ผมเคยได้พูดคุยลูกน้องผู้รับเหมา ซึ่งขับ รถเกรด ที่มีชื่อเสียงในอำเภอ ซึ่งอยู่ในวง รถจักรทำก่อสร้างถนน เขาบอกว่า ตอนนี้ คนขับรถใหญ่ เช่น สิบล้อ รถพ่วง ค่อนขาดจะขาดแคลน

แต่พวกรถจักรที่ใช้ทำงานก่อสร้างอย่าง แบคโฮ รถเกรด รถปูยาง พวกนี้ขับได้ แต่ใช้งานยาก นับวันขาดแคลน ยิ่งรถเกรด ยิ่งขาดแคลน ไปทางรถที่เห็นประจำวันอย่าง แบคโฮ ใครๆก็ขับได้ ตักได้ แต่จะแต่งบ่อให้สวยและได้มาตราฐาน หายากมาก และจะเป็นให้ก็ยาก ต้องใช้เวลาเป็นปี ถึงจะเก่ง บางคนก็ใช้เวลาถึง 2-3 ปี แม้แต่เถ้าแก่ก็ต้องง้อคนขับแบคโฮ ถ้าไม่ใช่รายใหญ่

ส่วนรถเกรด คนที่ผมคุยด้วยเขาขับรถเกรด เล่าให้ผมฟังว่า เถ้าแก่เขา มีรถเกรด 2 คัน ทางเถ้าแก่ เขาขายไป 1 คัน เพราะว่า ไม่มีคนงานมาสมัครขับรถเกรดนานแล้ว เลยเหลือเขาคนเดียว ทางเถ้าแก่ เขาขอให้ทำงานกับเขา เพราะไม่มีคนเลย ทางเขายังโอเคเนื่องจากยังมีแรงทำ อยู่ร่วมทุกข์มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่แล้ว ซึ่งรถเกรดทุกคนสามารถขับได้ แต่ใช้งานในการแต่งถนน โครตมหายาก ผมเคยถามคนอยู่วงการทำถนน บอกว่า เป็นรถที่ยากมาก ต้องใช้ชั่วโมงมากกว่า 1 ปี แน่นอน ยกเว้นว่าฉลาดมีไอคิว ถึงจะเป็นภายใน 1 ปี และยากกว่าแบคโฮมาก

ไปทางรถพ่วง รถขนส่ง รถขนวัตถุอันตราย อันนี้ขาดคนจริงๆ บางบริษัทเริ่มจะอัพเงินเดือนให้มากขึ้น เพิ่มสวัสดิการให้มากขึ้น เช่น ถ้ามีรถ 10 คัน ถ้ามีเหลือคนขับแค่ 7 คัน บอกเลยว่า ทางบริษัท ไม่เสียค่าแรงเพิ่มก็จริง แต่ขาดรายได้แน่นอน เพราะคนที่ขับอึก 7 คัน จะต้องแบกงานที่มากขึ้น พอขาดรายได้ ก็ทำให้บริษัทอาจจะขาดทุน

ตอนนี้ ถ้าระดับรถพ่วงใหญ่ขึ้นไป ชั่วโมงนี้ตกงานยากมาก เพราะ คนขาดแคลน ที่ขับๆมีแต่ คนแก่ๆ ทำให้บริษัทเริ่มต้องยอมทุ่มเงิน เพื่อดึงคนเข้ามาทำงาน หรือคนขับมานานก็อัพราคาขึ้น ให้สวัสดิการมากขึ้้น เพื่อกลัวการย้ายงาน ยิ่งคนที่ขับรถที่ดูแลรถบริษัทให้ดี ทำงานไม่ค่อยปฏิเสธ ยิ่งอัพราคาขึ้นอีก ยิ่งรั้งไว้ ทางรายเล็กๆ พวกต่างอำเภอตาม ตจว ก็ต้อง เช้าซื้อข้าวให้ลูกน้องกิน พร้อม เครื่องชูกำลัง บุหรี่ เที่ยงก็เลี้ยงข้าว เย็นเลี้ยง เบียร์ให้กิน บางบริษัทให้เงินเดือนเยอะกว่าพนักงานเงินเดือนตามบริษัทที่เรียนจบมาสูงกว่าอีก แต่ยังไง ภาพลักษณ์ กับ ความมั่นคง และ เวลาให้กับครอบครัว ก็ยังสู้พนักงานเงินเดือนไม่ได้อยู่ดี

