หุ้โคยเลยครับ บ้านอยู่กลางทุ่งนา กุคงซื้อปุ๋ยให้ป้ากุอย่างเดียวสินะ

จ้างดำนาได้ไหม

Blockchain ทำไมก่อน จำเป็นต้องใช้ถึงขนาดนี้มั้ย
มันเอาไว้ตามเส้นทางการเงิน ของผู้ใช้ที่เป็นนิรนาม เข้ารหัสตรงกันทั้งสองฝ่ายก็โอนเงินได้
ดูอย่างเราชนะ คนละครึ่ง มันยืนยันตัวตนทั้งสองฝั่งก่อนแล้ว เรียกดูรายละเอียดเมื่อไหร่ก็ได้

ตอนนี้นะ อย่าไปคิดมากกับมัน เพราะพรรคที่ออกนโยบายนี้ก็ยังไม่ให้รายละเอียดกับเรา
เงินดิจิตอล 10,000 บาท / 4 กิโล / blockchain
แค่นี้ ประชุมกับพรรคร่วมพรรคลุง อาจจะไม่มีแล้วก็ได้
เรียกว่าเงินประวิตร เข้าแอปเป๋าตังเหมือนเดิม

มันก็สองแง่ สองง่าม ครับ ยังไงการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วครับ เงินสะพัด

ได้ประโยชน์มากแน่ๆ แต่จะสูงสุดยังไง ขึ้นอยู่กับกฏ กติกาครับ

ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่คิดสนับสนุนระบบรัฐอุปถัม เลยก็ตาม

เปิดร้านรับแลกน่าจะดีสุด

เอาจริงๆ ผมยังไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามอยู่ดี
ยกเว้นสวัสดิการที่ควรจะได้กันตามปกติ (สวัสดิการควรจะถ้วนหน้า ยกเว้นคนได้แบบที่ดีกว่าแล้ว เช่นราชการ)

จะบอกว่า "คนละครึ่ง" เป็นนโยบายที่โคตรฉลาด
มองผ่านๆจะนึกว่าเอาเงินมาแจกให้คนไปซื้อของ แต่จริงๆแล้ว เงินนั้นคือค่าซื้อ Data ผู้ขาย เพื่อดึงมาเข้าสู่ระบบภาษี และ เก็บภาษีจากคนที่ไม่เคยจ่าย หรือ จ่ายเหมาแบบน้อยกว่าความเป็นจริง

ทีนี้ ถ้าบอกว่า 10,000 เป้าหมายคือการซื้อ Data เหมือนกัน
มันต้องใช้เงินขนาดนั้นเลยหรอ ?

การแจกขนาดนี้ เทียบสัดส่วนได้พอๆกับ เชคช่วยเหลือของ USA ช่วง Covid เลยนะ (เทียบส่วนรายได้)
แบบนี้มันจะไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะกลายเป็นตัวจุดชนวน "เงินเฟ้อ" แบบควบคุมไม่ได้ต่างหาก
สุดท้ายปัญหาก็จะตกมาที่ประชาชน แบกรับ ดอกเบี้ยเงินกู้สูงๆ ในขณะที่ดอกฝากยังห่างดอกกู้
เงินลงทุนไหลออกเพราะดอกเบี้ยกู้สูง และ ไม่คุ้มค่าการลงทุน เงินต่างชาติไหลออก เพราะดอกฝากต่ำ(กว่าประเทศอื่น ที่เฟ้อก่อน) และ หุ้นผันผวน

สุดท้าย คนยินดีช่วงแรก ได้เงิน ใช้เงิน ตลาด+ภาคธุรกิจ จะเติบโตระยะสั้น
จากนั้น "ยับ"

(ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์นะ แค่มองภาพตามสิ่งที่อาจจะเป็นได้)

