ผมเฉยๆกับเกรด แต่เน้นวิชาในคณะเป็นหลัก พวกวิชาอื่นๆนอกคณะแค่พอเอาตัวรอด ถ้าไม่ชอบก็เอาแค่ D พยายามไม่ให้ติด F ก็พอ

พอดีอยู่สายงานออกแบบ แทบจะไม่ดูเกรดเลยเวลาสมัครงาน ดูแค่ port อย่างเดียว

3.0 ถือว่าเก่งแล้ว ในยุคนี้

จบใหม่ เงินเดือน100k มีคับ สาย consulting แบบ ที่ พิธาเคยทำ แต่ qualification ก็โหดสลัดเหมือนกัน ส่วนใหญ่รับเด็กจบนอก u top โลก หรือ ivy leauge ถ้ารับเด็กไทยจบตรี คือโปรไฟล์ต้องโหด สลัดจริงๆครับ ภาษาต้อง native ตั้งแต่ตอนเรียนเลย

ผมว่าสำคัญนะ เพราะบางครั้งโอกาสขอทุนเรียนต่อตปท.หรือออฟฟิตที่รีเควสเกรดสูงๆมาถึงแต่ก็ถูกเขี่ยทิ้งเพราะเกรดไม่ถึง ทั้งหมดก็อยู่ที่เป้าหมายชีวิตหลังจบมหาลัยของท่านด้วย แต่ก็อย่าสนเกรดเกินไปจนละเลยการสร้างprofile/skillด้านอื่นๆด้วย

รู้แค่ว่า BBA ฬ สาวโคตรแจ่ม

ท่านจะเป็นชายที่อยู่ในกลุ่มสาวๆแน่ๆ

วกกลับมาเรื่องเกรด ขอ 3.0 พอ เกินกว่านี้คือ กำไร

อย่างแย่คือ 2.75

แค่ตั้งเป้าไว้ แต่ไม่ใช่ว่า ถ้าไม่ได้แล้วจะเครียด ชีวิตคือจบ มันไม่ใช่อย่างงั้น

เกรด ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับผม ยกเว้น จะใช้เรียนต่อ ปโท เมืองนอก

ถ้าชีวิตว่าชีวิตนี้จะไม่เรียน ปโท ปเอก แล้วก็ใช้ชีวิต ปตรี ให้เต็มที่ เกรดช่างมัน เชื่อผมเหอะ

เพื่อนผมที่ต่ำกว่า 2.5
สมัครสอบเข้าบางที่ ที่กำหนดเกรดขั้นต่ำ2.5 ไม่ได้

สำคัญแค่ตอนสมัครงานครั้งแรก หลังจากนั้น ปกส. เคสที่ทำกับการแก้ปัญหาสำคัญกว่า
แต่ก่อน BBA จบใหม่ได้เกือบแสนคือเข้าไปฝึกงาน บ.น้ำมัน ในไทย จากนั้นจบมาก็เข้าไปเลยจะได้เกือบๆแสน ไม่รู้ตอนนี้ถึงแสนหรือยัง

สำคัญค่อนข้างมากครับ จบBBAมาเหมือนกันเกรดไม่ถึง3.00 ชีวิตลำบาก

1. งานแรกจะหายากมาก
2. ไปต่อโท อย่างน้อยต้อง 3.00+ เพื่อได้มหาลัยดีๆ

เกรดสูง = โอกาสในการเรียกมากขึ้นครับ คือคุณจะได้โอกาสก่อนเกรดรอง
นั่นคือยิ่งบริษัทใหญ่ๆ เงินเดือนสตาร์ทสูงจะดูตรงนี้ก่อน ถ้าสัมไม่ผ่านโอกาสจะเป็นของคนต่อไป

ส่วนเงินเดือน ไม่เกี่ยวกับเกรดโดยตรง ส่วนใหญ่จะดูว่าตอนที่เรียนมาไปใช้อะไรมาบ้าง
ถ้ามีการเข้าร่วมโครงการหรือวิจัย ฝึกงานบริษัทที่ให้เงินสูง หรือได้เป็นผู้ช่วยในงานสำคัญมา แบบนี้ถึงนับ

ถ้าทำแต่เกรดในห้องเรียนเกรดสูงแต่ไม่เคยทำอะไรเลย แบบนี้เรียกเงินไม่ค่อยได้ครับ

ขึ้นอยู่กับว่าอยากไปทำอะไรต่อกับชีวิตครับ

อยากเรียนต่อม.ดีๆ เกรดมีผลแน่ๆ เพราะเกรดไม่ถึงสมัครไม่ได้ หรือกระทั่งสมัครได้ แต่ขอทุนไม่ได้เพราะเกรดดีไม่พอ ฉะนั้นถ้าเน้นอยากไปเรียนต่อม.ดีๆเมืองนอก ต้องทำเกรดให้ได้ครับ

ต่อมา อยากเริ่มงานบ.ดีๆแบบ MKZ, BCG ในฐานะ 1st jobber เลย ถ้าจะเข้าพวกนี้ก็ต้องระดับหัวกะทิเหมือนกัน ต่อให้ใครบอกว่าทำงานไปแล้วเกรดไม่ค่อยดู ผมบอกเลยครับว่าเค้าดู (ขนาดผมไป IT Director ไปสมัคร Sr. Manager ยังไม่ผ่านขั้น profile screening เลยครับ เพราะตอนเรียนเกรดไม่ดี ฮ่าาาา)

