ยาวหน่อยนะครับ สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเกิดไรขึ้นกับลีดส์บ้าง

รายงานการชันสูตรลีดส์ ยูไนเต็ด 2020-23

สาเหตุการตาย: ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก หลังจากเลื่อนชั้นมาได้ 3 ฤดูกาล
แต่ไม่ใช่การตายกระทันหันแบบที่คนใกล้ชิดไม่ได้เตรียมใจ จึงไม่มีอาการโศกเศร้าเสียใจเท่าไรนัก เปรียบเหมือนคนก็คงเป็นการเสียชีวิตจากมะเร็งร้ายที่เริ่มแสดงอาการเมื่อหน้าร้อนปี 2021 แต่ไม่รีบรักษา ปล่อยให้เรื้อรังจนถึงขั้นที่ 4 ที่แม้ตัดเนื้อร้ายออกไปก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้
** ไม่ต้องรีบท้วงว่าลีดส์ยังไม่ตายทำไมใช้คำนี้ มันคือการเปรียบเปรยในบทความ ไม่ได้หมายความว่าลีดส์ตาย หรือแช่งให้ใครตายในชีวิตจริงค่ะ **
-------------------------------------
อาการมันเป็นยังไง ไหนว่ามาซิ
กว่าจะมาถึงฆาตในวันที่ 28 พ.ค. 2023 เราต้องย้อนไปสมัยที่ลีดส์เลื่อนชั้นขึ้นมาพรีเมียร์ลีกในเดือน ก.ค. 2020 หลังจากเวียนว่ายในลีกรองถึง 16 ฤดูกาล สร้างความยินดีปรีดาให้กับเมืองฟุตบอลอย่างลีดส์เป็นอย่างยิ่ง นี่คือเมืองใหญ่อันดับ 5 ของอังกฤษ และเป็นเมืองใหญ่เมืองเดียวที่มีทีมฟุตบอลอยู่ทีมเดียวไม่ต้องแบ่งใจไปเชียร์ใครอย่างเมืองอื่นๆ
ลีดส์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรก เหมือนปลาเปลี่ยนน้ำ กำลังห้าวด้วยการนำของเดอะป๋า มาร์เซโล บิเอลซา ผู้เคี่ยวเข็ญให้นักเตะเกรดลีกรองลงต่อกรกับนักเตะเวิลด์คลาสในลีกอันดับ 1 ของโลกได้แบบไม่อายใคร ‘ดีด ยูไนเต็ด’ คือชื่อเล่นของเรา ตอนนั้นทุกอย่างเกินฝัน ป๋าสร้างให้คาลวิน ฟิลลิปส์เป็นห้องเครื่องของทีมชาติอังกฤษ ทำให้ราฟินญาติดทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรก ดันให้แพทริค แบมฟอร์ดเป็นศูนย์หน้าตัวท็อปของพรีเมียร์ลีกจนติดทีมชาติอังกฤษสมใจ ลีดส์ ยูไนเต็ด ปิดฤดูกาลแรกด้วยอันดับ 9 เป็นทีมน้องใหม่ที่ทำแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก บิเอลซาได้รับโหวตจากโค้ชพรีเมียร์ลีกด้วยกันให้เป็นโค้ชยอดเยี่ยมของฤดูกาล

- และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโรคมะเร็งที่นำไปสู่ความตายของลีดส์
.
หลังจบฤดูกาลแรก อันเดรีย ราดริซซานี ประธานสโมสรย้ำวิสัยทัศน์ออกสื่ออยู่เสมอว่าต้องการพาลีดส์กลับไปโลดแล่นในเวทียุโรปอีกครั้ง แต่การกระทำของท่านประธานสวนทางกับความฝันอันยิ่งใหญ่ ช่วงตลาดนักเตะหน้าร้อนปี 2021 ลีดส์เสริมทัพในตัวหลักแค่เพียงจูเนียร์ ฟีร์โป แบ็คซ้ายจากบาร์ซา และแดน เจมส์ ปีกจรวดจากแมนฯ ยูไนเต็ด โดยคนหลังนี้ไม่รู้ป๋าโดนทำของใส่หรือเปล่า คือจะเอาให้ได้แล้วก็ได้มาวิ่งเล่นที่ลีดส์จนได้ จากทัพนักเตะที่มีข่าวกับลีดส์ร่วมครึ่งร้อยสุดท้ายก็ได้มาแค่นั้นล่ะ นักข่าวจึงจี้ถามป๋าเรื่องนี้ และคำตอบที่ได้คือ “ถ้านักเตะคนนั้นมาแล้วไม่สามารถยกระดับทีมได้ เราก็ไม่ควรเอามา” เสริมด้วยประโยคที่ป๋ากางปีกปกป้องบอร์ดตลอดว่า “นักเตะเกรดดีมีราคาแพงมาก เกินเอื้อม เกินงบของเรา”
งบน่ะมีแต่ไม่ให้ป๋า เพราะบอร์ดบริหารเชื่อว่าป๋าเอาอยู่ด้วยขุมกำลังนักเตะเหล่านี้
ลีดส์ลุยฤดูกาลที่ 2 แบบไม่ปังเหมือนเดิม 10 นัดแรกแพ้ 4 เสมอ 4 ชนะแค่ 2 โดยเป็นการเอาชนะวัตฟอร์ดในเกมที่ 7 และนอริชในเกมที่ 10 นักเตะเริ่มอ่อนล้าตั้งแต่ต้นฤดูกาล หลายทีมเริ่มคิดค้นวิธีแกะเพรสของลีดส์ได้ แต่ศัตรูที่ร้ายกาจคืออาการบาดเจ็บที่เริ่มรุมเร้านักเตะทีละคน สองคน แถมช่วงหน้าหนาวเกิดการระบาดของโรคโควิดระลอกใหม่ในอังกฤษพอดี ลีดส์จำเป็นต้องส่งนักเตะเยาวชนมานั่งเป็นตัวสำรอง โดยเฉพาะแมตช์กับอาร์เซนอล ในม้านั่งสำรองเป็นนักเตะอายุไม่ถึง 20 ปีทั้งหมด 9 คน โดยที่ 7 คนไม่เคยลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเลย อายุน้อยสุดคืออาร์ชี่ เกรย์ วัย 15 ปี เรียกว่าลีดส์อยู่ในภาวะวิกฤต และวิกฤตหนักขึ้นเมื่อลีดส์ไม่มีนักเตะเข้ามาเสริมทัพในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวแม้แต่คนเดียว โดยนักเตะที่ออร์ต้า ผู้อำนวยการฟุตบอลเสนอแต่โดนป๋าปฏิเสธไปได้แก่ เดเล่ อัลลี และดอนนี ฟาน เดอเบก (หวังว่าตอนนี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าทำไมป๋าถึงปฏิเสธ)
เมื่อไม่มีนักเตะมาเติม บิเอลซาจึงถูลู่ถูกังเข็นนักเตะเท่าที่มีลงบู๊ และในที่สุดก็นำไปสู่ ‘Panic sack’ การปลดบิเอลซาในวันที่ 27 ก.พ. 2022 หลังพ่ายสเปอร์สคาเอลแลนด์ โร้ด ซึ่งการกระทำนั้น ราดริซซานีบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุด
ลำบากใจแค่ไหนก็ตาม แต่วันรุ่งขึ้นลีดส์ประกาศทันควันว่า ‘เจสซี มาร์ช’ โค้ชอเมริกัน อดีตโค้ชของค่ายเรดบูลอย่างซัลซ์บวร์กและไลป์ซิกคือหัวหน้าโค้ชคนใหม่ของลีดส์ ยูไนเต็ด มาร์ชมาพร้อมพลังล้นเหลือและคำพูดปลุกใจเสือป่าจนลีดส์สามารถเอาตัวรอดไม่ตกชั้นในวันสุดท้ายของฤดูกาล ภายหลัง มาร์ชเผยว่าความประทับใจของเขากับลีดส์คือการพาลีดส์รอดจากการตกชั้น (ซึ่งมาจากการเอาชนะเบรนท์ฟอร์ดที่เล่น 9 คน และการที่นิวคาสเซิลแสดงสปิริตบุกตบเบิร์นลีย์ให้แพ้คาบ้าน) สรุปผลงานของโค้ชมาร์ชคือแข่ง 12 นัด ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 5 นั่นก็เพียงพอที่บอร์ดบริหารจะต่อสัญญาให้เจสซี มาร์ช พาลีดส์ลุยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่สามของสโมสร
.
- เจสซี่ มาร์ช: นักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่เป็นโค้ชฟุตบอลได้นิดหน่อย
นั่นคือนิยามที่ฟิล เฮย์ กูรูลีดส์จากสำนักข่าว The Athletic มอบให้มาร์ช ความพูดเก่งพรีเซนต์เลิศนี่เองที่ทำให้ผอ.ออร์ต้าเอ่ยชมว่า “เจสซีคือผู้สืบทอดแนวทางของบิเอลซาโดยแท้จริง เขาทำให้การเปลี่ยนผ่านระหว่างโค้ชราบรื่นไม่มีสะดุด ผมได้คุยกับเจสซีมากว่า 2 ปีก่อนเสนอตำแหน่งเฮดโค้ชให้เขา”
ตอกย้ำความมั่นใจด้วยการให้สัมภาษณ์ของประธานราดซ์เมื่อช่วงต้นฤดูกาลว่าการตกชั้นในฤดูกาลนี้ของลีดส์เป็นเรื่องที่ “เป็นไปไม่ได้” และยังมองว่าลีดส์น่าจะจบที่อันดับ 10-14
เมื่อทั้งประธานราดซ์ผู้ถือหุ้น 56% และรองประธานมาราธี จากกลุ่ม 49ers Enterprises ผู้ถือหุ้น 44% ตัวแทนจากแฟรนไชส์กีฬายักษ์ใหญ่จากอเมริกาส่งสัญญาณว่าพร้อมเทกโอเวอร์ลีดส์หลังจบฤดูกาล 2022/23 รวมทั้งผอ.ออร์ต้า ต่างเห็นชอบว่าเจสซี่ มาร์ชนี่ล่ะ จะพาลีดส์บรรลุเป้าหมาย
การเล่นใหญ่ในตลาดนักเตะหน้าร้อนก็เริ่มขึ้น โค้ชมาร์ชอยากได้ใครขอให้บอก ออร์ต้าจัดให้ ลีดส์จึงได้ 3 เด็กเก่าของมาร์ชคือเบรนเดน แอรอนสัน - ไทเลอร์ อดัมส์ – ราสมุส คริสเตนเซน มาร่วมทีม เสริมด้วยมาร์ค รอก้าจากบาเยิร์น ลุยส์ ซินิสเตร์ราที่เพิ่งมีปีที่ดีกับเฟเยนูร์ด และได้วิลลี ญอนโต้ มาในวันตลาดปิด หลังจากโดนเทจากบัมบา เดียง และโคดี้ กัคโป ใช้เงินไปร่วมร้อยล้านปอนด์ ซึ่งก็คือใช้เงินอนาคตจากการขายหัวใจของทีมอย่างคาลวิน ฟิลลิปส์ และราฟินญา
ลีดส์เปิดฤดูกาลอย่างหรูใน 3 นัดแรก ชนะวูล์ฟส์ เสมอนักบุญ และตบเชลซี 3-0 ทะยานขึ้นรองจ่าฝูงชั่วคราว แต่จากนั้นก็สาละวันเตี้ยลง แพ้อีก 6 เสมออีก 2 โดยฟิล เฮย์ เจ้าเก่าจากดิ แอธเลติกเผยในภายหลังว่าประธานราดซ์อยากเชือดมาร์ชตั้งแต่แมตช์ที่ 9 หลังเสมอกับวิลล่า 0-0 แต่ออร์ต้าขอไว้ จากนั้นลีดส์ก็แพ้รวดอีก 3 นัด จนฟางเส้นสุดท้ายอยู่ที่นัดเยือนแอนด์ฟิลด์ แต่เหมือนโค้ชมาร์ชมีแต้มบุญ ลีดส์บุกไปชนะหงส์ถึงรัง แถมนัดต่อมายังเฉือนชนะบอร์นมัธสุดมันส์ 4-3 แล้วปิดท้ายเกมพรีเมียร์ลีกก่อนเบรกให้การแข่งขันฟุตบอลโลกที่กาตาร์ด้วยการแพ้สเปอร์สแบบไม่น่าแพ้ด้วยสกอร์ 4-3
