'ฮาลันด์' ทุบสถิติ!!! เรือไม่มีสะดุดอัดค้อน 3-0 คืนฝูง
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
สถิติถูกทุบเป็นที่เรียบร้อยเมื่อ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงลูกที่ 35 ในลีกในซีซั่นนี้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่ทำประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียว พร้อมส่ง เรือใบสีฟ้า กวาดชัยต่อไปเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-0 กลับไปครองจ่าฝูงอีกครั้งนำหน้า อาร์เซน่อล 1 แต้มและยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 3-4-2-1
6.
นาธาน อาเก้

77'
7.5
19.
ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

77'
6.0
ตัวสำรอง
25.
มานูเอล อคานยี

77'
-
47.
ฟิล โฟเดน

77'
6.5
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
วันที่ 3 พฤษภาคม 2566
กรรมการ จอห์น บรูคส์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
3
0
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
1-0 อาเก้ 50'
2-0 ฮาลันด์ 70'
3-0 โฟเดน 85'
แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนให้ ออร์เตก้า เฝ้าเสาบ้างและ อาเก้ กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังเจ็บไปก่อนหน้า ส่วนแดนกลางให้ แบร์นาร์โด้ เป็นตัวจริงแทน กุนโดกาน
ทางด้าน เวสต์แฮม ยวบเลยมีอาการป่วยเล่นงานนักเตะในทีมคู่กลาง ไรซ์ และ ซูเช็ค หายเช่นเดียวกับ อาเกิร์ด ทำให้ต้องมีการปรับแผน
เรือเดินหน้าลุย มาห์เรซ ยิงโดนปัดทิ้ง
แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายเดินหน้าบุกตั้งแต่ต้นแล้วก็ทำให้ ฟาเบียนสกี้ ออกแรงเซฟได้แล้วในจังหวะที่ต่อบอลขึ้นทางซ้ายแล้ว กรีลิช ส่งให้ มาห์เรซ ตรงหัวกะโหลกวิ่งมายิงแต่โดนปัดทิ้ง
เรือมาใหม่ ฮาลันด์ เสาไกลโหม่งมุมแคบออกหลัง
หลังจากนั้นมา แมนฯ ซิตี้ ยังกดดันต่อเนื่องแล้วได้จังหวะจบดีๆอีกครั้งจากที่เคาะบอลหน้าเขตโทษก่อนส่งต่อ กรีลิช ทางซ้ายดีดไซด์ก้อยส่งบอลมาเสาไกล ฮาลันด์ โหม่งได้แต่มุมแคบไปออกหลัง
ค้อนบุกบ้าง โบเว่น จ่ายไม่ผ่าน ออร์เตก้า ขวางไว้ได้
เกมรับของ เวสต์แฮม ยังเอาอยู่แล้วก็หาโอกาสลุ้นได้ด้วยลูกทุ่มโด่งมาถึง โบเว่น สุดเส้นหลังทางขวาลุยเข้ามาได้พยายามดีดไปหน้าประตูแต่ ออร์เตก้า ปิดมุมดักไว้ได้
กรีลิช ตัดเข้าในก่อนยิงไปโดนเซฟ
แมนฯ ซิตี้ บุกกลับมาหาโอกาสใหม่จากที่ อัลวาเรซ หน้าเขตโทษส่งให้กับ กรีลิช ทางซ้ายตัดเข้าในก่อนจะได้ยิงแต่ก็โดนเซฟเอาไว้อีก
ยังไม่นำ! โรดรี้ ทำชิ่งก่อนยิงชนเสา
เกือบจะเป็นประตูให้กับ เรือใบ เข้าแล้วเมื่อ โรดรี้ พลิกพาบอลมาตรงกลางฝาก ฮาลันด์ หน้าเขตโทษก่อนจ่ายคืน โรดรี้ สอดเข้าเขตโทษมาได้แล้วยิงผ่าน ฟาเบียนสกี้ ไปได้แต่ส่งบอลชนเสาสองน่าเสียดาย
เตะมุมเรือ โรดรี้ โหม่งตั้ง สโตนส์ โหม่งต่อหลุดเสา