อย่างไรก็ดี ถ้าไม่ได้ต้องการทำงานบริษัทระดับ S แบบข้างบน แต่ระดับ A เช่นพวก FMCG ระดับโลก พวกนี้ต่อให้จบเกรดกลางๆ เราจะสมัครไปเลย หรือไปทำงานที่อื่นมาก่อนค่อยวนกลับไปเค้าก็รับครับ แต่ก็ต้องไปแข่งกับคนที่อาจจะมีประสบการณ์พอกับเราด้วยเช่นกัน อันนี้ก็จะไม่โหดร้ายเท่าด้านบน (แต่คือก็ต้องจบม.ดีนะ ไม่ใช่จบม.ไรมาก็ไม่รู้ แล้วเกรดยังไม่ค่อยดีอีก)

ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเรียน ผมจบตรีเกรดสองปลายๆและเรียนไม่จบป.โทด้วยซ้ำ (ย้ายไปทำงานเมืองนอกก่อน เพราะชอบทำงาน 555) ทุกวันนี้อายุ 40 ก็ทำงานระดับ regional role ได้ครับ เพราะเน้นทำงานแล้วสร้างโปรไฟล์ตอนหลังแทน ตอนสัมภาษณ์งานที่แรกก็บอกเค้าไปตรงๆว่าไม่เน้นเรียนครับ เน้นทำกิจกรรม เคยออกค่าย เคยเป็นอะไรก็ว่าไป ไม่ใช่ไม่เอาเรื่องเรียนแล้วก็เน้นเมาเน้นเที่ยวอย่างเดียว แบบนี้ก็เริ่มต้นดีๆยากครับ

สุดท้ายนี้ก็ต้องดูว่าชีวิตอยากได้อะไรด้วยเช่นกัน อย่างผมไม่เคยมีเป้าเป็นเรื่องเงิน เกรดก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นครับ เพราะเป้าหมายในชีวิตผมมันคืออยากทำงานเมืองนอกก่อน 30 ก็ได้แล้ว อยากเป็น regional role ก่อน 40 ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งเป้าหมายเนี่ยแหล่ะคือสิ่งที่สำคัญที่จะ set path ให้เราก้าวเดินครับ

เอาให้ไม่ไทร์ก็พอ
เกรดดีจะได้เปรียบตอนเพิ่งจบ งานแรกคุณจะมีตัวเลือกเยอะขึ้น
หลังจากนั้นไม่มีประโยชน์มากนักแล้ว ประสบการณ์ทำงานจะสำคัญกว่า

ถ้าในแง่การทำงานก็แล้วแต่ความสามารถครับ

แต่ถ้าในแง่ของการสร้างภาพ สร้างโปรไฟล์ ผมบอกได้เลยว่าโคดสำคัญ เกรดมันเป็นตัวต่อยอดการสร้างโปรไฟล์ของคุณได้ดีที่สุดเลยครับ

สมมติคุณได้เกรดดี คุณก็มีโอกาสเข้าที่ทำงานดี ๆ ถ้าเข้าที่ทำงานดี ๆ คุณก็มีโอกาสเจอเจ้านายเก่ง ๆ ที่จบมหาลัยทอปๆของโลก เค้าก็ช่วยเขียน recommendations ให้คุณไป Business School ระดับทอป ๆ ของโลกได้ ถ้าคุณเข้าได้ ตอนกลับมาไทยนี่ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็แทบจะมีแต่คนเชิญคุณเข้าบริษัทครับ ยังไม่นับว่าการจบยูทอป ๆ ยังสามารถเอาโปรไฟล์ไปขายในการสมัครงานหรือหางานในต่างประเทศได้อีกนะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าทำงานห่วยแตก ผมว่าจะจบที่ไหนก็ไม่ช่วยนะครับ 5555

สมัยก่อนเวลาสัมภาษณ์พนักงาน บริษัทจะเรียกเฉพาะคนที่ได้เกรด 2.7 ขึ้นไปให้มาสัมภาษณ์ ผมจะสนใจพวกที่ได้เกรดอยู่ระหว่าง 2.7-3.3 เป็นพิเศษ
ได้เกรดมากกว่า 2.7 เชื่อว่าเก่งทำงานได้ทุกคน
เกรดเกิน 3.3 โดยมากจะเป็นเด็กเรียน ท่องเก่ง แต่ขาดประสบการณ์ชีวิต อยู่แต่ในกรอบ หัวพลิกแพลงไม่ค่อยมี สัมภาษณ์แล้วผมมักจะไม่ค่อยรับ
พวกเกรด 2.7-3.3 จะถามเจาะลึกเพื่อดูบุคลิก ความคิดอ่าน ความพลิกแพลง และเน้นเรื่องการคุยภาษาคนกันรู้เรื่องเพราะอนาคตต้องมาทำงานด้วยกัน ถ้าพูดไม่รู้เรื่องต้องรีบตัดทิ้งเลย

เกรด ส่วนใหญ่จะมีผลกับงานแรก และขอทุนไรพวกนี้แหละ ต่อจากนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเองล้วน แต่อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งเสมอ

3.0+ maintain เอาไว้ ยังไงก็ดีสำหรับโอกาสแรกหลังเรียนจบ ได้คณะและมหาลัยที่เครดิตดีแล้วก็ถือว่า เรียนให้มีความสุขในรั้วมหาลัย อิจฉาสาวแจ่ม