คิดว่ากลุ่มประเทศที่เจริญๆนี้เขาได้ชนชั้นนำที่เก่งและมีความตั้งใจในการพัฒนาประเทศ ออกแบบระบบให้คนทั้วไปได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการประเทศ มากกว่ากลุ่มประเทศด้อยพัฒนามั้ย

มันแล้วแต่ว่าใช้ระบบไหนถ้าให้เอกชนแบกเอกชนต้องแข็งแรงมากๆแบบสหรัฐที่ขายเทคฯเป็นหลัก รัฐก็เก็บภาษีจากเอกชนพวกนี้มาพัฒนาประเทศพัฒนาคน ถ้าเอาแบบกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียนคือรัฐให้สวัสดิการแต่ประชาชนต้องช่วยๆกันเสียภาษี(สูง)

ความเห็นส่วนตัวคือรากหญ้าที่มีหัวคิดสร้างธุรกิจ SME เยอะๆ เมื่อเอกชนดี เกิดการจ้างงานเพิ่ม เมื่อมีการจ้างงานก็เกิดการบริโภค รัฐก็เก็บภาษีมาบริหารประเทศไทย

ประเทศจะเศรษฐกิจดีมาจาก
- การลงทุนของภาครัฐ
- การลงทุนจากภาคเอกชน
- การบริโภคของเอกชน
- การเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติ

รัฐสนับสนุนSME ให้อยู่ได้
- ภาคบริการ
- ภาคเกษตร
- ภาคอุตสาหกรรม

ทำไงให้เค้าขยับขยายได้ ยืนได้ ทำให้คนกล้าลงทุน ขยายการลงทุนอ่ะ

ขอตอบว่าใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

elite คือ คนที่สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ ให้กับประเทศนั้นๆจริงๆ เป็นฟันเฟืองสำคัญเลยด้วยซ้ำ ซึ่งคนรากหญ้าทำไม่ได้

แต่ๆๆๆ คนที่ทำเพื่อสังคมจริงๆมีน้อยครับ elite ส่วนใหญ่ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น แต่เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะมีการควบคุมที่ดี การแข่งขันที่เป็นธรรม ทำให้กลุ่มธุรกิจแข่งขันกันในหลายๆด้าน

เช่น CSR, เท่าเทียมทางเพศ, จ้างคนพิการ บลาๆ มันคือการสร้างแบรนด์ให้ดูดีกว่าแบรนด์คู่แข่งทั้งนั้นครับ แต่เพราะมันเกิดการแข่งขันมันเลยดูพัฒนาสังคม และ เศรษฐกิจไปในตัว

แต่ถ้าประเทศแบบแถบๆนี้ ที่รัฐกับเอกชนมันฮั้วกัน ก็ไม่เกิดการแข่งขัน นวัตกรรมไม่มี ไม่มีคนมาลงทุน เศรษฐกิจแย่ คนตกงาน

สรุป
รัฐบาลควบคุมดี มีความสุจริต เที่ยงธรรม
Elite มีความทะเยอทะยาน ชอบการแข่งขัน
รากหญ้า พร้อมพัฒนาตัวเอง และ ไม่ยอมรับความไม่ถูกต้อง

ประเทศเจริญจ้า

สำหรับผม อีลิทครับ ถ้าอีลิทมีหัวก้าวหน้า ก็จะหาทางทำให้รากหญ้าที่มีจำนวนเยอะกว่ามากเติบโตขึ้นมา เพื่อทำให้ประเทศพัฒนาได้เร็วกว่า รอให้รากหญ้าโตขึ้นมาเองครับ

คนตัวเล็กยืนได้สิ พอเขายืนได้ ก็จะมีเงินมาใช้สอยเพื่อความสุข แล้วเงินก้วนไปหาคนตัวเล็ก วนลูปไป

เติบโตได้จากทั้งคู่ครับ ขาดอะไรไม่ได้ สำคัญพอๆกัน
วันนึงเราขาด อีลิท ขาดนักลงทุน รากหญ้าไม่มีงานทำ ต้องออกนโยบายให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งพวกนี้ก็โกยเงินออก

วันนึงเราขาดรากหญ้า ชนชั้นแรงงาน เราก็จะหาคนทำงาน operation ยากขึ้นต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าว ซึ่งพวกนี้ปัญหาด้านการจัดการค่อนข้างยุ่งยาก

สำคัญทั้งคู่ แต่ถ้าถามว่าสิ่งไหนส่งผลมากกว่าขอตอบรากหญ้าครับ

แปรจากคณิตและสถิติ ม.4
การจะดัน average ขึ้นโดยที population มีจำนวนมากๆ นั้นคิดแบบง่ายๆ

ถ้าในห้องตัดคะแนนกลุ่ม คะแนนเฉลี่ยอยู่ 40-50
elite เสมือนเป็นพวกหัวกะทิร้อยละ 10 คะแนน 70-80 ที่มีไม่เยอะ
รากหญ้าส่วนใหญ่ๆ ร้อยละ 65 ของคนในห้องอยู่ที่ 15-35 (อีก 25 คือชั้นกลางคะแนนแถวๆ เฉลี่ย)

ถ้า elite ตั้งใจเรียนเองมากกว่ากว่านี้เพื่อทำคะแนนให้สูง จากหัวกะทิเฉลี่ย 70-80 แต่ทำคะแนนได้ 90-100 คะแนนเฉลี่ยมันก็ขึ้นมาอย่างมากก็ 50-55 และมันแทบจะไม่เหลือ upside ให้ขึ้นไปได้อีกแล้ว
ถ้า elite มาสอนหนังสือ เสมือนทำ csr ให้รากหญ้าในห้อง(และเสมือนรากหญ้าพัฒนาขึ้นเอง) แล้วรากหญ้ากับชนชั้นกลางในห้องคะแนนสูงขึ้นคนละแค่ 10 คะแนน (จาก 15-35 ไปสู่ 25-45 และ 40-50 ไป 50-60) คะแนนเฉลี่ยจาก 40-50 ก็จะขึ้นไป 50-60 เนื่องจาก population 85% นั้นส่งผลต่อ avg มากกว่า 15%

ที่สำคัญคำว่าเจริญวัดจากไหน ฐานรายได้? ความรับผิดชอบต่อสังคม?
รายได้สูง แต่คน 60% ยังทิ้งขยะไม่เป็นที่ ยังมีวัฒนธรรมการปฎิบัติที่ยังล้าหลัง 40% ยังใช้วิธีคิดคล้ายๆ สลิ่มคือใช้ความเชื่อ ความศรัทธา มัวเมาและอีโก้นำสมอง ก็ยังไกลคำว่าประเทศเจริญ

ผมมีความเชื่อเสมอตั้งแต่ตอนเลือกตั้งชัชชาติว่า ผู้นำที่ดี(เสมือน elite) จะนำพาสิ่งดีๆ เข้ามา แต่จะ sustain ให้อยู่ตลอดไป เสมือนเป็นสิ่งปกติธรรมชาติของสังคม ผู้คนทั่วไปต้องพัฒนาและปรับตัวตามอีกเยอะ

ผมชอบแบบไต้หวันครับ เอกชนรายใหญ่ให้ออกไปลุยนอกประเทศ ไม่ใช่ให้มากินรวบคนในประเทศ ส่วนในประเทศเน้นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME

แบบเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ผมไม่เอาครับ คนชั้นกลางคนจนอยู่ยาก

รากหญ้าครับ ถ้าพื้นฐานไม่ดี ต่อให้แทคติค โค้ช หรือระบบดียังไงมันก็พัฒนายาก

อีลิทอะ เงินเยอะ อำนาจเยอะ ถ้าเขาทำดีๆ พัฒนาไวมากอะ
รากหญ้า ทำไรไม่ได้มากหรอก ไม่มีทั้งเงินและอำนาจ