ผมเห็นหลายคนถาม ว่า การที่ตลาดหุ้นจะตก หรือจะขึ้น คนทั่วไปได้ประโยชน์อะไร หรือเสียประโยชน์ อะไร

นอกจากนักลงทุน หรือ นายทุน ทำไมต้องให้ความสำคัญ กับ คอมเมนท์​ ของคนพวกนี้ ไม่ว่าจะฝั่งไหน กรณี หุ้นตก ในภามรวมตั้งแต่หลังเลือกตั้ง

พอดีผมตอบกระทู้ล่างเลยนึกขึ้นได้

คำตอบคือ สำคัญสิครับทุกคนโดนผลกระทบแน่นอน จากกองทุนต่างๆเนี่ยแหละ

ทั้งกองทุนประกันสังคม ที่ทุกๆท่านจ่ายไปทุกเดือน

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนอีกหลายๆอย่างที่รัฐทำไว้เป็นสวัสดิการ หรือแม้แต่ กองทุนหลักของรัฐ ที่ขายทั่วไปให้ ปชช เช่นพวก วายุภักษ์​ อะไรก็ตามแต่

ล้วนแต่ลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์​ ทั้งนั้น

จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับ ผจก. กองทุน และส่วนใหญ่ก็มักจะลงทุนไปกับ หุ้นที่มั่นคง บริษัทใหญ่ หรือ ที่ท่านๆว่า บางตัวเป็นทุนผูกขาดเนี่ยแหละ หรือตลาด พันธบัตร​ การเงิน อะไรต่างๆ

ถ้าเกิด หุ้นรายตัวที่ กองทุนนั้นๆได้ลงทุนไป ได้รับผลกระทบหนักจาก นโยบาย

หรือร้ายแรงสุด คือทั้งก็ตลาด โดนถล่ม บางคนอยากให้เกิดเพราะ ได้ซื้อของถูก

แต่มันก็จะเท่ากับเงินกองทุนก็จะหายตามการขาดทุนไปด้วย ถ้าเกิดวิกฤติ Worse​case จนกองทุนเสียหายหนัก

ผลกระทบโดยตรง ก็จะเกิดกับทุกคนเหมือนกันครับ นั่นคือ เงินของท่านๆ บำนาญที่ควรจะได้หลังเกษียณ​ หรือ เงินประกันที่ควรจะได้ยามเจ็บป่วย

ก็จะหายไป เหมือนกันครับ ถึงต้องให้ความสำคัญ กับตลาดทุน พวกนี้ และให้ความสำคัญ กับ นโยบาย และ คนที่จะมาออกนโยบาย เศรษฐกิจ​ โดยตรงครับ

ปล.Editเพิ่ม ผมตั้งกระทู้นี้ไม่ได้ มาโจมตีคุณไหมหรือนโยบาย พรรค ที่ทำให้หุ้นตกนะครับ

เพียงแต่ผมมาตอบให้ว่า ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับตลาดทุน พอๆกับเรื่องอื่น ทั้งๆที่หลายคนคิดว่า มันไม่เกี่ยวกับชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้ลงทุน หรือนายทุนทั้งหลาย

แต่ความจริงมันเกี่ยวข้องกับทุกคน แค่นั้นครับ

การที่ภาพรวมมันลบ ผมยังเคยบอกว่าผมให้น้ำหนักไปที่ความไม่แน่นอน ของการตั้ง รบ. มากกว่า นโยบายครับ
ไม่เกี่ยวกันนะ

ถ้าให้เห็นภาพชัดๆคือ อารมณ์แบบเมกา ได้ Bernie Sanders เป็น ประธานาธิปดี นั่นแหละครับ

ถ้าสังคมส่วนใหญ่เลือกแบบนี้ แล้วเห็นว่าไม่ดี

คราวหน้า นโยบายก็ไปเน้นทุนผูกขาด ช่วย Big Company พรรคที่ชูนโยบายขั้วตรงข้าม

ให้ประชาธิปไตยมันทำงาน

ถ้าอ้างอิงจากที่ท่านสื่อมา

ถ้าแบบนั้น ร่างนโยบาย ทุกคนก็เห็นกันหมด เดาได้ว่า Fact ในอนาคตจะเป็นยังไง เพราะมาจากที่ กก ตั้งใจว่าจะทำแบบนั้น

จะเป็นคุณไหม หรือ อีก 3 คนที่น่าเชื่อถือของ กก มานั่ง รมว คลัง ก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดีป่ะครับ

ถ้าทุกคนเห็น Fact ในอนาคตว่าจะแย่ก็เทขายทิ้ง สุดท้ายจะคุณไหมหรือคนอื่นก็กระเด็นอยู่ดีไหมครับ ?

