ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Jan 2007
ตอบ: 232
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 07, 2023 20:51
Made in J.League : "ชุนสุเกะ นากามูระ" เท้าซ้ายที่ "สวรรค์" ไม่ได้ให้มา
บทความนี้เขียนแด่ "ชุนสุเกะ นากามูระ" นักฟุตบอลที่กลายเป็นแรงบันดาลใจของใครหลายคน
.
“ผมคลุกคลีกับฟุตบอลมาทั้งชีวิต จนมันกลายมาเป็นอาชีพของ ผมใช้เวลากว่า 26 ปี บนเส้นทางฟุตบอลอาชีพ วันนี้ผมอยากจะกล่าวคำขอบคุณกับเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่เคยต่อสู้เคียงข้างกันมา ผู้จัดการและผู้ฝึกสอนทุกคนที่เคยให้แนะนำกับผม”
.
“รวมไปถึงแพทย์และเทรนเนอร์ทุกคนที่เคยดูแลช่วงที่ผมได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่สโมสรและแฟนฟุตบอลทุกคนที่สนับสนุนกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณครับ”

.
ชุนสึเกะ นากามูระ แถลงขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตการค้าแข้งหลังประกาศเลิกเล่นฟุตบอลระดับอาชีพในวัย 44 ปี หลังจบการแข่งขันเจลีกฤดูกาลที่ผ่านมา
.
ถ้าเรานึกถึงนักฟุตบอลที่ยิงฟรีคิก หรือ วางบอลยาว ได้อย่างแม่นยำ เท้าซ้ายของนากามูระ ต้องเป็นหนึ่งในสิ่งที่อยู่ในภาพความทรงจำของใครหลายคน
.
วันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 2006 ศึกบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ระหว่าง กลาสโกว์ เซลติก และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
.
ในจังหวะที่ เซลติก ได้ลูกฟรีคิกบริเวณนอกกรอบเขตโทษ ในช่วงนาทีที่ 80 ของเกมส์ บอลถูกตั้งในระยะที่กะด้วยสายตาประมาณ 30 หลา "ชุนสุเกะ นากามูระ" ตัวยิงฟรีคิกของทีม เข้าประจำตำแหน่งเพื่อทำหน้าที่ถนัดของตัวเอง
.
ถ้ายิงเข้าประตูนี้ มีโอกาสสูงที่จะเป็นประตูส่ง "ทีมม้าลายเขียวขาว" เข้ารอบน็อคเอาท์ และเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่าง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 60,000 คน ที่เข้ามาชมเกมส์ใน "เซลติค พาร์ค"