รถใหญ่พวกนี้ มักเห็นคนมีอายุขับกัน ส่วนคนอายุน้อยๆที่ขับนั้น ก็มีไม่มากเท่าไหร่ พวกที่ขับอายุไม่มากมักเป็น ลูกเถ้าแก่ คนเรียนหนังสือไม่สูง หรือ ลูกเจ้าของประกอบการเอง ส่วนคนรุ่นใหม่ขับน้อยลง เพราะว่า คนที่เป็นพ่อที่ผ่านการขับรถใหญ่ๆพวกนี้ ไม่ต้องการให้ลูกขับ เพราะว่าเนื่องใช้สุขภาพ และสุขภาพจะเสีย เนื่องจากเป็นงานที่ใช้ร่างกาย พักผ่อนไม่เป็นเวลา ขับรถแข่งกับเวลา ใช้ความอดทนต้องใจเย็นสูง ไปต่างจังหวัด กลางคืนก็ต้องขับ นอนก็นอนมันบนรถ อาบน้ำตามปั้ม และ ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว บางคนถึงยอมเลิกขับรถใหญ่ๆไป ซึ่งผมเห็นเยอะแยะ เลยอันนี้ ส่งลูกไปเรียน ป.ตรี ให้จบ จะยังดีกว่า ไม่ต้องมาลำบากเหมือนเขา ที่ต้องห่างจากครอบครัว

ถ้าถามขาดแคลนขนาดไหน เอาเป็นว่าในอดีต คนที่จะขับรถพวกนี้ ต้องไปเป็น คนนั่ง เป็นลูกมือคนขับ แล้วขอถ่ายทอดวิชา แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นแล้ว บริษัทรถใหญ่ ที่นิยมที่สุดในประเทศไทย 2 ค่าย อย่าง ฮีโน่ กับ อีซูซุ มีโครงการเปิดสอนฟรีแล้ว ที่พักฟรี อาหารฟรี ให้ขับ 6 ล้อ แต่ทาง เชลล์ นี้เปิดสอนฟรีขับ รถพ่วง เลยนะ ที่ผมเห็นโครงการนี้มา ที่พักฟรี อาหารฟรี ซึ่งโครงการก็พึ่งปิดไป แต่อนาคตเปิดแน่นอน เพราะตอนนี้ บริษัทรถใหญ่ อย่าง อีซูซุ กับ ฮีโน่ ถ้าคนขับน้อยลง ยอดขายรถก็จะน้อยลงไปเหมือนกัน จึงต้องมีโครงการ ส่วน เชลล์ ก็คงเจอปัญหาคือ คนขับรถขนน้ำมันน้อยลง ก็เลยมีโครงการ และเพิ่มค่าแรงมากขึ้น

พวก รถสิบล้อ รถพ่วง รถขนน้ำมัน แบคโฮ รถเกรด รถปูยาง รถหัวลาก รถเครน เริ่มขาดแคลนแล้ว เนื่องจากคนรุ่นใหม่ ขับน้อยลง ส่วนระบบ AI ยังไงความละเอียดก็สู้คนขับไม่ได้อยู่ดี อีกนาน ไม่มีทางละเอียดได้เท่าคนขับ ตอนนี้หาคนขับรถให้ได้ก่อนจะยังดีกว่า

เคยไปเถียงในกลุ่มเฟสอยู่ บอกขึ้นค่าแรงเป็น 450 จะทำให้ผู้ประกอบการตายกันถ้วนหน้า

ขอโทษครับ ตอนนี้รับเหมา 450 จ้างไม่ได้แล้วครับ 500 อย่างต่ำครับ นี่คือคนงาน no skill เลยนะ ทำได้แค่สั่งให้ทำเหมือนเป็นจักรกลธรรมดาอ่ะ

แล้วถ้าคุณหา 450 ได้วันนี้ วันพรุ่งนี้พวกนี้เขาก็พร้อมไปทำที่อื่น เพราะมีคนพร้อมให้ 500 อีกเต็มตลาด

พวกแรงงานมี skill 600-700 โน่นครับ คนขับรถพวกนี้ก็ตามที่จขกท.บอกเลย 900-1000 ยังหาไม่ค่อยได้เลยที่ผมเคยคุยๆกับผู้ประกอบการมา

บอกผู้ประกอบการตายกันถ้วนหน้า ไม่ใช่รับเหมาและธุรกิจใกล้ๆกันแน่นอน

ขับแบบนี้มันเสี่ยงต่อชีวิตมั้ยครับ

เอาแค่ อำเภอกันดาร ขับสิบล้อขนดิน ที่ค่าแรงน้อยสุด ต่ำแบบแย่สุดๆ ก็ 600 บาทแล้วครับ แบคโฮ 900 บาท

