ผมว่า ไม่จริงนะ
1 เอาเรื่อง ทางบัญชีก่อน
รู้มั๊ยครับ ว่า ร้านค้าทั่วไป ได้เงิน คือ revenue แต่สำหรับ ธนาคาร ได้เงินจากคุณ มันคือ Cost

ยิ่งคุณฝากเยอะ ชิบหาย!!! ต้นทุน กูเพิ่ม เพราะต้องลงว่า จ่าย Cost คือดอกเบี้ยคุณ นั่นคือ ต้นทุนธุรกิจเค้า


2 ส่วนคุณจะบอกว่า อ้าว ก็เอาไปปล่อยกู้ต่อไง ไม่เชิงครับ นิยามยากเหมือนกัน แล้วแต่ช่วง ภาวะ เศรษฐกิจ เช่น ตอนนี้ แบงค์ไม่อยากปล่อยเท่าไหร่ เพราะ Econ ไม่ดี แต่คุณฝากเยอะ นั่นเท่ากับ bank แบกต้นทุนสูง และจำเป็นต้องไป ปล่อยกู้เสี่ยงๆ (ทั้งที่ใจอาจจะไม่ได้อยากปล่อย) อยากอยู่นิ่งๆ

3 ถามว่า แล้วใครฝากเงิน หลัก พัน หรือ หมื่น ก็คิดไม่ค่อยออกนะครับ คือ ขี้หมูขี้หมา เอาไปซื้อที่ หรือ bond ก็ดีกว่า ไม่ได้จำเป็นต้องถือเงินสดเยอะขนาดนั้น อาจจะมี บริษัทใหญ่ฝากไว้ เพราะเป็น bank guarantee เวลาไปทำธุรกิจกับ b2b อื่น อะไรทำนองนั้น

4 สรุป เงินฝากคุณ คือ เค้ายี้ ไม่อยากได้ครับ เพราะรูปการณ์ทุกวันนี้ ก็ไม่รู้จะไปปล่อยกู้ยังไงนักหนาแล้ว เค้าไม่ได้ต้อง พิศวาสคุณ กลับกัน ลูกหนี้เค้า ซึ่งก็คือ คนไปปล่อยกุ้ เช่น เบียร์ช้าง CP กลับเป็นฝ่ายที่เค้าแคร์กว่าเยอะครับ (โดยเปรียบเทียบ) เค้าแค่ ลูกหนี้ มากกว่า เจ้าหนี้ฝั่งที่คุณไปฝากเงิน

5 แต่ก็ต้องทดประเด็นว่า ถ้ารายนึงถอน แล้วรายต่อๆไปถอน แล้วกระทบโครงสร้าง reserve หรือ bank run หรือ เสถียรภาพของ bank นั่นก็คงไม่ดีงามสำหรับ bank นั้นๆครับ

ุ6 แบงค์ก็ต้องไปหาแนวทางเติบโต อื่นๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจ ปล่อยกู้เช่นกันอะนะครับ นั่นเท่ากับเราตีความได้ว่า ธุรกิจปล่อยกู้มันก็ตัน ดังนั้นถ้ามันตัน แปลว่า เงินที่คุณฝากอยู่ มันก็เกินความจำเป็นเค้าไปหน่อย ถ้ามีรายใหญ่ ถอนออกบ้าง ผมว่าเค้าก็ ok นั่นจะยิ่งทำให้ บรรทุดสุดท้าย เค้ากำไรเพิ่มขึ้นครับ