.
เขาสืบเท้าเข้าไปไม่กี่ก้าว เอียงตัวด้วยท่าถนัด ก่อนปั่นด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งด้วยความแรงแหวกอากาศเข้าที่มุมขวาของประตู "เอดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์" เอื้อมสุดตัวแต่ไม่ทัน บอลเสียบสามเหลี่ยม
.
แฟนบอล "เดอะ เซลต์" ได้เฮลั่น และประตูนั้น ถือ เป็นประตูในความทรงจำของใครหลายคน
.
“เขาสามารถเปิดกระป๋องถั่วได้ด้วยเท้าซ้ายของเขา” สตีฟ เพอร์รี่แมน อดีตนักเตะของทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ในช่วงปี 70 เคยพูดถึงทักษะการใช้เท้าซ้ายของนากะซัง เพอร์รี่แมนเคยมีประสบการณ์คุมทีมในเจลีกกับชิมิสุ เอส พัลซ์ และ คาชิว่า เรย์โซลในช่วงปี 1999 – 2001
.
วาทกรรมนี้คงไม่เกินจริง ถ้าเราเคยดูการยิงฟรีคิกของนากามูระ
.
#โตมากับลูกกลมๆมีลมข้างใน
.
นากามูระ เกิดและเติบโตที่เมืองท่าที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวโตเกียวความผูกพันธ์ที่เขามีกับลูกฟุตบอลเริ่มต้นในวัย 5 ขวบ กับการเข้าร่วมเล่นกับทีมฟุตบอลที่ชื่อว่า "มิโซโนะ เอฟซี" ด้วยความสามารถในการทำเกมส์ นากามูระได้รับการจับตามองจากทีมระดับท้องถิ่นหลายต่อหลายทีมตั้งแต่ตอนเด็ก
.
ในขณะเดียวกัน "นากะคุง" ได้รับการคัดเลือกให้ร่วม ทีมออล สตาร์ โยโกฮาม่า ซึ่งเป็นทีมที่รวบรวมนักเตะเยาวชนในเมืองโยโกโฮม่า โดยมีภารกิจในการเดินทางไปร่วมทัวร์นาเมนท์ที่สหภาพโซเวียต (ชื่อประเทศรัสเซีย ในช่วงปี 1990)
.
ในวัย 12 ปี นากามูระได้เข้าร่วมเล่นกับ "นิสสัน มอเตอร์ เอฟซี" ทีมที่ต่อมาจะเปลี่ยนชื่อเป็น โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในปัจจุบัน
.
เทคนิคการเปิดหรือยิงลูกนิ่งของนากามูระ ถูกลับคมให้มีความแม่นยำมาตั้งแต่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชน ด้วยการซ้อมเพิ่มหลังจากการฝึกซ้อมแบบปกติของทีม
.
อย่างไรก็ตาม เด็กชายชุนสุเกะ กลับพบปัญหาเกี่ยวกับร่างกายของเขาเมื่อผลการประเมินโดยทีมแพทย์ของทีมพบว่า เขามีพัฒนาการทางด้านร่างการที่ช้ากว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้ นากามูระ ไม่ได้รับการคัดเลือกให้เลื่อนเข้าสู่ชุดเยาวชนของทีม
.
ครอบครัวของนากามูระ ตัดสินใจเบนเข็มเส้นทางฟุตบอลของเขามุ่งไปที่การเข้าเรียนโรงเรียนระดับมัธยมปลายเพื่อโอกาสในการศึกษาและการได้ลงเล่นฟุตบอลควบคู่กันไป
.
นากามูระได้เข้าเรียนที่ "โรงเรียนโทโกะ กาคุเอน" ซี่งตั้งอยู่ที่เมืองคาวาซากิห่างจากใจกลางเมืองโยโกฮาม่าออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร
.
เขาได้เข้าร่วมทีมฟุตบอลของโรงเรียนและพาทีมทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลระดับชาติปี 1995

.
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาส่งผลให้ถูกเรียกติดทีมชาติญี่ปุ่นในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เพื่อเข้าร่วมแข่งขันศึกชิงแชมป์ฟุตบอลเยาวชนเอเชียในปี 1996 และได้ติดทีมชาติญีปุ่นต่อเนื่องในปีต่อมาเพื่อเข้าสู้ศึกชิงแชมป์เยาวชนโลกในปี 1997
.
หลังจบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย นากามูระ เดินทางมาถึงทางแยกที่จะต้องเลือก เมื่อได้รับความสนใจในการคว้าไปร่วมทีมจากหลายต่อหลายทีมในศึกเจลีก จูบิโล่ อิวาตะ, เวอร์ดี้ คาวาซากิ และกัมบะ โอซาก้า คือ ทีมที่แสดงความสนใจในตัวเขาอย่างชัดเจน
.
สุดท้ายแล้ว นากามูระ ตัดสินใจเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม โยโกฮาม่า มารินอส สโมสรซึ่งตัวเขาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีมมาตั้งแต่ระดับเยาวชน รวมถึงเป็นทีมในเมืองเกิดของเขาด้วย
.
#เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งกับมารินอส
นากามูระ ตัดสินใจเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม "โยโกฮาม่า มารินอส" หลังผ่านการลงเล่นในระดับมัธยมปลายและได้รับความสนใจจากหลายทีมในเจลีก