แกตเจตได้มั้ย

ห่านจิก แล้วบ้านตูมีแต่สวนยางสวนทุเรียน ต้องกลับ ตจว ไปใช้เงินในสวนแล้วล่ะ

เอาจริงๆที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่จำเป็นต้อง Blockchain กระเป๋าตังสามารถทำได้หมดเลยครับ ถ้าทำ Plug in เข้าไป Blockchain นี้มีข้อเสียคือความช้า งบประมาณใช้สูง ขนาดที่หลายๆประเทศทดลองแล้วยกเลิก แต่ข้อดีคือโปร่งใสตรวจสอบได้ จริงๆถ้าจะอ้างน่าจะมีแค่เรื่องเปิดระบบใหม่ที่ไม่ได้ใช้ SWIFT ได้แค่นั้นแหละครับ

แต่นั้นหมายความว่าเราจะเป็นที่แรกๆของโลกที่ทำ ไม่มี Case ให้ศึกษาเลยครับ เพราะหยวนดิจิตอลก็เปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว ตอนแรกที่นโยบายออกมาใหม่ๆผมนึกว่าจะทำแบบ หยวน ดิจิติล

ก็เนี่ยวนมาที่คำถามเดิมใช้Blockchainทำไม??????
trackingทุกกวันนี้ก็ทำได้หนิเวลาธนาคารเค้าtrackเงินที่คอลเซ็นเตอร์โอนไปไหนมาไหนก็trackได้หมดแล้วจะใช้Blockchainเพื่อ????????

เข้าใจว่า blockchain มันสามารถกำหนดเงื่อนไขในการใช้เงินได้ครับ เหมือนเขียนโปรแกรมใส่เข้าไปว่าต้องการให้เงินกับกลุ่มเป้าหมายใดบ้างสามารถใช้เงินภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง ตรงนี้ถ้าเราใช้ผ่านเงินสดคงจะควบคุมอะไรไ่ม่ได้ แต่ด้วยระบบดิจิตอลถ้าไม่เข้าเงื่อนไขมันก็ใช้จ่ายไม่ได้ครับ และที่ต้องใช้เทคโนโลยีก็น่าจะเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังด้วยมั้ง อันนี้ไม่ได้จะมาดีเฟ้นให้เพื่อไทยนะครับ พูดไปตามข้อมูลที่เขาบอกมา ดีไม่ดีทำได้ไม่ได้ ทำจริงมีปัญหา ก็ต้องรอดูอีกทีครับ ส่วนตัวยังไม่อยากตัดสินอะไร

โปรมแกรมมิ่งปกติก็ทำได้ครับ

ต้องมาเขียนเงื่อนไขที่ตัวแอปเพื่อคอนโทรลการใช้เงินในแต่ละเงื่อนไข กับเขียนชุดคำสั่งใส่ในเงินดิจิตอลวอลเลตไปเลย อันไหนดีกว่าครับ เหมือนคุณบอกว่าใช้ทำไมเฟรมเวิร์ก เขียนเองก็ได้ มันก็ทำได้ครับ แต่ลองนึกถึงการ maintain ในอนาคตด้วยครับ ถ้าเงื่อนไขเปลี่ยน ถ้าต้องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เงินกับ SME หรือ เกษตรกร อื่น ๆ แบบไหนมัน flexible มากกว่าและบำรุงรักษาง่ายกว่า

เดี๋ยวๆอะไรที่Blockchainทำได้โปรแกรมมิ่งปกติก็ทำได้เหมือนกันต่างกันแค่คนAuthorizedแค่นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยเพียงแต่BlockchainมันกระจายอำนาจการAutherizedให้กับคนอื่นๆในการตัดสินใจแล้วผมถามว่าใครจะเป็นคนรันเชน? รัฐเหรอหรือให้คนทั่วไปรัน?

EDITเพิ่มเติม
คุณบอกใช้เงินดิจิตอลแต่คุณจะไปแก้โค้ทพื้นฐานทีหลังนี่ตลกละความเชื่อมั่นของเหรียญก็ไม่เหลือหนะสิถึงจะมียอดค้ำเป็นเงินของรัฐแต่คุณบอกเงินคุณแก้เงื่อนไขได้งั้นก็แสดงว่ามีคนที่มีคีย์แก้หลังบ้านได้แล้วงี้ความน่าเชื่อถือจะไปอยู่ไหนหละ