เข้าใจคำแนะนำท่านนะ

แต่บางกรณีที่ยกมามันเหมือนการโจมตีตลาด อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐที่นำโดยก้าวไกล
ซึ่งต่อให้ใครขึ้นมาแทน โปรไฟล์ดีแค่ไหนแต่เดินตามนโยบายเหล่านี้ผลลัพธ์ก็คล้ายๆ กันหรือเปล่า


ปล. กองทุนบางกองนี้มันตัวดีจัดๆ จำได้ตอนช่วงที่มันทุบหนักๆ จนตลาดทรุด จนตู่ต้องไปเยี่ยมถึงจะเลิกทุบกัน

อ้อในเรื่องนี้ ผมไม่สามารถ ตอบท่านเป้ะ ครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด ตอนนี้หุ้นตก ก็มีหลายปัจจัย

เราก็ยังไม่เห็น ภาพ คณะ รมต เลยด้วยซ้ำ จะตั้ง รบ. ได้รึเปล่าเราก็ ยังไม่รู้ ถูกมั้ยครับ?

แต่ที่ผมตั้งกระทู้ นี้ เพราะ เห็นหลายกระทู้ถามว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญ กับตลาด มันจะตก จะ ขึ้น มันก็กระทบ กับ นายทุน นักลงทุนหนิ ไม่เกี่ยวกะชาวบ้าน ที่ไม่ได้เล่น หุ้นซะหน่อย

แต่ความจริง มันไม่ใช่ไงครับ มันสำคัญ และ กระทบทุกคนมากกว่านั้นเยอะ เพียงแค่เราไม่ได้ไปสนใจมัน

แค่นั้นครับ

ไม่เกี่ยวนโยบายครับท่านนน

ผมตั้งทำไมผมตอบไว้ด้านบนแล้วครับบบ

แค่ชี้ให้เห็นว่าทำไมมันสำคัญ แค่นั้น

โอเคครับ ผมอ่านเนื้อหาแล้วจับคำว่า "ถ้าเกิด หุ้นรายตัวที่ กองทุนนั้นๆได้ลงทุนไป ได้รับผลกระทบหนักจาก นโยบาย หรือร้ายแรงสุด คือทั้งก็ตลาด โดนถล่ม บางคนอยากให้เกิดเพราะ ได้ซื้อของถูก"

แล้วมาตอบหนะครับ แค่นั้นเลย แต่ในความเป็นจริงคง "ยาก" ปัจจัยภายนอกคือ ต่างชาติ ส่วนที่เหลือคือปัจจัยภายในซึ่ง "ควบคุมได้"

แล้วทำไมต้องรอเงินเกษียณหรือเงินประกันทั้งๆที่ทำงานแทบตาย ทำไมไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นบ้างนอกจากทุนใหญ่ ถ้าแก้การผูกขาดได้ชีวิตคนก็ไม่ต้องถูกควบคุมโดยคนไม่กี่ครอบครัว ถ้าเกิดมีบริษัทอื่นโตขึ้นหรือกลุ่มทุนใหม่เพิ่มขึ้นมาในระยะยาวมันเป็นผลเสียตรงไหน ทำไมต้องคอยใช้ชีวิตโดยการปกป้องทุนใหญ่ๆ คนควรมีสิทธิได้ใช้เงินตั้งแต่ตอนยังทำงานอยู่ไม่ใช่ต้องมารอหวังใช้เงินหลังเกษียณซึ่งถามว่าเงินมันมากพอจะให้ชีวิตสุขสบายไหมก็ไม่ใช่อีก แล้วในเมื่อมีโอกาสที่จะได้ลองแก้ไขอะไรที่มันบิดเบี้ยวหรือเอาเปรียบอยู่ทำไมถึงไม่แก้ กลัวทุนใหญ่ล้มแล้วเดี๋ยวจะลำบากกันหมดแบบนี้หรอ ในเมื่อตอนที่มันไม่ล้มชีวิตคนกลุ่มอื่นมันก็ไม่ได้สบายอยู่แล้วต้องทำงานเพื่อให้กลุ่มคนพวกนี้สบายในขณะที่ตัวเองทำงานเหนื่อยแทบตายแได้แค่ไปรอใช้เงินตอนแก่ซึ่งก็ๆม่รู้อีกว่าจะได้ใช้หรือเปล่าเวลานั้น สู้ลองแก้ไขดีกว่าไหมเพื่อชีวิตตัวเองจะแก้ได้หรือไม่ได้อย่างน้อยก็ได้ลอง ไม่ใช่อะไรก็ปกป้องหรือสปอยทุนใหญ่อยู่ตลอดเวลา แล้วก็มาบ่นประเทศนี้ดีสำหรับคนมีเงิน ดูสิคนมีเงินทำอะไรก็ไม่ผิด แต่พอถึงเวลามีโอกาสได้แก้ก็ไม่เอาเดี๋ยวพวกเขาล้มแล้วเราจะลำบาก