.
ปีแรกของกองกลางดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่นจบลงด้วยสถิติการลงสนามไป 31 นัด ยิงไป 5 ประตู
.
ในฤดูกาลต่อมาตรงกับปีคริสต์ศักราช 1998 กับวัย 20 ปี นากามูระ โชว์ผลงานสุดยอดด้วยการลงสนามกับมารินอสไป 37 นัดในทุกรายการกับผลงาน ทำไป 10 ประตู
.
จากสไตล์การเล่นที่สามารถทำประตูได้จากการยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ การยิงลูกนิ่ง รวมไปถึงการสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้กับเพื่อนร่วมทีม นากามูระได้รับการจับตามองว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งฟอร์มแรงของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ณ ขณะนั้น
.
ข้ามมาที่ปี 2000 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในปีที่ดีที่สุดของ "ชุนสุเกะ นากามูระ " ที่มารินอส เขายิงได้ 5 ประตู มีส่วนร่วมในการทำประตูอีก 11 ครั้ง ช่วยให้ มารินอส คว้าแชมป์สเตจแรกของฤดูกาล 2000 พร้อมกับได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของเจลีกในช่วงปีดังกล่าว เจลีก ยังเล่นการด้วยระบบ 2 สเตจ
.
ระบบ 2 สเตจ คือ แชมป์จะตัดสินโดยการนำผู้ได้อันดับที่ 1 ของ สเตจที่ 1 และ ผู้ได้อันดับ 1 ของสเตจที่ 2 ที่ได้มาจากระบบการแข่งขันแบบเก็บคะแนนและเเบ่งครึ่งฤดูกาล มาแข่งขันกันอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศอีก 2 นัดและนับผลรวมประตูได้เสีย
.
ก่อนที่จะได้แชมป์ลีกประจำปี กรณีอันดับหนึ่งของทั้งสองสเตจเป็นทีมเดียวกัน จะนำอันดับสองมาแข่งขันกัน ผู้ชนะจะได้เข้าไปชิงชัยกับอันดับหนึ่ง
.
ในศึกเจลีก 2000 แชมป์สเตจที่ 1 คือ "โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส" และ แชมป์สเตจที่ 2 คือ "คาชิม่า แอทเลอร์"
.
จึงได้ทั้งสองทีมมาแข่งขันกันในนัดชิงชนะเลิศที่ถูกตั้งชื่อตามผู้สนับสนุนหลักในชื่อ "ซันทอรี่ แชมเปี้ยนชิพ" (Suntory Championship)
.
ผลนัดแรก เสมอกันไป 0 - 0 ก่อนที่นัดสอง "แอทเลอร์" จะเปิดสนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่นถล่ม "มารินอส" ไป 3 - 0 ส่งผลให้ ทัพกวางเขาเหล็ก คว้าแชมป์ไปในปีนั้น
.
#ความท้าทายใหม่กับเรจจิน่า
.