จ้างไม่ว่า เที่ยงซื้อข้าวให้กิน เย็นซื้อเหล้าให้ดื่ม บางวันขับเองด้วยนะ ถ้าขาดคนขับ

ถ้าเจ้าอื่นอัพราคา เช่น แบคโฮ ก็ต้องขึ้นค่าจ้างตาม เพราะ แบคโฮ หาคนแต่งบ่อสวยๆ โครตยาก

ทำงานตาม safety guideline อุบัติเหตุเกิดยากมากครับ

แต่ก็นั่นแหละ ประเทศเรา "ปลอดภัย (เอา)ไว้ก่อน" บางทีผู้ประกอบการนี่แหละตัวทำเสี่ยง สภาพรถไม่ตรวจ ใช้ได้ใช้ไปก็มี

นอกนั้นก็เป็น user error นอนน้อย โหมงาน อะไรก็ว่าไปครับ

มีเพื่อนอยู่วงการรถเครน
มันบอกคนขับได้แน่ๆวันละ 800
โอที+พิเศษต่างหาก

งานที่ดูไม่หล่อไม่สวยหลายๆอย่าง
แต่จริงๆเงินเดือนดีกว่าที่เราคิดเยอะเลยนะ

อันตรายครับ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ขับแบคโฮ ก็ต้องระวังว่า จะไปหล่นดินเลน ไหม ไม่งั้นจม

ขับรถขนน้ำมัน อันนี้ยิ่งตัวอันตราย ขับต้องใจเย็นสุดๆ มีสติ ห้ามประมาท

เอาง่ายสุดอย่าง ขับสิบล้อ จะแข่งกับเวลา ขับเร็วก็เบรคยาก คุมยากกว่า กระบะ เก๋ง ครับ เข้า เลี้ยว ถอยหลัง ยากกว่า รถทั่วไป มีจุดบอดที่มองไม่เห็น

ทางอ้อมคือ สุขภาพครับ อดหลับอดนอน และ บางคนก็ปวดหลัง ปวดขา เพราะขับรถพวกนี้เป็นเวลานานๆ รวมทั้งคือ ไม่มีเวลาให้ครอบครัวครับ นอนก็นอนมันบนรถอะ

จริงๆงานขับรถขนน้ำมันเรทราคาวันละ 1000-1200 (เดือนละ 30000-36000) มานานแล้วนะ

ต่ำๆก็สัก 30 ปีก่อนอะครับ

ยิ่งมีใบขับขี่หลายใบ ยิ่งราคาแพง ยิ่งมีพวกใบขับขี่รถบรรทุกแก๊ส บรรทุกสารเคมีเนี่ย ราคายิ่งดี

แต่คนใกล้ชิดผมเคยบอกว่าเบื่อเพราะหมาต๋ามาไล่จับ เห็นว่าตอนเขาเลิกทำงานนี้ได้ ใบขับขี่รถใหญ่ประเภท 3 ประเภท 4 เขาปล่อยทิ้งคา สน. เลยนะ (ปกติต้องไปเสียค่าปรับเพื่อเอาคืนใช่ปะ)

เอาจริงๆยุคนี้ถนนหนทางก็ดีกว่าตอนนั้นเยอะแล้วนะ เส้นปักธงชัยเป็นสี่เลนคมๆไปแล้ว ยุคนั้นยังเป็น 2 เลนสวน ถนนมีแต่คลื่นอยู่เลย

จบเที่ยวหนึ่ง ได้โบนัส อีกไม่น้อยเลยครับ เผลอๆเที่ยวละอย่างต่ำ 2,000 บาทด้วยมั้ง พวฝกสายขนน้ำมันเนี่ย พวกนี้ไม่ได้แค่เงินเดือนด้วยนะ

เรื่องปกติครับ ถ้าเงินเดือนมันดี สวัสดิการมันดี นายจ้างไม่เอาเปรียบ ยังไงก็มีคนไปทำ แต่ถ้าเงินเดือนมันดีในแง่ลักษณะที่ว่าต้องทุ่มเวลาเยอะ ๆ เพื่อให้ได้เงินดีเช่น การลุยโอทีเยอะ ๆ พวกนี้เดี๋ยวนี้ถ้าเลือกได้ไม่ค่อยมีใครอยากทำหรอก อีกทั้ง mindset พวกนายจ้างหลายคนเวลาเจอชนชั้นแรงงาน ก็ชอบมองเขาเป็นแรงงานที่ไม่มีความรู้และจะมักจะหาช่องเอาเปรียบ+กดค่าแรงเสมอ สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้คือไม่มีใครอยากทุ่มเวลามาเรียนสกิลเพื่อมาลงทำในตลาดงานที่มีโอกาสจะถูกนายจ้างเอาเปรียบแน่ ๆ

นี่ยังไม่ถูกพูดถึงค่าเสี่ยงภัยในอาชีพพวกนี้ที่นายจ้างมักมองข้ามเลยนะครับ อาชีพพวกนี้มันเสี่ยงบาดเจ็บมากกว่าปกติอยู่แล้วถ้านายจ้างและเพื่อนร่วมงานไม่เข้มงวดใน safety guidelines รถเก่าก็ใช้ไป ซ่อมบำรุงก็ไม่ซ่อมตามรอบที่ควรเป็น พอหลายคนพอเกิดอุบัติเหตุในการทำงานก็จะถูกนายจ้างปล่อยเกาะอีก

ผมถึงบอกไงว่าถ้ามันคุ้มเสี่ยงจริง คนไม่ขาดขนาดนี้หรอก แต่คนไม่อยากลงทุนทุ่มเวลาเรียนสกิลไปทำเพราะหลายคนน่าจะรู้ว่าพวกบรรดานายจ้างทั้งหลายแหล่มันเป็นยังไง อุบัติเหตุพิการขึ้นมาทีชีวิตแรงงานพวกนี้จบเลยนะครับ ไอ้วันละ 800-1000 หรือเงินเดือนรวม 3-4 หมื่นนี่เหมือนจะเยอะ แต่ถ้าคิดความเสี่ยงไปด้วยคือไม่เยอะเลย

เรื่องแบบนี้ไม่ได้เจอที่ไทยครับ ที่อเมริกา อังกฤษ ก็เจอเหมือนกัน หลังๆ เรื่องคนขาดคนใหญ่ ทางเอกชนรายใหญ่ กับ รัฐบาลอเมริกา อังกฤษ หาทางแก้ไขอยู่ครับ

แต่ที่อเมริกา ก็กำหนดเรื่องเวลาขับรถของคนงานครับ กำหนดเวลา ไม่ให้ขับหามรุ่งหามค่ำ ไม่งั้นเดี่ยวเกิดอุบัติเหตุ

ในบ้านเรา เอาเป็นว่า ทุกวันนี้ เถ้าแก่ที่มีอิทธิพลในอำเภอที่เล่นการเมือง เป็นนายก อบต เทศบาล ก็บ่นเรื่องค่าแรงแล้วครับ ว่าหลังๆต้องอัพขึ้น ถ้าไม่อัพขึ้นเขาไม่มาทำงานด้วย ต้องเลี้ยงข้าว น้ำ เช้า บ่าย เย็น บางช่วงขาดคนงาน นายก ลงมาขับเอง

เรื่องขาดแคลนผมเข้าใจ แต่ที่จะสื่อคือ ในแง่ค่าเสี่ยงภัย+การเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง บ้านเรามันไมไ่ด้เข้มงวดเหมือนต่างประเทศ ต่างประเทศคนทำอาชีพพวกนี้คือเศรษฐีนะครับ แบบทำ ๆ ไปซื้อรถ ซื้อเครื่องจักเป็นของตัวเองแล้วไปรับงานเพิ่มเองได้เลย แต่กลับกันประเทศไทยถึงจะทุ่มขับ ทุ่มทำงานให้ตายก็ได้แค่ผ่อน eco car สักคัน ไม่มากพอจะไปซื้อรถหรือเครื่องจักรพวกนี้เป็นของตัวเองแน่ ๆ

ไม่น่าแปลกใจ พวกรถจักรต้องใช้สกิลพอสมควร+ประสบการณ์ พวกรถบรรทุกต้องอึด ใจเย็นแล้วต้องทุ่มเทให้งานจริงๆ ขนาดเราขับรถไปต่างจังหวัด ทำความเร็วไม่ได้ยังหงุดหงิด อันนี้ขับเร็วได้แค่นี้ แถมวิ่งทีหลักหลายร้อยถึงพันกิโลถึงมีแต่คนมีอายุหน่อยถึงใจเย็นได้แบบนั้น เคยดูของต่างประเทศเงินดีมากๆ

ที่บ้านผมทำธุรกิจก่อสร้างก็มีคนขับแบคโฮอยู่ไม่กี่คนเอง ที่จริงก็ขับไม่ยากนะผมเคยลองหัดอยู่ชั่วโมงเดียวเป็น

ขับไม่ยากจริงครับ แต่ให้เก่งนี่ยากนะ แต่งผิวบ่อเนี่ย ให้เรียบกริ๊บได้ slope นี่ คนเป็นคนไม่เป็นคือชัดมาก