มันเป็นโลกทุนนิยมไงครับท่าน

และที่ท่านถามว่าทำไม ต้องมารอเงินเกษียณ​หรืออะไรก็ตามแต่

มันก็คือ กึ่งสวัสดิการ ของรัฐไงครับ

ผมไม่ได้มาปกป้อง ทุนผูกขาดอะไร ผมแค่มาอธิบายว่ามันเกี่ยว กับเรายังไง และกลไกการทำงานมันเป็นอย่างไร

เงินประกันสังคม ที่หักๆไปทุกเดือนอยู่ที่ไหน เอาไปใช้อย่างไร แค่นั้น



ระบบมันมาเป็นแบบนี้ ทั่วโลก

ในอเมริกามีกองทุนจำพวกนี้ มากกว่าเราด้วยซ้ำ มียันกองทุนนักดับเพลิง ตำรวจ หรืออะไรก็ตาม และก็เอาไปลงทุนไม่ต่างกัน

เราอยู่ในโลกทุนนิยมครับ ทุกอย่างมันผลกระทบเป็นลูกโซ่กันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางตรง ทางอ้อม

ยกตัวอย่าง อะ CP คุณคิดว่าถ้าทุนใหญ่ อย่าง CP วันนึงเกิดเจ๊ง ปิดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น คนตกงานระดับหมื่นคน สังคมเป็นยังไง เอาแค่ 10%ของหมื่นคน ไม่รู้จะทำไงผันตัวเป็นโจร สังคมก็วุ่นวายหนักแล้ว

ร้านข้าวหน้า รง.จากคนกิน วันละหลายร้อยคน รง.ปิดขายไม่ได้ เจ๊งอีก ร้านขายผัก เขียงหมู วัตถุดิบ ที่ส่งให้ร้านข้าวหละ กระทบต่อกันไปเป็นทอดๆ

เห็นมั้ยครับไปๆมา มันก็ย้อนกลับมาหาตัวเราอยู่ดี

สงสัยผม พิมพํอธิบาย ให้ตีความผิดเองหนะครับ

แค่ยกตัวอย่าง แต่สถานการณ์​ตอนนี้ มันเปราะบาง ผิดความหมายนิดเดียว โดนถล่มได้เลย 555

คือผมว่า เราแตกตื่นกันไปเยอะมากเลยนะ ฮ่าๆๆๆ

โดยเฉพาะในสังคมนักลงทุน ทั้งรายย่อย และ รายใหญ่หลายๆคน คือลืมไปเปล่าครับว่า กก มันมีเสียงแค่ 150 เองนะ ฮ่าๆๆๆ

พท (ที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับทุนเยอะแยะ) 140 กว่าเสียงนะครับ ..... แค่ไม่ยก ก็จบละ (ค้านก็ไม่ยกอยู่แล้วป่ะ)

คือมันยากมากเลยนะ ที่ กก จะทำได้หมดแบบที่พูดมา

ผมไม่เคยบอกว่าฝั่งไหนดี ไม่ดี แต่มันคือความเชื่อของคน ณ เวลานั้นๆ เอาตรงๆ เราก็ไม่เคยเลือกพรรคที่เป็นสังคมนิยมเลย

อยู่แต่กับ เผด็จการ(ปชป นับไปด้วยก็ได้) และ ทรท ซึ่งแทบทั้งหมด เป็น ทุนนิยมนะ ผมกา กก แต่ผมไม่ได้เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เค้าจะทำ ---> ขนาดอยู่กับ ทุนนิยมเสรี ดูตลาดสิ ยังไม่ไปไหนเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ

แต่ผมไม่ได้ถล่มท่านนะ แต่ก็เข้าใจ เดียวสักวันผมก็คงโดน ทั้งพิมพ์ผิด ผิดความหมาย พิมพ์ไม่ครบ มันทำให้การสื่อสารไม่สมบูรณ์ได้แหละ ก็ต้องค่อยๆ คุยกัน