หลังความสำเร็จส่วนตัวและการแสดงศักยภาพกับมารินอส นากามูระ กลายเป็นเป้าหมายในการล่าตัวเขาไปร่วมทีมจากหลายต่อหลายทีมในลีกยุโรป โดยเฉพาะทีมในลีกอิตาลี ที่มีกระแสข่าวในช่วงนั้นว่ามีทั้ง เรจจิน่า, คิเอโว่, เปรูจา, นาโปลี, เลชเช่ และ อตาลันต้าที่สนใจในตัวเขา
.
นากามูระ ตัดสินใจ เซ็นสัญญาร่วมทีม "เรจจิน่า" ซึ่งในฤดูกาลนั้นทีมพึ่งได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในกัลโช่ ซีรี่ย์ อา (ลีกสูงสุดของอิตาลี) ด้วยรายละเอียดสัญญา คือ การยืมตัวระยะสั้น 6 เดือน
.
เบื้องหลังการย้ายทีมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ แมวมองของทีมเรจจิน่ามีโอกาสเห็นฝีเท้าของดาวเตะจอมทัพทีมชาติญี่ปุ่นในเกมส์ "คิริน คัพ" ที่ ขุนพลซามูไร เจอกับ ทีมชาติฮอนดูรัส ซึ่งเป็นเกมส์ที่นากามูระโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเป็นอย่างมากกับผลงานการทำสองประตูในเกมส์นัดนั้น
.
ฝากฝั่ง "เรจจิน่า" หลังจบฤดูกาล 2001 ทีมยืนยันการเลื่อนชั้นกลับสู่ กัลโช่ ซีรี่ย์ อา "ปาสกัล โฟติ" ประธานสโมสรเรจจิน่า ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ด้วยทีมมีความจำเป็นที่จะต้องหาผู้เล่นตัวหลักมาเสริมแกร่งให้กับทีม "ปาสกัล โฟติ" ต่อสายถึงทีมงานของ "มารินอส" ทันที เพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการคว้าตัว "ชุนสุเกะ นากามูระ" มาร่วมทีม ในขณะที่ผู้เล่นของเรจจิน่ายังฉลองการเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งของทีม
.
ที่ เรจจิน่า นากามูระ แบกความหวังของทีมกับหมายเลข 10 ที่ปักอยู่ที่หลังของเขา โดยส่วนมากผู้เล่นที่สวมเสื้อหมายเลขนี้จะรับบทบาทจอมทัพของทีม
.
นอกจากนี้หมายเลข 10 สำหรับผู้เล่นในอิตาลี คือ เสื้อของคนที่เป็น “เอซ” ของทีม หรือ ผู้เล่นที่มีความสำคัญอย่างมากของทีม
.
มีบันทึกไว้ว่า ในระยะเวลา 5 เดือน หลังการย้ายมาร่วมทีมของ "ชุนสึเกะ นากามูระ"
เรจจิน่า สามารถขายเสื้อแข่งขันได้ 25,000 ตัว
.
กองกลางเบอร์สิบ ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการทำประตูได้สามนัดติดต่อกันในช่วงเดือนแรกของการประเดิมสนามให้กับต้นสังกัดใหม่ของตัวเอง
.
ก่อนที่จะจบฤดูกาลแรก (2002/03) กับเรจจิน่าด้วยสถิติการลงสนามไป 31 นัด ยิงไป 7 ประตู ช่วยให้ทีมต้นสังกัดอย่าง เรจจิน่า หนีตกชั้นได้สำเร็จในปีนั้น
.
ปีต่อมา นากามูระ ประสบปัญหาได้รับอาการบาดเจ็บตลอดทั้งฤดูกาล ส่งผลให้เขาได้ลงสนามช่วยเรจจิน่าไปเพียง 18 นัด
.
ด้วยเหตุจากการเปลี่ยนแปลงผู้ผึกสอนบ่อยครั้ง และส่งผลโดยตรงต่อโอกาสลงสนามของ นากามูระ ที่มักเริ่มต้นเกมส์บนม้านั่งสำรอง บวกกับผลงานโดยรวมของ เรจจิน่า ที่มักต้องดิ้นรนอยู่ในโซนหนีตกชั้น ท้ายที่สุดแล้ว นากามูระ ก็ตัดสินใจมองหาโอกาสใหม่ๆ
.
โอกาสที่เข้ามา คือ การไปบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ที่ประเทศ "สก๊อตแลนด์"
.
#บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ที่ดินแดนวิสกี้
.
ในช่วงปี 2005 มีรายงานจากผู้สื่อข่าวสายฟุตบอล ได้รับรายงานถึงความสนใจของหลายต่อหลายทีมที่มีต่อ "ชุนสุเกะ นากามูระ"
.
แอตแลนติโก้ มาดริด, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, โบรุสเซีย มีนเช่นกลัดบัค
รวมไปถึง ลีดส์ ยูไนเต็ด, ลาซิโอ้ และ ปาร์ม่า คือ ชื่อทีมที่มีข่าว ณ ตอนนั้น
.
แต่เพื่อโอกาสในการลงเล่นที่ต่อเนื่อง นากามูระ ตัดสินใจเลือกย้ายไปร่วมทีมเบอร์หนึ่งของ
สกอตติช พรีเมียร์ ลีก อย่าง “กลาสโกว์ เซลติก”

