นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

เกิดเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2523
ป.ตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ การเงิน การธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ
ป.โท คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ป.โท คณะบริหารธุรกิจ (M.I.T.) ประเทศสหรัฐอเมริกา

นายพิธาเป็นบุตรชายคนโตของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเสียชีวิตแล้ว กับ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชายคือ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์

เป็นหลานของนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคนสนิทนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายผดุงเป็นเพื่อนของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี

ก่อนหน้านี้ นายพิธา เป็นกรรมการ 2 บริษัท

1.บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากรำข้าว (เป็นกรรมการในช่วง 5 ต.ค.2549 - 6 มี.ค.2560)

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าบริษัทนี้จดทะเบียน 10 ต.ค.2548 ทุน 98,039,200 บาท ที่ตั้งเลขที่ 55 อาคารมโนศิริกุล ชั้น 6 ห้อง 6/2 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร (สำนักงานสาขา 135 หมู่ 4 ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ) นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ นายอาร์นี่ โอตะวะ ซาริมา นายประสพโชค สุขสมบูรณ์ เป็นกรรมการ
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด 26 มิ.ย.22564 บริษัท พรพนา พาณิช จำกัด (บริษัทโฮลดิ้งของครอบครัวนายพิธา) และผู้ถือหุ้นคนสกุล ‘ลิ้มเจริญรัตน์’อีก 2 คน รวม 3 รายถือหุ้นใหญ่ 500,000 หุ้น ขณะที่ บริษัท โอตะวะโฮลดิ้งส์ จำกัด สิงคโปร์ถือ 480,392 หุ้น

นำส่งงบเงินปีล่าสุดรอบปีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2562 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 106,064,719.91 บาท ขาดทุนสุทธิ 143,403,259.62 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 189,862,430.62 บาท หนี้สิน 564,793,791.41บาท ขาดทุนสะสม 424,931,360.79 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 189,862,430.62 บาท

2.บริษัท เกร็ทโอเชียนฟู้ด จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 ส.ค. 2548 ทุน 2 ล้านบาท ประกอบการขายอาหารแช่แข็งประเภทเนื้อสัตว์ ที่ตั้งเลขที่ 67 หมู่ที่ 3 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่ร่วมกับนายฮารูกิ โมโตโอกะ ต่อมาจดทะเบียนเปลี่ยนหลายครั้ง (ที่ตั้งล่าสุด 102 อาคารอรรถกระวี 2 ชั้น 6 ซอยอารีย์ ถนนสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ)

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะอายุ 26 ปี และ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะอายุ 23 ปี จดทะเบียนเข้าเป็นกรรมการ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 (หลังเสียชีวิตของบิดา) จดทะเบียนเลิกบริษัทเมื่อ17 ธ.ค. 2553 และจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อ 4 ส.ค.2554

ในชีวิตการทำงาน ทิม พิธา เป็นกรรมการผู้จัดการของธุรกิจบ้านตัวเองตั้งแต่เรียนจบ ก่อนจะมารับงานเป็น Executive Director ของ Grab เมื่อช่วงต้นปี 2018 จากนั้นเขาก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อกระโดดมาเล่นการเมือง โดยเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อคนที่ 4 ของพรรคอนาคตใหม่

สำหรับบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ที่แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 ยังแจ้งสถานะว่า "สมรส" อยู่ และแจ้งชื่อคู่สมรสว่า นางชุติมา ลิ้มเจริญรัตน์ (สกุลเดิม ทีปะนาถ)

"พิธา" แจ้งมีทรัพย์สิน 126,405,190 บาท ได้แก่ เงินสด 1.8 ล้านบาท เงินฝาก 2,760,859 บาท เงินลงทุน 2,029,555 บาท ที่ดิน 18 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 60.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 2.1 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 30,284,477 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 8,930,299 บาท มีหนี้สิน 22,954,064 บาท

แจ้งมีรายได้ (มิได้ระบุว่าต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง) รวม 2,617,937 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน 1,362,720 บาท เงินเดือนที่ปรึกษา 1.2 ล้านบาท ดอกเบี้ยเงินฝาก 55,217 บาท มีรายจ่ายรวม 6 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 1.2 แสนบาท ค่าผ่อนรถยนต์ 2.4 แสนบาท ค่าอุปการะมารดา 2.4 แสนบาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีรายจ่ายรวม 6.8 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 4.8 แสนบาท ค่าเล่าเรียน 2 แสนบาท

ส่วนนางชุติมา ลิ้มเจริญรัตน์ มีทรัพย์สิน 11,180,000 บาท ได้แก่ ยานพาหนะ 3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 8,180,000 บาท ไม่มีหนี้สิน และมิได้แจ้งในส่วนของรายได้ และรายจ่าย ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 2 แสนบาท เป็นเงินฝาก

รวมทั้งหมดมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 137,785,190 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 22,954,064 บาท





อันนี้ข้อมูลบริษัทที่พิธาเคยเป็นกรรมการ
บจก.ซีอีโอ อกริฟู้ด ตอนนี้เปลี่ยนชื่อ เป็น บจก.ออยล์ฟอร์ไลฟ์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2563
ตอนนี้น้องน่าจะบริหารอยู่ แต่เหมือนจะส่งงบการเงินล่าช้าพอสมควรและก็ขาดทุนสะสมพอสมควรด้วย
แต่ขาดทุนก็อาจจะเป็นการลงทุนเพื่อแตกไลน์ธุรกิจเท่าที่หาข้อมูลมาเหมือนจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.nationtv.tv/politic/378906603
https://today.line.me/th/v2/article/KwYKnWN
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/118144-inves0999999.html
https://datawarehouse.dbd.go.th/company/profile/HLqJUnoZeI-VOivmID1CgFdPTo48pfWnpZhMTAAzSdo=
https://workpointtoday.com/pita-limjaroenrat/
https://www.gqthailand.com/views/article/grab-your-passion-the-ultimate-passion-to-success

ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยที่ติ่งแดง3ช่าบอกลุงมาช่วยพิธากอบกู้บริษัท กำไรได้จากconnectionลุงคือใคร (แต่ก็คงคนในพรรคแดงแหละ ไม่งั้นคงไม่เอามาโยง)

กับไม่มีประวัติทำงานที่grab = โดนไล่ออกแน่นอน

ประวัติทำงานที่แกร๊บไม่เห้นไส่มา อายล่ะสิที่โดนไล่ออก

ไหนประวัติ grab

อกริฟู้ด นี่แหละที่มีปัญหาค้างจ่ายเงินพนักงาน
ไม่รู้ว่าเคลียร์จบไปยัง แต่ไม่เห็นคนเอามาเล่น
น่าจะจบไปแล้ว

ผมอยากได้ประวัติแบบนี้กับผู้ลงสมัครทุกคนเลย จะได้รู้ว่าใครมีที่มาที่ไปยังไง ตอนนี้หลักๆ หาเจอแต่หัวหน้าพรรคกับคนที่พอมีชื่อเสียง

เขตผม ผู้สมัคร 15 คน ค้นประวัติเจออยู่คนเดียว

หม่อมปลื้มเคยรีวิวไว้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว

ผมนึกว่ารวยระดับ 500ล้าน+

ขอถามเป็นความรู้ได้มั้ยครับ ว่าหนี้ 22 ล้าน ทำไมเค้าถึงไม่นิยมเคลียร์หนี้กันครับ หรือมันมีหนี้หลายประเภทแต่คำนวนรวมแล้วได้แบบนี้

หากคุณทำใจเป็นกลางจะรู้เองครับไล่ออกหรือลาออก

ผมพึ่งรู้ว่า พิธา มากู้วิกฤตบริษัทพ่อตัวเอง ด้วยการเข้าไปขอเงินกู้ ธนาคารด้วยตัวเอง ได้มา 70 ล้าน

ผมบอกเลย ใคร ที่สามารถกู้เงินธนาคารแบบไม่ใช่ทรัพย์สิน ใช้แค่แบบแผนงานกีับไปตอบคำถามแล้วเค้าอนุมัติมาให้ นี้คือโคตรเก่งเลยครับ แล้วยังเอามาบริหารต่อทำบริษัทที่เป็นหนี้ ร้อยล้านกลายเป็น มุลค่า พันล้านได้

ใครมันสาระแนมาบอกใช้คอนแนคชั่นลุง นี้เค้าเก่งชิบหายเลยครับ


ผมรู้จัก คนๆนึงเก่งมาก เรียกได้ว่าผู้บริหารมืออาชิพคุมลุกน้องเป้น พันคน จบ mba เงินเดือนเป็นแสน ไปกู้เงินธนนาคาร ไม่กี่ล้าน เพื่อจะไปซื้อต่อโรงงาน ยังไม่ผ่าน เลย เลยต้องมาปรึกษาญาติผมที่เป็นเจ้าของโรงงาน ที่กู้เงินสร้างโรงงานแบบไม่ต้องใช้ทรัพย์สินผ่าน

ไม่แน่ใจว่าหนี้ดอกเบี้ยถูกไหมนะครับ ผมเคยเรียน ม CP อาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาเจ้าสัวเคยมาสอน เขาบอกว่าถ้าเป็นคนรวยควรมีหนี้ แต่ต้องเป็นหนี้ที่ดอกถูก เพราะหนี้ดอกถูกกว่าเงินที่เราผลิตได้ = เงินฟรี ตัวอย่างกู้ได้ดอก 1.5% แต่สามารถลงทุนสิ่งที่การันตีได้ดอก 3% แบบนี้คนรวยก็ปั๊มเงินกันใหญ่ ไม่รู้เป็นเคสนี้ไหม

อย่างถ้าผมมีแบงค์เมกา ซื้อหนี้เมกาได้ และต้นทุนดอกผมน้อยกว่า 5% คงไปซื้อพันธบัตรเมกา

เพราะ เค้าคิดว่า เค้าสามารถ ใช้ทุน 22 ล้าน เอาชนะ ดอกเบี้ยธนคารได้ และหาเงินได้จากทุนนี้ครับ

สมมุติ วันนี้เค้ามีเงินก้อน 22 ล้าน บางคนมีความคิดที่ว่า ไม่มีหนี้คือลาภ อันประเสิร์ท เอาไปโปะจบ สบายใจ

แต่คนฉลาด เค้าสามารถ ใช้ เงิน 22 ล้าน นี้ ไปทำเงินให้งอกเงยเพิ่มขึ้น




ดูตัวอย่างง่ายๆเลยครับ เจ้าของทีมแมนยู ซื้อแมนยูด้วยเงินกู้ล้วนๆ แต่ มันไม่เคยคิดใช้หนี้ธนาคารเลย ใช้แต่ดอกขั้นต่ำ ผ่านไป 10ปี จน มูลค่าสโมสร โตชิบหาย เงินเข้ากระเป๋าเจ้าของไปไม่รุ้เท่าไหร่ แต่หนี้ไม่ลดเลย
พอขายสโมสรที ได้เงินมหหาศาล

ไล่ออกแน่นอน