ไม่เงียบน่ะ มีตลอดเรื่อยๆทุกปี หมอ พยาบาลออก ยิ่งพยาบาลเรื่องไม่บรรจุมีทุกปี

ท่านต้องลองทำงานตลอดเวลา ซัก 24-48 ชม แบบไม่ได้หยุดดูครับ

ผมว่า ท่านทำติดต่อกันซักเดือนนึง ก็อยากลาออกแล้ว ถูกมั้ยครับ

ไม่เกี่ยวว่าทนไม่ทน ในเมื่อมันไม่ดี จะทนทำไมครับ

คลินิกเสริมความงามได้เดือนลเ 300,000-400,000 กับใช้ชีวิตแบบชิลๆ เข้า 10 โมง ออก 6 โมง

กับอีกที่เงินเดือน 6-7 หมื่น ทำงานเยี่ยงทาส

ขอถามท่านว่าจะเลือกแบบไหนครับ

หมอก็คนครับ ถ้ารักษาสุขภาพตัวเองยังทำไม่ได้(เพราะงานเยอะ นอนน้อย) จะยอมทนไปรักษาคนอื่นทำไม

เห็นภาพในอนาคตเลย

ไม่แปลกเลยครับ รัฐบาลทหารเรียกร้องไปมันเคยสนใจอะไรที่ไหน ไม่งั้นจะด้านอยู่มา 8-9 ปีงี้เหรอ

จะร้องก็ต้องร้องตอนรัฐบาลพลเรือนนี่แหละ เพราะมาจากเสียงประชาชน ก็ต้องฟังเสียงประชาชนอยู่แล้ว

ผมทราบครับว่างานด้านแพทย์หนักจริงๆ เป็นใครก็อยากทำงานสบายรายได้เยอะครับ แต่การตัดสินใจเข้ามาทำงานสายงานนี้ควรจะต้องรู้อยู่แล้วใช่มั้ยครับว่าสโคปงานมันหนักแน่นอน(ซึ่งผมก็สนับสนุนให้แก้ปัญหานี้ครับ) และปฎิเสธไม่ได้ครับว่ามีคนเข้ามาเรียนสายงานนี้เพราะปัจจัยด้านเงินเดือนและฐานะทางสังคมจริงๆครับ

จริง จำได้ว่าแย่งกันโคตรๆ แค่จะไปฟิกออโถราชรี ต้องไป elective หลายรอบจัดๆ สุดท้ายยอมแพ้ดีกว่า555

เพื่อนผมหมอฟันไปประจำอยู่ไม่กี่เดือนก็ออกครับ มันดันเห็นช่องที่จังหวัดนั้น

สุดท้ายเปิดคลินิกตัวเองเลย ฟังเดือนละ6แสน งานไม่เหนื่อยมาก

หนักเฉพาะราชการนะครับ

เหมือนที่บอกไปด้านบนครับ ถ้าอยู่คลินิกก็สบายชิลๆ

แล้วถ้าคิดกลับกันว่าเป็นเรา เราจะทนมั้ย ในเมื่อมันมีทางที่ดีกว่า

คือความคิดสมัยนี้ ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้วนะครับ ว่าต้องทนได้

ต้องมีความอดทน โดนเอาเปรียบยังไงก็ต้องทน

แต่สมัยนี้ คิดเป็นงานทั่วไปก็ได้ครับ ที่หลายๆคนมาปรึกษาในนี้

เจ้านายเฮงซวย เวลาทำงานเยอะเกิน จนไม่มีเวลาพักผ่อน ค่าแรงได้ไม่คุ้มกับที่เสียสุขภาพไป

คิดกลับกันว่า ถ้าเป็นอาชีพอื่น ทำไมทุกท่านบอกว่า ให้ลาออก ไปหาที่ใหม่

แล้วทำไมกับหมอ ต้องบอกให้เค้าทนอยู่ครับ

อย่าว่าแต่หมอเลย พยาบาล เภสัช นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่ต่างๆใน สา สุข ออกกันรัวๆเลยครับ