โอกาสของ แมนฯ ซิตี้ มาอีกแล้วกับเตะมุมทางซ้ายเปิดมาทางขวามี โรดรี้ โหม่งตั้งกลับมาตรงกลางให้ สโตนส์ สะบัดโหม่งต่อแต่ก็ออกเสา
หลังจากนั้นมา แมนฯ ซิตี้ พยายามนวดหาช่องแต่ก็ทำไม่ได้เลยจบไปที่ยังไม่มีสกอร์
มาแล้ว! ฟรีคิกเข้าหัว อาเก้ โขกออกนำ
กลับมาครึ่งหลังไม่ทันไร แมนฯ ซิตี้ ก็เอาประตูนำไปเรียบร้อยกับฟรีคิกจากหน้าเขตโทษทางซ้ายระยะไกล มาห์เรซ เลยเปิดเข้ามาลึกถึงเสาสอง อาเก้ วิ่งมาโขกไม่เหลือ แมนฯ ซิตี้ นำแล้ว 1-0
กรีลิช ลองยิงนอกกรอบหลุดเสา
แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าต่อได้โอกาสลุ้นประตูเพิ่มหลังจากต่อบอลเข้าเขตโทษได้ ฮาลันด์ ตามเก็บก่อนจ่ายต่อถูกสกัดออกมาหา กรีลิช เลยยิงจากหน้าเขตโทาออกเสาแรกไป
แฟนเรืออยากได้จุดโทษแต่ง่ายไปเปาไม่แจก
หลังจากนั้นมามีจังหวะที่แฟนๆ ซิตี้ ถามหาจุดโทษจาก ฮาลันด์ โดนเสียบล้มในกรอบรวมถึง สโตนส์ พยายามพักบอลแต่โดนชนด้านหลังล้มลงไปถึงอย่างนั้นก็ให้ยากเปาเลยไม่แจกอะไร
สถิติใหม่! ฮาลันด์ โฉบมาชิพส่งบอลเข้าประตู
เรือใบ ยังเป็นฝ่ายครองบอลอย่างต่อเนื่องแล้วก็มีประตูเพิ่มสำเร็จซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เริ่มจาก เวสต์แฮม จ่ายบอลเสียกลางสนามเปิดช่องโต้กลับ กรีลิช ได้บอลมาลุยต่อแล้วจ่ายไปพื้นที่ว่างให้ ฮาลันด์ วิ่งฉีกหนีกองหลังก่อนชิพข้าม ฟาเบียนสกี้ โดนปัดนิดแต่ยังดีพอที่จะลอยเข้าประตูกลายเป็น 2-0
นอกจากนี้ยังเป็นประตูที่ ฮาลันด์ ทุบสถิติกลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียวมากสุด (35 ลูก)
เรือยังมาเรื่อยๆหาประตูเพิ่มอีกลูก
เข้าท้ายเกมหลังจากนั้นมาก็ยังไม่มีอะไรต่างจากเดิม แมนฯ ซิตี้ ยังเป็นฝ่ายกดดันกันต่อไปต่อบอลหาโอกาสเอาประตูเพิ่มก่อนมีจังหวะ สโตนส์ ได้ยิงแต่ก็หลักไม่ดีโด่งไปเยอะ
ปิดท้าย! โฟเดน วอลเล่ย์แฉลบฝังลูกสาม
แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูปิดท้ายเป็นที่เรียบร้อยกับเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามาโดนโหม่งทิ้งออกมา โฟเดน รออยู่ตรงหัวกะโหลกวอลเล่ย์สวนไม่ต้องจับส่งบอลไปแฉลบทำให้ ฟาเบียนสกี้ ขาตายเซฟไม่ได้ แมนฯ ซิตี้ นำ 3-0
จบเกม แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ เวสต์แฮม 3-0 กวาดชัยรวด 9 เกมในลีกส่งผลให้พวกเขากลับมาเป็นจ่าฝูงอีกครั้งโดยที่ยังแข่งน้อยกว่า อาร์เซน่อล อยู่อีกนัด
ส่วน เวสต์แฮม แพ้ไปทำให้พวกเขายังนำโซนแดงอยู่ 4 คะแนนยังไม่หลุดจากการหนีตกชั้น
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
Starting Formation: 4-2-3-1
5.
วลาดิเมียร์ คูฟาล

62'
5.5
20.
จาร์ร็อด โบเว่น

79'
5.5
9.
มิเคอิล อันโตนิโอ

67'
5.0
ตัวสำรอง
2.
เบน จอห์นสัน

62'
5.5
22.
ซาอิด เบนราห์ม่า

79'
-
18.
แดนนี่ อิงส์

67'
5.5
แก้ไขล่าสุดโดย redenzo เมื่อ Thu May 04, 2023 04:09, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