.
"กอร์ดอน สตรัคคั่น" กุนซือของเซลติกในช่วงนั้น ให้เหตุผลหลักในการเลือกนากามูระมาร่วมทีม
คือ ผลงานที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมใน ศึกคอนเฟดเดอร์เรชั่น คัพ ซึ่งนากามูระ สามารถทำประตูได้ในเกมส์ที่ทีมชาติญี่ปุ่นเจอกับทีมชาติบราซิล
.
“จินตนาการของนากามูระไม่เหมือนใคร เขาสามารถเห็นในสิ่งที่ผู้เล่นคนอื่นมองไม่เห็น”
กอร์ดอน สตรัคคั่น พูดถึง "วิสัยทัศน์" ในการส่งบอลของ ชุนสึเกะ นากามูระ ในตอนที่เซ็นสัญญาเขามาร่วมทีม
.
ในช่วงที่ นากามูระ มาร่วมทีมสถานการณ์ของเซลติก ถือว่าค่อนข้างแย่ ทั้งจากการตกรอบฟุตบอลยุโรปและการเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้กุนซือของทีมต้องรีบส่งไพ่ใบใหม่อย่าง ชุนสุเกะ นากามูระ ที่ร่างกายยังไม่ฟิตสมบูรณ์ลงเล่นเพื่อกอบกู้สถานการณ์
.
ผลลัพธ์เป็นไปอย่างยอดเยี่ยม จากฝีเท้าของ กองกลางตัวใหม่เบอร์ 25 ในเกมส์นั้น ทำให้หลังจบเกมส์ "นากะซัง" ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมส์นัดนั้น รวมถึงได้รับการปรบมือเพื่อแสดงความเคารพ (Standing Ovation) จากแฟนเซลติก ในตอนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาที 84
.
เพียงแค่ขวบปีแรกของนากามูระก็สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอล
ด้วยผลงานลงสนามทุกรายการ 38 นัด ยิง 6 ประตูและส่งให้เพื่อนทำประตูอีก 10 ครั้ง
.
พร้อมจบปีกับถ้วยแชมป์แรกของชีวิตกับแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ ลีก พ่วงด้วย แชมป์ สกอตติช ลีก คัพ
.
วินัยในการฝึกซ้อมและทัศนคติในความเป็นมืออาชีพของ นากะซัง ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมและทีมงานสต๊าฟโค้ชเป็นอย่างมาก
.
ในฤดูกาลที่สองของที่เซลติก เขาได้รับโอกาสประเดิมการลงเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก เป็นเกมส์แรกของชีวิต
.
นอกจากการเป็นนัดแรกแล้ว ลูกยิงฟรีคิกตีเสมอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 2 ที่สนามโอล์ด แทรฟฟอร์ด ยังทำให้ลูกยิงในนัดนั้น บันทึกประวัติศาสตร์ให้ ชุนสุเกะ นากามูระ กลายเป็นผู้เล่นจากดินแดนอาทิตย์อุทัยคนแรกที่ยิงประตูได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก
.
แม้เกมส์นัดนั้นจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 3 - 2 แต่ลูกยิงฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษลูกนั้น ตราตรึงแฟน 74,000 คน ที่เข้ามาชมเกมส์ใน "โรงละครแห่งความฝัน"
.
ผ่านมาอีกเกือบ 2 เดือน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 2006 คือ หนึ่งในวันแห่งความทรงจำของ ชุนสึเกะ นากามูระ มันเป็นวันที่เขายิงประตูใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพาทีมเอาชนะล้างแค้น "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ได้ที่ เซลติก พาร์ค พา "ทีมม้าลายเขียวขาว" เข้ารอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรตั้งแต่ก่อตั้งมา
.
ฤดูกาล 2006-07 รูดม่านจบลงด้วยบทละครที่สมบูรณ์แบบ "ชุนสุเกะ นากามูระ" คว้าแชมป์แรกของตัวเองกับต้นสังกัด "กลาสโกว์ เซลติก" รวมไปถึงรางวัลส่วนตัวที่มากที่สุดจะเกิดขึ้นได้ในลีกฟุตบอลของสก็อตแลนด์
รางวัลผู้เล่นประจำปี - สมาคมนักฟุตบอลอาชีพสก็อตแลนด์
รางวัลผู้เล่นประจำปี - สมาคมนักข่าวสก็อตแลนด์
รางวัลผู้เล่นประจำปี - สก็อตติช พรีเมียร์ ลีก
รางวัลผู้เล่นประจำปี - สโมสรกลาสโกว์ เซลติก
รางวัลลูกยิงสุดสวยประจำปี (ยิงใส่ ดันดี ยูไนเต็ด ด้วยลูกชิพนอกกรอบเขตโทษ)
ติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของ สก็อตติช พรีเมียร์ ลีก
.
ท่ามกลางกระแสข่าวการย้ายทีมมากมายกับเงื่อนไขในการที่ เซลติก จะต้องปล่อยตัวเขาทันทีหากมีทีมชั้นนำในยุโรปสนใจในตัวเขา

