะได้ใช้เต็ม ๆ , ส่วนฟิสิกก็น่าจะสำหรับหมอกระดูกแล้วกัน

สุดท้ายก่อนจาก สังคมหมอดีดีก็มีนะครับ แต่ที่แย่ๆ จากอาจารย์กินหัวหรือรุ่นพี่แดกดันโยนงานก็เยอะครับ

แต่ผมก็ยังไม่ได้ออกจากระบบนะ เพราะขอทุนมาเรียนต่อ เรียนด้วย passion ล้วนๆ
หวังว่าระบบสาธารณสุข ประเทศเราจะดีขึ้นได้

ขอบคุณครับ

ตัวผมเองเรียนวิศวะ
คณิตศาสตร์ทั้งหมดที่เรียนมาตั้งแต่เกิดจนถึง ม.ปลาย
คิดว่าเป็นความรู้แค่ประมาณ 10% ของที่เรียน
ในมหาวิทยาลัย คือทุกอย่างยากกว่าและเข้มข้นกว่า
ความรู้ ม.ปลาย 10 เท่า

คิดว่าแพทย์น่าจะคล้ายๆกัน

ชีวะ แน่นอนว่าต้องใช้

ฟิสิกส์ เคยเปิดหนังสือเพื่อนที่เรียนหมอ ก็มีเรื่อง
ฟิสิกส์พอสมควรเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ

เคมี หมอต้องเรียนพื้นฐานเกี่ยวกับยาและสารเคมี
ต่างๆบ้างอยู่แล้วก็คิดว่าได้ใช้

คือถ้าเรียนสายศิลปฺแล้วมาสอบสาววิทย์ก็ไม่ทันคนที่เคยเรียนมาก่อนแล้ว ถ้าสอบได้จริง ไปเรียนหมอ วิชากายวิภาคจะทำไง เรียนช้ากว่าคนอื่นแน่นอน เพราะเขาเรียนชีวะมาด้วย วิชาคำนวณสำหรับผมคิดว่าเรียนกันได้ แต่วิชาท่องจำถ้าไม่ปูพื้นมาก่อน เสียเปรียบเขาแน่นอน แล้วปี 1 เรียนหนักมาก ถ้าเกรดไม่ไหวก็ อาจรีไทร์ หรือถ้าดรอปแล้วกลับมาเรียนกับรุ่นน้องไหวหรือ ทิ้งไปแล้ว 1 ปี คนที่ออกระเบียบข้อนี้มาผมว่าไม่ฉลาดเลย อาจจะฉลาดในเรื่องการเก็บเงินค่าสมัครและค่าเล่าเรียน แต่ไม่มีหมอจบสายศิลป์แน่นอน ในความคิดผมนะ

น้าผมที่เป็นหมอบอก เอาแค่ ชีวะ เคมี อังกฤษ ก็พอ นอกนั้นไม่ได้ใช้อะไรเลย