ผมว่ามันปกติแหละครับหุ้นตก แนวโน้ม
การเมืองจะเปลี่ยน จากทุนนิยม ค่อยๆ ย้ายไปทางสังคมสวัสดิการ

ในสายตานักลงทุน ที่เค้ามองผลกำไรมันมีผลอยู่แล้ว เค้าย่อมชอบทุนนิยมแหละ

แต่ข่าวพวก เพจ พวกสื่ออะไร ผมไม่สนใจหรอกครับ
บางเพจข้อมูลตัวเลขยังไม่ตรงเลย บางอันห่างจากความเป็นจริงเกือบ 1000%
บางคนอยู่ในฟิลด์นั้นบางทีมาอ่านนี่ยัง มองบนเลย แล้วมาเรียกตัวเองว่า Standard We..

แต่เสียงที่สำคัญจากพวกสถาบันหลักๆ สิว่าไปอย่าง

ฟังจากสภาอุตสหกรรม ดูแล้วมุมมองเป็นบวก ผมว่าทำให้หลายคนก็ค่อนข้างวางใจ กก
ฝั่งเพื่อไทยยังน่ากังวลกว่าอีก อย่างรถคันแรกรอบก่อนทำตลาดปั่นป่วนไปครึ่งทศวรรตเลยนะ
นักลงทุนในอุตสหกรรม ผู้เกี่ยวข้อง จากภาพรวมไม่ชอบหรอก

ที่เหลิอสำหรับผมก็รอฟังแค่แบงค์ชาติแหละ นี่แหละจะส่งสัญญาณยังไง
ความสามารถ ความรู้ผมว่าไม่ต่างกันหรอก ถึงขาดไปก็มีแค่ช่วยได้ องค์กรระดับนี้ไม่ได้ทำงานคนเดียว
ที่ผมกังวลก็แค่ความสามารถในการผลักดัน นโยบาย ข้อบังคับ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมมากกว่า
ตรงนี้มันต้องการอะไรที่มากกว่าความรู้ ความเข้าใจน่ะครับ

เอาจริงๆ ใจเย็นๆรอ ก่อนจะตีโพยตีพายกันก็ได้ครับ ไม่รู้จะรีบอยากแสดงความคิดเห็น"ล่วงหน้า"ไปไหนกัน

1. ขั้นตอนของทางผู้ได้รับเลือกตั้งเอง ยังไปไม่ถึงไหนเลย เพิ่งกำลังเดินก้าวแรกคือเลือกประธานสภาฯ แต่กองเชียร์/แฟนคลับไปถกกันสำหรับก้าวที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ยิ่งโดยเฉพาะถกกันในเรื่องที่"ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ"ด้วยซ้ำ
2. เอาจริงๆหลายคอมเม้นท์ หลายความเห็น ค่อนข้างแสดงชัดว่าตรรกะความคิดเรา(บางท่าน)ไม่ได้ไปไหนเลย แค่เปลี่ยนเป้า เปลี่ยนหัวข้อมาคุย แล้วหยิบเสื้อสีส้มคลุมไว้ แต่คอนเซ็ปต์ก็ยังคงเดิม ห้ามมีคำถาม ห้ามสงสัยในพรรคฯ...คุ้นๆมั๊ย

อ่ะ...กลับมาที่ประเด็นของเจ้าของกระทู้
1. เท่าที่อ่านทั้งหมดสำหรับประเด็นนี้ ผมไม่เห็นความเห็นไหน ทั้งในนี้หรือในโซเชี่ยลมีเดียอื่น "ห้าม"คุณศิริกัญญาเป็นรัฐมนตรีว่าการเลย แค่แสดงความสงสัย หรือแสดงความเห็น ซึ่งแน่นอนว่าถูกตอบ/ตอกไว้ก่อน(จากบางความเห็น...อย่างที่ว่าข้างบน)
2. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ระบุชัดเจนว่าทางก้าวไกลกำหนดตัวคุณศิริกัญญาเพื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการเลย เข้าใจนะ ว่าชูไว้เป็นทีมเศรษฐกิจพรรค แต่รอกันก่อนให้แน่นอนก่อนก็ได้มั๊งครับ รีบเกิ๊น

ไม่เห็นต้องกังวลปกติก่อนหลังเลือกตั้งมันเป็นแนวโน้ม ตามนโยบายและความเชื่อมันอยู่แล้ว ประกาศข่าวแต่ละทีมันก็วิ่งแล้ว แล้วยิ่งนโยบายอันไหนแรงมาก ก็จะโดนเยอะหน่อย