.
แต่ "นากามูระ" เลือกตัดสินใจเล่นต่อไปกับ "กลาสโกว์ เซลติก" อีกสามฤดูกาล
ฝากผลงานไว้กับการลงสนาม 146 นัด ทำประตู 31 ลูกและแอสซิสท์ 37 ครั้ง
Scottish Premier League: 2005–06, 2006–07, 2007–08
Scottish Cup: 2006–07
Scottish League Cup: 2005–06, 2008–09
.
และก็เป็น "เอสปัญญ่อล" ที่เป็นหมุดหมายต่อไปของเขา
.
#ลาลีก้าสเปนที่ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามแผน

หลังหมดสัญญากับ “กลาสโกว์ เซลติก” และสามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่หนาหูว่า “โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส” ต้องการดึงตัว นากามูระ กลับมาลงเล่นในเจลีกอีกครั้ง
.
แต่เรื่องราวไม่ได้ลงเอยอย่างนั้นเมื่อ “ชุนสุเกะ นากามูระ” ในวัย 31 ปี ตัดสินใจเลือกเซ็นสัญญา 2 ปี ซบ “เจ้านกแก้ว” หรือ เอสปัญญ่อล แห่ง ศึกลาลีก้า สเปน
.
การเปิดตัว นากามูระ เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความหวัง แฟนบอลเอสปันญ่อลราว 6,000 คนออกมาต้อนรับนักเตะใหม่ของทีม ที่คอร์เนลลา-เอล แปรต สเตเดี้ยม สนามเหย้าของทีม
.
“ผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่ในวันนี้” นากามูระบอกกับแฟนๆ หลังจากทักทายพวกเขาเป็นภาษาคาตาลัน
.
“แน่นอนว่า (การต้อนรับเช่นนี้) เพิ่มความกดดัน แต่ทันทีที่ผมลงสนาม ผมจะทุ่มเททั้งหมดเพื่อตอบแทนการสนับสนุนนี้ และทำให้แฟนๆ มีความสุข”
.
การมาพร้อมความคาดหวัง แปรเปลี่ยน เป็นความกดดัน
.
นากามูระ ได้ลงเล่นนัดแรกกับเอสปันญ่อลนัดแรกของฤดูกาล 2009/10 ในเกมส์กับแอธเลติก บิลเบา โดยได้รับโอกาสเล่นเต็มเกมส์ครบทุกนาที
.
ผ่านไปเพียงแค่ 7 นัด เขาเริ่มต้นการแข่งขัน บนม้านั่งสำรอง บางสิ่งบางอย่างก็เริ่มจะผิดปกติจากที่ควรจะเป็น
นากามูระ ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเป็นไปตามความคาดหวังของ “เมาริซิโอ โปเชตติโน่”
โค้ชของทีมเอสปัญญ่อลในเวลานั้น
.
หลังเกมส์นัดกับ “เตเนริเฟ่” นากามูระได้รับโอกาสเป้นตัวจริง สลับกับ ตัวสำรอง
จนกระทั่งสถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดเมื่อเขาไม่มีชื่อแม้กระทั่งเป็นตัวสำรอง
.
จบฤดูกาลด้วยสถิติที่เหมือนฝันสลายของ นากามูระ
มีชื่อ 18 นัด ตัวจริง 6 ได้เปลี่ยนลงไป 7 นัด นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองทั้งเกมส์อีก 5 นัด
ทำประตูไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว
.
เหตุผลหลักที่มีการให้ข่าวไว้ คือ เรื่องการปรับตัวกับระบบฟุตบอลของสเปนและการสื่อสาร
.
ในช่วงตลาดหน้าหนาวมีข้อเสนอจากทีม “มิดเดิ้ลสโบรซ์” ในแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ซึ่ง “กรอดอน สตรัคคั่น” โค้ชเก่าของนากามูระคุมทีมอยู่และสนใจจะดึงตัวเขาไปร่วมงานอีกครั้ง
.
#กลับบ้านที่ไม่ใช่หลังสุดท้าย