หลังจากหยุดให้ฟุตบอลโลก 1 เดือนเต็ม เมื่อกลับมาฟาดแข้งต่อ อาการของลีดส์ก็ไม่ดีขึ้น วนลูปนรกอันเดิมที่ไม่ชนะใครอีก 8 นัด ข่าวลือในช่วงนั้นทำโค้ชมาร์ชเสียวสันหลัง แต่ความมั่นยังเต็มเปี่ยม เมื่อออร์ต้าดึงเด็กในสังกัดของโค้ชมาร์ชมาเติมในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวได้อีก 2 รายคือแม็กซ์ โวเบอร์ และเวสตัน แม็คเคนนี แต่ไม่ทันให้โค้ชได้ใช้งานเท่าไหร่ ...ในที่สุด ประธานราดซ์ก็ทนไม่ไหว ปลดเจสซี่ มาร์ชหลังลีดส์พ่ายฟอเรสต์ในวันที่ 5 ก.พ. 2023
.
- โดมิโนเริ่มพังทลายด้วยอัตราเร่ง x2 เมื่อสโมสรไม่มีแผน 2 ไว้รองรับ
ความผิดพลาดอีกดอกของบอร์ดบริหารคือการปลดเจสซี่ มาร์ช โดยไม่มีโค้ชคนใหม่มาจ่อรอรับไม้ต่อ ไม่เหมือนตอนปลดบิเอลซาที่มีมาร์ชมาป้วนเปี้ยนรอบรั้วเอลแลนด์ โร้ด ก่อนประกาศตั้งหลายวัน ซึ่งมูฟนี้อนุมานว่าออร์ต้ายังเชื่อใจมาร์ชจนจบฤดูกาลจึงไม่ได้จีบ ‘ผู้สืบทอด’ คนใดเอาไว้เลย
กลายเป็นว่าลีดส์ต้องดันโค้ชชุดเยาวชนอย่าง ไมเคิล สกูบาล่าและปาโก กัลยาร์โด ร่วมด้วยคริส อาร์มาส อดีตผู้ช่วยโค้ชของมาร์ช รับหน้าที่คุมลีดส์ชั่วคราวเป็นโค้ช 3 เกลอ พาลีดส์ลุยไฟด้วยผลงานเสมอผี แพ้ผี และแพ้ทอฟฟี่
ระหว่างลุยไฟ ฝ่ายบริหารก็ควานหาโค้ชใหม่อย่างร้อนรน ไปจีบใครก็โดนเทกลับมา ทั้งอันโดนี อิราโอลา - อาร์นี สล็อต - มาร์เซโล กัลยาร์โด และอัลเฟร็ด ชรอยเดอร์ ซึ่งคนสุดท้ายนี่โดนแฟนลีดส์เท
หลังจากตามหากันเดือนครึ่ง ลีดส์ก็ได้ ‘ฮาวี กราเซีย’ อดีตโค้ชวัตฟอร์ดมารับเผือกร้อน ซึ่งคนนี้ใครๆ ก็บอกว่าเหมาะกับโจทย์ยากเพราะเคยพาวัตฟอร์ดหนีตายได้สำเร็จมาแล้ว แมตช์แรกของกราเซียเรียกความมั่นใจให้ลีดส์ทั้งเมือง เมื่อเปิดบ้านเฉือนนักบุญไป 1-0 แต่นัดต่อมาแพ้เชลซีตามคาด และบุกไปชนะหมาป่าคารัง จากนั้นเจองานยาก เจอปืนยิงสลุตใส่ในลอนดอน แล้วกลับมาตบฟอเรสต์ที่บ้านเรา ตอนนั้นลีดส์อยู่อันดับ 12 ใครๆ ก็มองว่ารอดแล้ว โมเมนตัมกำลังมา แต่ผลการแข่งขันนัดต่อไปไม่เป็นตามนั้น
.
- ลีดส์ 1 - พาเลซ 5 : อาการทรุดครั้งสุดท้ายก่อนตกชั้น
