กองหน้าตัวเป้า พิมพ์ว่า:
Taerg พิมพ์ว่า:
กองหน้าตัวเป้า พิมพ์ว่า:
เพจพวกนั้นมันมีคนคิดเป็นจริงเป็นจังด้วยเหรอ คิดว่าดูกันฮาๆตลกๆเฉยๆ
มันคือมุกตลกที่เอามาจากเรื่องจริงครับ ทีนี้พอมันมีมุกตลกอะไรแบบนี้ออกมา มันก็เป็นเหมือนการสร้างภาพให้หลายคู่คล้อยตามใช้อ้างอิงได้ว่าแบบนี้มันคือเรื่องปกติในสังคม ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่ใช่
จริง ๆ มันไม่ได้ผิดอะไรหรอกครับ แต่มันอยู่ที่เราต้องการสร้างบรรทัดฐานแบบไหนให้สังคมมากกว่า
ผมมองว่ามันเป็นโจ๊กมากกว่า มันมีจริงๆเหรอมาดูมุขตลกตามเพจแล้วกลับบ้านไปกลัวเมียถามจริง
ความสัมพันธ์ของคนสองคน มันอยู่ที่การคุยกันอะไม่ใช่มุขตลกตามเพจพวกนี้
เพราะโจ๊กมันสร้างจากเรื่องจริงไง แล้วพอเห็นทุกคนมาหัวเราะร่วมกันมันก็เหมือนคนที่ร่วมชะตากรรมกัน ถ้าคนไม่เจอกับตัวเอง มุกแบบนี้มันก็ไม่ได้ตลกอะไรขนาดนั้น แต่ที่มันตลกเพราะเป็นประสบการณ์ร่วมกัน
แล้วมันไม่ใช่ว่าคนอื่นเขาดูมุกแล้วกลับบ้านไปแล้วกลัวเมีย แต่พอมันมีมุกแบบนี้ออกมาจนเกลื่อนเหมือนเป็นเรื่องปกติ มันก็เหมือนการสร้างบรรทัดฐานให้สังคมทางอ้อมว่าเรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็เจอกัน ใคร ๆ ก็เป็นกันไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นา เพราะเล่นมุกแล้วทุกคนก็เก็ตเหมือนกัน
ไม่ต่างกับการที่ผู้หญิงคนนึงมีเพื่อนสนิทในกลุ่ม 5 คน 3 จาก 5 คนใช้วิธีเก็บเงินคุมการเงินกับผู้ชายหมด มันจะเกิดอิทธิพลทางอ้อมในทางความรู้สึกว่าเขาก็ควรจะทำกับแฟนตัวเองได้บ้างเพราะใคร ๆ ก็ทำกัน (ถ้าผู้หญิงคนไหนจะไม่ทำมันก็แล้วแต่เขา) แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสังคมรอบตัวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในชีวิตคู่ของฝ่ายหญิง
ดังนั้นโซเชียลมันก็คือหนึ่งในสื่อสังคมที่มีอิทธิพลต่อบรรทัดฐานสังคม ถ้ามีคนที่เขามองว่าเรื่องใดเรื่องนึง ไม่ถูกต้องแล้วเขาไม่เอามาล้อเลียนเป็นมุกเพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ไม่ใช่ว่าควรจะไปบอกเขาว่าเรื่องนี้มันก็แค่มุกทำไมต้องจริงจังเพราะเมื่อก่อนที่เราจะก้าวสู่ยุคที่เลิกบูลลี่กัน เราก็มองว่าการบูลลี่คือเรื่องตลกในสมัยก่อนเช่นกัน