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ถึงเวลากลับบ้านซักทีหลังการผจญภัยในลีกยุโรปมากว่า 9 ปี
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2010 มารินอส ประกาศอย่างเป็นทางการในการบรรลุข้อตกลงได้ “ชุนสุเกะ นากามูระ” กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง
.
เหตุผลหลักในการกลับมาเล่นที่เจลีก คือ เขาต้องการโอกาสในการลงเล่นในสนามเพื่อเป็นการันตีว่าเขาจะได้รับการคัดเลือกไปฟุตโลกปี 2010
.
การกลับมาลงเล่นในญี่ปุ่นครั้งนี้ นากามูระ เล่นกับมารินอสไปอีก 6 ฤดูกาลในฐานะตัวหลักและกัปตันทีม มีเพียง เอ็มเพอเรอร์ คัพ ปี 2013 ที่เป็นเหรียญตรากับมารินอส บวกกับรางวัลส่วนตัวในฐานะผู้เล่นทรงคุณค่าของเจลีกและรางวัล 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีในฤดูกาลเดียวกัน

.
หลังจบฤดูกาล 2016 “ชุนสุเกะ นากามูระ” กลายเป็นคนที่ได้หน้าทีกัปตันทีมให้กับมารินอสยาวนานที่สุด ทำลายสถิติของ “มาซามิ อิฮาร่า” ตำนานกองหลังของทีม ปัจจุบันเป็นโค้ชของ คาชิว่า เรย์โซล
.
ใครต่อใครคงคิดว่า เส้นทางอาชีพของ นากามูระ จะแขวนสตั๊ดเป็นตำนานของทีม “โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส” แต่อีกครั้งที่ วิถีฟุตบอล นำพาไปกับสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด
.
เมื่อฤดูกาล 2016 สิ้นสุดลง คู่แข่งร่วมลีก “จูบิโล่ อิวาตะ” ประกาศบรรลุข้อตกลงในการเซ็นสัญญาคว้า นากามูระ มาร่วมทีมท่ามกลางความแปลกใจของแฟนบอล

.
“ผมต้องการจะเลิกเล่นกับสโมสรที่ปลุกปั้นผมขึ้นมาผมผิดหวังที่ไม่สามารถได้แชมป์เจลีกกับมารินอสเลยซักครั้ง” นากามูระพูดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมารินอสในตอนย้ายทีม
.
หลังการย้ายตัว มีการขุดคุ้ยว่า นากามูระ ไม่พอใจสโมสรเนื่องจากการแทรกแซงการตัดสินใจของทั้งผู้เล่นและทีมงานสต๊าฟโค้ชของ “City Football Group” ซึ่งเข้ามาถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ของสโมสรและมีส่วนร่วมในการบริหารงานของทีม จึงนำพาไปสู่บทสรุปที่ไม่มีใครคิดถึง
.
หลังการย้ายทีมของ นากามูระ มีรายงานว่า ส่งผลให้รายได้ประจำปีของทีมลดลงหนึ่งในสามของรายได้ประจำปี
.
หลังมาสัญญาที่ “จูบิโล่ อิวาตะ” ในวัย 41 ปี กับไฟบนผืนหญ้าแห่งความฝันยังไม่มอดลง นากามูระเซ็นสัญญาร่วมทีม “โยโกฮาม่า เอฟซี” ที่ลงแข่งขันในระดับ เจทู และมีตำนานอย่าง “คิงคาซู” คาซุโยชิ มิอุระ ร่วมทีมอยู่ โดยมีเป้าหมายในการพาทีมขึ้น เจลีก ให้ได้