เอาแค่ที่ทำงานผม early retire กันเยอะเลย

ตอนนี้ค่านิยมน้องๆที่เค้ามาเรียนหมอรุ่นใหม่ๆ คือ
1. รีบต่อเฉพาะทางให้เร็วที่สุด เพื่อไปรับเอกชน ไม่ก็ต่อตปท. เช่น อเมริกา อังกฤษ ออส (ถ้าเก่งพอ)
2.รุ่นที่ไม่เก่งขนาดนั้น ก็เน้นจบปุ๊บ หางานคลีนิคเสริมความงามฟาร์มเงิน มาจ้างหมอคนอื่นอยู่เวรรพ.รัฐแทนตัวเอง (เดี๋ยวนี้เวร 24 ชั่วโมง ER บางที่จ่ายกันหลัก 4-5 พัน/เวรแล้ว ไม่งั้นไม่มีคนอยู่ครับ) พอฟาร์มได้ครบ ก็จ่ายเงินไถ่ตัวเองออกจากราชการสบาย
3. บางคนที่มีตึกแถวอยู่แล้ว ก็เปิดคลินิคตั้งแต่เรียนจบเลย งานรพ.รัฐก็มาตรวจให้ครบ 1 ปี เฉยๆ ฟาร์มความรู้ ความเก่ง พอครบปีได้ใบรับรองกระทรวง ก็ลาออกเหมือนกัน
4. บางคนเรียนพอจบ ได้ใบประกอบโรคศิลป์ เอาวุฒินพ. ไปออกผลิตภัณฑ์สุขภาพความงาม ต่างๆ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งความนับหน้าถือตา เจ้าของบริษัทรวยๆ
ท่านอ่านมาตั้งนาน ท่านเห็นอะไรมั้ยครับ ไม่มีใครอยากทำงานแพทย์ประเทศไทยอีกแล้ว พวกที่คาอยู่ในรพ.รัฐ อยู่ด้วยคำว่า รอเกษียณ รอบำนาญ หรือไม่ก็สมัครแล้วเค้าไม่เอาทั้งนั้น
ผมก็ส่วนนึงที่โดนระบบห่วยๆจาก สสจ.และผอ. ผลักดันออกจากระบบ คนไข้ที่เคยตรวจผมก็ดึงมารักษาที่คลินิคส่วนตัุวผมแทน ถ้าไม่ขูดรีดกันเกินไป คนไข้ก็แฮปปี้ หมอก็แฮปปี้ครับ
ผมไม่สนใจด้วยว่า คนที่อยู่ในระบบจะเป็นไง เพราะผมเรียกร้องให้ลาออกมาตั้งนานแล้ว อย่าอยู่ทนและทนอยู่ครับ

พยาบาลยิ่งหนักกว่าหมออีกครับ ไม่ได้บรรจุรับราชการหลายปีละ

แต่เสียงไม่ดังเท่าหมอ

ระบบนี้มันพังจนไม่รุ้จะพังยังไงแล้ว แม้แต่ก้าวไกลผมก็ว่าแก้ไม่ได้

ค่านิยมของประเทศนี้ล้วน ๆ
ธุรกิจความงาม เงินดี และยังมีความต่างการแพทย์เป็นจำนวนมาก
โรงพยาบาล เงินน้อยกว่า 5 เท่า แต่งานหนักเยอะสุด ๆ เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องอีก
ในเมื่อประชาชนยอมจ่ายเงินเพื่อความงามมากกว่าจ่ายเงินเพื่อรักษาตัวเอง
คิดว่าการรักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ตัวเองสมควรได้รับ หมอ พยาบาลมีหน้าที่มาบริการ
มันก็เป็นแบบนี้ละ
พวกบนหอคอยก็บอกตลอดไม่มีปัญหา ทั้ง ๆ ที่ปัญหามันเห็นกันชัด ๆ
ก็แน่ละถ้าบอกว่ามีปัญหา จัดการไม่ได้ ตน. จะไม่ได้เลื่อนใช่มั้ย

กก ปัญหานี้ใหญ่หลวงหนัก
จะเอาใจแพทย์ผู้ใช้แรงงานแต่ประชาชนที่เป็นฐานเสียงเดือดร้อน
เหล่าสาวกโรบินฮู้ดจะยอมกันหรอ

เห็นด้วยเลยครับ นอกจากการทำให้ หมอ แพทย์ พยาบาล และบุคลากร เพียงพอ อาจจะต้องมีการทำกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อทำให้คนไทย แข็งแรง จนมาหาหมอน้อยลง