มันเกิดอะไรขึ้นกับลีดส์ในช่วงครึ่งหลังของแมตช์นี้ยังเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ จากทีมที่เล่นดีในครึ่งแรก ทำไมจู่ๆ ถึงเครื่องดับไปดื้อๆ จากนั้นก็ดับต่อเนื่อง ลากโมเมนตัมพังๆ ไปพ่ายลิเวอร์พูล 1-6 ต่อด้วยพ่ายฟูแล่ม เสมอเลสเตอร์แบบน่าชนะ และแพ้บอร์นมัธแบบหมดใจทั้งนักเตะและทีมโค้ช หน้างอคอตกกันทั้งสนาม สิ้นแล้ว ‘ดีด ยูไนเต็ด’ ที่เราเคยเห็น
เกิดอะไรขึ้นกับแท็คติกของฮาวี กราเซีย จากที่วางแผนให้ลีดส์เล่นด้วยความดุดันตามสไตล์บอลบุกจนเอาชนะนักบุญ หมาป่า และเจ้าป่ามาได้ ตอนเล่นกับสิงห์บลูและปืนใหญ่ก็ไม่ได้แย่ ยังพอมีวินัยเกมรับตามสภาพ แต่หลังจากแพ้พาเลซ กราเซียดูคิดเยอะเกินจำเป็น อะไรที่เคยทำได้ดีก็ทำไมได้ แถมยังสั่งให้ลูกทีมถอยร่นลงมาทั้งที่ควรเดินหน้าลุย
เมื่อกราเซียยังไม่ตอบโจทย์ ประธานราดซ์จึงให้ซีอีโอแองกัส คินเนียร์ ยื่นมือเข้าแทรกแซงด้วยการพาบิ๊กแซม อัลลาร์ไดซ์เข้ามาเสียบ พร้อมบอกเลิกกับวิคเตอร์ ออร์ต้า สิ้นสุด 6 ปีในการทำหน้าที่ผู้อำนวยการฟุตบอลของลีดส์หลังพ่ายบอร์นมัธหมดรูป
.
- ลุงใหญ่ อัลลาร์ไดซ์ ไพ่ใบสุดท้ายของราดริซซานี
ค่าจ้างคุมลีดส์ใน 4 นัดสุดท้ายของบิ๊กแซมคือ 5 แสนปอนด์ และจะแถมด้วยโบนัสอีก 2.5 ล้านปอนด์หากพาลีดส์รอดตกชั้นได้สำเร็จ พร้อมโบนัสอีก 32 ล้านปอนด์ให้นักเตะและทุกคนที่เกี่ยวข้องถ้าเรารอดตายได้จริง ที่ราดริซซานียอมจ่ายขนาดนี้เพราะการสูญเสียสถานภาพทีมพรีเมียร์ลีกนั้นเสียหายมากกว่าจำนวนเงินโบนัสหลายเท่า
การตกไปเล่นลีกรองหมายถึงค่าเสียโอกาสเป็นเงินนับร้อยล้านปอนด์ จากส่วนแบ่งค่าถ่ายทอดสด ส่วนแบ่งจากพรีเมียร์ลีก และเงินจากสปอนเซอร์
นัดแรกของบิ๊กแซมคือการออกไปให้แมนฯ ซิตี้รับน้อง ซึ่งลีดส์ออกจากเอติฮัด สเตเดี้ยมแบบสภาพศพยังดีด้วยสกอร์ 2-1 ตามมาด้วยการเปิดบ้านเสมอนิวคาสเซิลแบบเกือบชนะ ถ้าแบมฟอร์ดไม่พลาดจุดโทษเพื่อนำ 2-0 แต่จุดเปลี่ยนที่ดับความหวังการอยู่รอดของลีดส์และโบนัสของบิ๊กแซมคือการไปแพ้เวสต์แฮม 3-1 โดยที่นักเตะลีดส์ออกอาการไม่ดีดไม่สู้ไม่เอาอะไรแล้ว ไม่แม้แต่จะฮึดสู้ในแมตช์สุดท้ายของฤดูกาลกับสเปอร์สที่จบลงด้วยการแพ้คาบ้าน 1-4
สิ้นสุดการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกรอบนี้ที่ 3 ฤดูกาลเท่านั้น ไม่คุ้มกับที่หายไป 16 ปีเลย
เส้นทางพรีเมียร์ลีกของเราจบลงด้วยความผิดหวัง ผิดหวังกับนักเตะส่วนใหญ่ที่เล่นแบบขอไปที ผิดหวังกับประธานสโมสรที่ไม่โผล่หน้ามารับผิดชอบใดๆ แต่ไปยุ่งขิงกับการปิดดีลเพื่อเทกโอเวอร์สโมสรซามพ์โดเรีย เสียงตะโกนต่อว่านักเตะ “มึงไม่เหมาะที่ได้ใส่เสื้อทีมกู” ด่าทอบอร์ดบริหาร “ออกไปเดี๋ยวนี้” “ราดซ์รีบขายทีมเถอะ” ก็นับว่าสาสมแล้วกับสถานการณ์ในตอนนั้น
ไม่กี่วันต่อมา แซม อัลลาร์ไดซ์ เผยความในใจถึงภาระ(กิจ)พาลีดส์หนีตายที่ไม่ประสบความสำเร็จว่าน่าเสียดายที่ตัวเองมีเวลาแค่ 4 นัด ถ้ามีโอกาสมากกว่านั้นเชื่อว่าลีดส์จะไม่ตกชั้น เวลาไม่ถึงเดือนที่ลีดส์ทำให้รู้สึกเหมือนติดคุก ทุกอย่างเร่งรีบ กดดัน บีบคั้น และไม่ได้ดั่งใจไปเกือบทุกอย่าง นักเตะของลีดส์ก็ไม่ดีพอกับระดับของพรีเมียร์ลีก ยิ่งเจอความกดดันก็ยิ่งยากลำบากเข้าไปอีก จึงเป็นการบ้านให้บอร์ดบริหารต้องรีบสะสาง ชำระความ และตั้งหลักกันใหม่เพื่อพาลีดส์กลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ...นั่นคือคำพูดของบิ๊กแซมในวันที่รู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปต่อกับลีดส์
.
- ถอดบทเรียนจากความผิดพลาด และภารกิจกู้ซากของบอร์ดบริหาร
ก่อนจะเก็บกู้ซากปรักหักพังในจิตใจของชาวลีดส์ สโมสรต้องชัดเจนก่อนว่าใครคือผู้นำภารกิจนี้
อันเดรีย ราดริซซานี ยังจะหน้าด้านบริหารต่อไปหรือไม่ ทั้งที่เจอวิกฤตศรัทธาจากผู้บริหารรายอื่น พนักงานของสโมสร และแฟนลีดส์
พาแร็ก มาราธี จาก 49ers Enterprises มีความมุ่งมั่นและกึ๋นแค่ไหนหากเข้ามาเทกโอเวอร์ได้สำเร็จ
ไม่ว่าผู้บริหารจะเป็นใครต่อไป เราหวังว่าเขาเหล่านั้นจะนำเอาความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นบทเรียนราคาแพง เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความบรรลัยขึ้นอีกครั้ง
ในช่วงชีวิตนี้ คงยากที่เราจะได้เจอโค้ชที่เป็นยิ่งกว่าโค้ชฟุตบอลอย่างมาร์เซโล บิเอลซา
ถ้าโชคดีเราคงได้เจอโค้ชที่ดีคนต่อไป เมื่อเจอแล้วก็รักษาเขาไว้ให้ดี จงสนับสนุนโค้ช ให้โค้ชมีขุมกำลังนักเตะที่สามารถแข่งขันในลีกระดับสูงได้ ธุรกิจฟุตบอลสมัยนี้มันโหดร้าย ไม่แกร่งจริงอยู่ไม่ได้
อย่าให้อีโก้ของผู้บริหารมาทำลายทีมอย่างที่วิคเตอร์ ออร์ต้าทำกับลีดส์ อีโก้ที่เขาตะโกนตอบโต้แฟนลีดส์ว่า “ถ้าไม่มีกู พวกมึงก็ยังจมอยู่ลีกรองไปอีก 16 ปี” อีโก้ที่เขาต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกจนกางปีกปกป้องโค้ชไร้ฝีมืออย่างเจสซี่ มาร์ชแบบสุดซอย ถ้าหากลีดส์ตัดสินใจปลดมาร์ชตั้งแต่เกมที่ 9 อย่างที่ราดริซซานีตั้งใจ ลีดส์อาจจะได้โค้ชมือดีอย่างอูไน เอเมรี หรือโรแบร์โต เดอ แซร์บี ที่พร้อมรับงานในพรีเมียร์ลีก
ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจจริงและถูกต้อง เมืองลีดส์และแฟนลีดส์ทั่วโลกก็พร้อมสนับสนุน เราพร้อมปรบมือให้กำลังใจคนที่มุ่งมั่น ในขณะเดียวกันก็พร้อมโห่ไล่ถ้าเห็นว่าใครหมดใจไม่สมควรใส่ชุดขาวของเรา