.
จบปี 2019 นากามูระ ลงเล่นให้ทีมไป 10 นัด เป็นส่วนหนึ่งของทีม “โยโกฮาม่า เอฟซี” ที่ได้รับการเลื่อนชั้นอีกครั้งในรอบ 12 ปี
.
วันที่ 23 ตุลาคม ปี 2022 ในเกมส์เจลีกสอง ในการไปเยือนทีม “โรอัสโซ่ คุมาโมโต้” นากามูระได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงของทีมอีกครั้งหลังชื่อหายไปจากทีมเกือบตลอดทั้งฤดูกาล 2022 กับข่าวใหญ่ที่แฟนบอลต่างอยากเข้ามามีส่วนร่วมในเกมส์นัดนี้ คือ การลงเล่นนัดสุดท้ายของ “ชุนสุเกะ นากามูระ”
.
นากามูระ เดินออกจากสนามหลังการถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 60 ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมและเพื่อนร่วมทีม เกมส์นัดนี้จบลงไปด้วยสกอร์สุดมันส์ ที่โยโกฮาม่า เอฟซีต้นสังกัดของเขา พลิกกลับมาชนะ 4 – 3 และได้รับสิทธิ์เลื่อนชั้นกลับสู่เจลีกอีกครั้ง
.
และเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลา ผู้เล่นและสต๊าฟทุกคนสวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า "ขอบคุณชุนสุเกะ" นากามูระได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะต้นแบบของนักฟุตบอลอาชีพ


.
การเดินทางของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อหลายคน ร่วมถึงการยืนระยะในการเล่นฟุตบอลให้ยาวนานจนกระทั่งแขวนสตั๊ดในวัย 44 ปี
.
จบ 25 ปี บนเส้นทางลูกหนังของ “ชุนสุเกะ นากามูระ”
.
#รางวัลส่วนตัว
ผู้เล่นยอดเยี่ยมเจลีกฤดูกาล 2000, 2013
ติดทีม 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของเจลีกฤดูกาล 1999, 2000, 2013
ติดทีมนักเตะยอดเยี่ยมตลอด 30 ปี ของ เจลีก
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี 2000, 2013
ผู้เล่นทรงคุณค่าฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียปี 2004
ติดทีม 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียปี 2000, 2004, 2007
.
#เจลีกโดยสังเขป #JLEAGUE #J30 #บอลญี่ปุ่น #ชุนสุเกะนากามูระ


โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
Come on you Irons!!!!!

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Oct 2006
ตอบ: 1941
ที่อยู่: บ้านสิครับ
โพสเมื่อ: Thu Jun 08, 2023 12:18
[RE: Made in J.League : "ชุนสุเกะ นากามูระ" เท้าซ้ายที่ "สวรรค์" ไม่ได้ให้มา]
ตอนที่นากามูระจะย้ายออกจากทีมไปจูบิโล่มีข่าวลือหนาหูครับว่าเจ้าตัวต้องการสัญญา 2 ปี แต่ทีมให้ไม่ได้

ตอนแกกลับมารินอสผมได้ไปดูที่สนามแค่เกมเดียวคือเกมเจอแอนท์เลอร์แล้วแพ้คาบ้านเมื่อปี 2014

อย่างน้อยก็เป็นครั้งนึงในชีวิตที่เห็นไอดอลตัวเองในสนามตัวเป็นๆก่อนแขวนสตั๊ด


3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
My Fanpage --> LiSA Thailand Fanclub

ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel