ต้องทำอย่างไรครับ เห็นธนาธร พิธา ไอติมทักษิณ(ร่างพาประเทศเจริญ) เห็นพูดกันแต่ละคนแบบเก่งๆทั้งนั้นเลย ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ หรือฝึกพูดแบบไหนครับ (ในกรณีที่ไม่มีเงินเรียนต่อ หรือเรียนเมืองนอก) เผื่อต่อไปผมอยากสมัคร ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต. ท่านใดเป็นคนแบบที่กล่าวข้างต้นอยู่ หรือเป็นผู้บริหาร เซลขายของ ผู้นำต่างๆ แนะนำด้วยครับ โฆษก ผู้ประกาศ ขอคำแนะนำหน่อยครับ อยากพัฒนาตัวเอง

คนอื่นเยอะแค่ไหนไม่รู้ แต่ของธนาธรคือเยอะแบบเยอะโคตรบิดามารดา ผมได้แรงบันดาลใจการเป็นหนอนหนังสือจากแกเลยนะ

จริงๆผมเป็นคนชอบอ่านอยู่แล้ว แต่จะไม่อ่านแนวกว้างขวางนัก จนตอนก่อนเลือกตั้งปี 62 ผมบังเอิญได้ไปเห็นรายการนึง เป็นผู้หญิงไปสัมภาษณ์กับธนาธรที่บ้าน จริงๆออกแนวชวนคุยซะมากกว่า แล้วได้เห็นแผงชั้นหนังสือใหญ่โตมากผมอึ้งเลย แล้วธนาธรก็หยิบยกเล่มนั้นเล่มนี้มาคุย ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นพิธีกรถามบอกว่าให้ยกตัวอย่างหนังสือน่าอ่านสักเล่มได้มั้ย ธนาธรก็บอกมีเยอะ แต่หยิบเรื่องมาลาล่า ยูซุฟไซ ขึ้นมาแนะนำ เพราะเป็นตัวอย่างของหญิงสาวมุสลิมคนนึงที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในสังคมที่โดนกดขี่

ผมแบบเชี่ยยย โคตรเจ๋ง เปิดความรู้สึกผมมากว่าหนังสือน่าอ่านมันโคตรเยอะ โคตรหลากหลายอยู่ที่ว่าเราอยากค้นพบโลกแบบไหน หลังจากนั้นผมเปิดโลกการอ่านเลย ไม่จำกัดมุมมองตัวเอง อ่านเยอะขึ้น อ่านหลากหลายขึ้น แต่ชอบเป็นพิเศษคือศึกษาพวกประวัติศาสตร์โลก แล้วก็ฟัง podcast ความรู้รอบตัวเรื่อยๆ



ถ้าพี่เอกมาเห็น อยากให้รู้นะครับว่าคลิปของพี่วันนั้นมันสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้จริงๆ ผมคือ 1 ในนั้น อย่าไปเอาดีทางร้องเพลงเลยพี่

ส่วนตัวผมแนะนำให้อ่านให้เยอะครับ ทั้งเรื่องความรู้ในสายที่ท่านต้องใช้ และอ่านเรื่องรอบตัวทุกอย่างไปเรื่อยๆ พอท่านมีคลังข้อมูลขนาดใหญ่ในหัว โอกาสติดขัดก็น้อยลงเพราะมันหยิบนู่นเชื่อมนี่ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสกิลต่อไปก็คงเป็นการฝึกพูดที่สาธารณะ เพราะบางคนรู้เยอะแต่ไม่กล้าพูดก็มี เพราะงั้นท่านต้องเริ่มจากการไปเล่นตลกเปิดหมวกแถวตลาดนัด เพิ่มความกล้าก่อน

อ่านเยอะๆแล้วต้องเข้าใจเนื้อหาอย่างถ่องแท้เหมือนพรีเซนหน้าห้อง ถ้าทำพรีเซนเองก็จะพรีเซนได้ดีเพราะเข้าใจเนื้อหา ที่เหลือก็ฝึกความมั่นใจแล้วก็อยู่ที่วาทะศิลป์ของแต่ละคนแล้ว

ทำงานประสานงานเยอะๆ หรืองานเวที
สิ่งสำคัญเหมือนเร็ปลี่บนบอก ถ้ารู้รอบสิ่งที่กำลังจะพูด มันจะมั่นใจ
เช่นกรณีต้องออกหน้างานไปต่อรองอะไรสักเรื่อง รู้ละเอียดว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เท่าไหร่ จุดแข็งจุดอ่อนของแต่ละประเด็น ก็ยากที่คู่ต่อรองจะกดเราด้วยข้อมูล พอรู้เยอะมันจะพูดอย่างมั่นใจเอง

เริ่มต้นจากการที่เรารู้จริงในสิ่งที่พูดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็พูดบ่อยๆ ฝึกฝนบ่อยๆ ครับ ส่วนเรื่องการตอบคำถาม ถ้าเรารู้จริงในสิ่งที่พูด การตอบคำถามก็จะไม่ใช่ปัญหา

3 คนนี้น่าจะอ่านหนังสือเยอะมากกก คลังความรู้ในหัวเยอะมาก แต่พิธาเวลาฟังพูดแล้วแบบเออคนนี้ฉลาดหลักแหลมจริง ธนาธรก็บอกพิธาฉลาดหลักแหลมมาก เรื่องที่แกต้องใช้เวลาเรียน 3 ชั่วโมง พิธาใช้ 1 ชั่วโมง

ประสบการณ์หนักๆเลย ต้องเจอหลากหลาย คิดว่าคนพวกนี้เจอมาเยอะมาก ทั้งในและต่างประเทศ ต้องมีทักษะวิเคราะห์ตีความด้วย เรียนโทก็ช่วยได้ เพราะต้องตอบคำถามแบบเป็นระบบ มีหลักอ้างอิง ผมดูๆแล้วก็เก็บวิชาเขามาใช้บ้าง เช่นการหักล้างประเด็น

ลองเทียบกับตัวเองในอดีตก็ได้ อย่างผมนี่แค่จะพูดยังอ้าปากไม่ออกเลยเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นเยอะ นำเสนอ จับประเด็น ทำให้คนฟังรู้เรื่องตามที่เราจะสื่อได้

คนอื่นเยอะแค่ไหนไม่รู้ แต่ของธนาธรคือเยอะแบบเยอะโคตรบิดามารดา ผมได้แรงบันดาลใจการเป็นหนอนหนังสือจากแกเลยนะ

จริงๆผมเป็นคนชอบอ่านอยู่แล้ว แต่จะไม่อ่านแนวกว้างขวางนัก จนตอนก่อนเลือกตั้งปี 62 ผมบังเอิญได้ไปเห็นรายการนึง เป็นผู้หญิงไปสัมภาษณ์กับธนาธรที่บ้าน จริงๆออกแนวชวนคุยซะมากกว่า แล้วได้เห็นแผงชั้นหนังสือใหญ่โตมากผมอึ้งเลย แล้วธนาธรก็หยิบยกเล่มนั้นเล่มนี้มาคุย ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นพิธีกรถามบอกว่าให้ยกตัวอย่างหนังสือน่าอ่านสักเล่มได้มั้ย ธนาธรก็บอกมีเยอะ แต่หยิบเรื่องมาลาล่า ยูซุฟไซ ขึ้นมาแนะนำ เพราะเป็นตัวอย่างของหญิงสาวมุสลิมคนนึงที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในสังคมที่โดนกดขี่

ผมแบบเชี่ยยย โคตรเจ๋ง เปิดความรู้สึกผมมากว่าหนังสือน่าอ่านมันโคตรเยอะ โคตรหลากหลายอยู่ที่ว่าเราอยากค้นพบโลกแบบไหน หลังจากนั้นผมเปิดโลกการอ่านเลย ไม่จำกัดมุมมองตัวเอง อ่านเยอะขึ้น อ่านหลากหลายขึ้น แต่ชอบเป็นพิเศษคือศึกษาพวกประวัติศาสตร์โลก แล้วก็ฟัง podcast ความรู้รอบตัวเรื่อยๆ



ถ้าพี่เอกมาเห็น อยากให้รู้นะครับว่าคลิปของพี่วันนั้นมันสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้จริงๆ ผมคือ 1 ในนั้น อย่าไปเอาดีทางร้องเพลงเลยพี่

ผมประทับใจเหล่าสมาชิก กก. ที่ขึ้นปราศรัยมาก ยิ่งตอนดีเบตนี่ต่างแสดงให้เห็นชัดเจนสุดๆว่าเตรียมตัวมาดีขนาดไหน ทำการบ้านมามากเพียงใด +การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีอีกด้วย ไม่ได้พูดจาวกวน ไม่รู้เรื่อง จับใจความสำคัญไม่ได้แบบพรรคอื่น

สนับสนุนให้อ่านหนังสือเยอะๆ อีกเสียง
เพราะการสื่อสารของหนังสือ มีนถูกกรั่นกรอง
มาจนดีที่สุดที่จะทำได้แล้ว

ตอนยังทำงานเป็นผู้จัดการโครงการนะครับเอามาแชร์กัน ผมเองจะเตรียมตัวอย่างดีนั่นคือการทำการบ้านไป คุณรู้อยู่แล้วว่าผู้บริหารจะถามอะไร อะไรที่สำคัญ ตัดเฉพาะที่สำคัญ ข้อมูลต้องแน่น อะไรไม่รู้อย่าพูด ถ้าโดนถามต้องหาทางลงให้ได้ อ่านให้เยอะ

ผมมองว่าการอ่าน สำคัญมากเลยนะ เหมือนไปอ่านประสบการณ์ของคนอื่นหลายๆคน ไปอ่านความรู้ที่คนอื่นบ่มเพาะมาให้ ทำให้เราเรียนรู้ไว ได้รู้ประสบการณ์ไว บางอย่างก็ปรับใช้ได้เลย ไม่ต้องไปประสบพบเจอประสบการณ์นั้นเอง

ที่แกแนะนำ Game of Throne ด้วยใช่ไหมครับ

อันนี้จำไม่ได้แฮะ หรือคนละรายการหว่า

ก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในสิ่งที่พูดเป็นอย่างดี ลึกซึ้ง ไม่ใช่ท่องจำ (อันนี้เกิดจากประสบการณ์การนำสิ่งที่พูดเอาไปใช้ ทบทวนแก้ไข ปรับปรุง)
รู้ที่มาของสิ่งที่ศึกษา และรู้จุดมุ่งหมายของสิ่งที่จะเรียนรู้ (อันนี้เกิดจากการอ่านมากๆ ฟังมากๆ)
รู้ว่าจุดที่คนทั่วไปเข้าใจ และไม่เข้าใจคืออะไร (อันนี้เกิดจากการคุยกับคน รู้จักคน และฟังคนเยอะ)
เมื่อรู้จักอย่างถ่องแท้ ปัญญา และมุมมอง มันจะเหนือคนอื่นขึ้นไป สามารถพูดให้คนอื่นเข้าใจได้

ปัจจัยรองๆก็บุคลิกท่าทางอาจมีการเตรียมวิธีพูด จังหวะน้ำเสียงให้น่าสนใจ

เวลาเราพร้อมขึ้นเวที ไม่ใช่เวลาที่เราพร้อมจะพูดเรื่องที่เรารู้
แต่คือเวลาที่เราพร้อมจะเจอทุกคำถามครับ ทั้งเรื่องที่เรารู้ และเรื่องที่เราไม่รู้