cr. เพจ Leeds United Thailand

ผมเห็นข่าวมาผ่านๆว่า เจ้าของทีม เอาสนามของทีมไปเป็นหลักประกันยืมเงินธนาคาร เพื่อมาเทคโอเวอร์ ซามพ์โดเรีย อันนี้จริงปะครับ

จริงครับ ราดซ์ทำได้เพราะเค้าเป็นคนซื้อสนามกลับมา จากตอนที่ลีดส์ล้มละลาย (ก่อนหน้าที่ราดซ์จะมาเทคลีดส์ ต้องเช่าสนามตัวเองแข่งครับ) สนามเลยเป็นของเค้า ก็เลยมีสิทธิที่จะทำ

แต่ในมุมมองของแฟนๆ ก็ไม่ชอบใจแน่นอนครับ แต่ก็มีคนมองว่า ราดซ์ทำแบบนั้นเพื่อบีบให้ 49ers ต้องรีบซื้อลีดส์ในราคาที่ราดซ์ต้องการครับ

ตัวดีๆเยอะมาก ทีมแตกอีก

สัมภาษณ์บิเอลซ่าแอบคล้ายคล็อปนะเนี่ยตรงที่มีให้ใช้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ทิ้งท้ายด้วยการปกป้องบอร์ดอีก สุดท้ายการไม่หาตัวมายกระดับทีมนั่นแหละคือความผิดพลาดแบบสุดๆ แล้วตัวที่ได้มานอกจากจะไม่ยกระดับแล้วยังฉุดทีมลงอีก

ไปคุยกับอาจารย์ให้กลับมาเถอะ อ้อนๆหน่อย แต่เที่ยวนี้ต้องทุ่มแล้วนะ จะมาทิ้งขว้างแบบเดิมบ่ดีละนะ

เพิ่งรับงานคุมอุรุกวัยหมาดๆ เอง

ที่ต่างคือ ลีดส์ให้โอกาส ผอ.ฟุตบอลจนถึงทางตันค่อยปลดออก

ส่วนลิเวอร์พูล ผอ.ฟุตบอลเปลี่ยนกี่คนก็ช่าง รั้งคล็อปป์ไว้ให้ได้ก่อน

ตั้งแต่ แดน เจมส์ ทีมก็เริ่มจะพัง ซื้อตามใจบิเอลซ่าเลย

ถ้าอยากทำทีมให้ดีในระยะยาวควรหาคนเก่งๆไว้ทั้งสองอย่าง​ ดีอย่างนึงไม่ได้เพราะถ้าโค้ชดีแต่ผอ.กากแล้วเมื่อไหร่ที่โค้ชไปแล้วตัวแทนมือไม่ถึงเดี๋ยวทีมก็พัง