ประเทศที่ไร้ "ค่าแรงขั้นต่ำ" แต่แรงงานได้ค่าจ้างสูงกว่าไทย 12 เท่า
บทความจาก BBC ไทย
https://www.bbc.com/thai/articles/c4n2442pgeno
นานาประเทศทั่วโลกล้วนมีกฎหมายกำหนดค่าแรงขั้นต่ำโดยรัฐ แต่มีหลายประเทศ ที่แรงงานและนายจ้าง
หาข้อตกลงเรื่องค่าตอบแทนได้อย่างลงตัว ด้วยค่าแรงสูงอันดับต้น ๆ ในโลก และสวัสดิการครบครัน
จนเรียกว่าตอบโจทย์ธุรกิจ และความสุขของผู้คน แบบ “ผลประโยชน์ต่างตอบแทน”
เมื่อปี 2021 ค่าแรงเฉลี่ยของแรงงานในร้านแมคโดนัลด์ในเดนมาร์กอยู่ที่ 22 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือ 700 บาทต่อชั่วโมง และทุกคนได้วันลาพักร้อนปีละ 6 สัปดาห์
ประเทศเดนมาร์กไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ แต่ใช้ระบบตลาดแรงงานแบบเดนมาร์ก ที่เรียกว่า “เฟล็กเคียวริตี”
เพราะเป็นระบบที่ทั้งยืดหยุ่น และมั่นคง สำหรับตัวแรงงานและนายจ้างเอง
ระบบแรงงานของเดนมาร์ก เป็นระบบแบบกระจายอำนาจแบบหนึ่ง ที่การกำหนดค่าแรงนั้น
จะขึ้นอยู่กับการหารือและบรรลุข้อตกลง ระหว่างสหภาพแรงงานและบริษัทผู้ว่าจ้างเอง
แรงงานชาวเดนมาร์กได้ประโยชน์จาก “เฟล็กเคียวริตี” เพราะจะได้ความคุ้มครองทางสังคม
รวมถึงประกันสุขภาพถ้วนหน้า วันลาพักร้อนหลายสัปดาห์ต่อปี สิทธิลาคลอด
และแผนเงินบำเหน็จบำนาญในวัยเกษียณ ที่สำคัญ ค่าแรงก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง
หากแรงงานชำระเงินเข้ากองทุนประกันการว่างงาน พวกเขาจะได้รับประโยชน์ยาวนานสูงสุด 2 ปี
หากตกงาน โดยเมื่อตกงานแล้ว รัฐบาลจะเข้ามาให้การดูแล อาทิ จัดการฝึกอบรมทักษะ
และให้คำปรึกษาเพื่อให้แรงงานกลับเข้าตลาดแรงงานให้เร็วที่สุด
ส่วนนายจ้างนั้น สามารถปลดพนักงานออกได้ง่าย เพราะเงินชดเชยการเลิกจ้าง และการบอกเลิกจ้างล่วงหน้านั้น
ไม่ได้เข้มงวดนัก ซึ่งเมื่อพนักงานถูกเลิกจ้าง รัฐบาลก็จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือต่อไป
ส่วนทางบริษัทก็จ้างแรงงานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจในขณะนั้น
ประเทศไหนบ้างที่ไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ
เว็บไซต์ โนแมด แคปิตอลลิสต์ ระบุว่า ประเทศต่าง ๆ 90% ทั่วโลก ล้วนมีกฎหมายกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ
ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง แต่บางประเทศใน 10% ที่เหลือ กลับพบวิธีที่ดีว่าการที่รัฐต้องมารับประกันค่าแรง
ข้อมูลจาก อิสเวสโตพีเดีย และ โนแมด แคปิตอลลิสต์ ระบุว่า ประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่มีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำโดยรัฐบาล
มีอยู่ 6 ประเทศด้วยกัน คือ สวีเดน เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์
โดยแต่ละประเทศ กำหนดค่าแรงให้แรงงาน ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ดังนี้
สวีเดน – เป็นประเทศต้นแบบในการยกเลิกการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ หันมาใช้ “โมเดลนอร์ดิก” (Nordic Model)
ที่กำหนดค่าแรงให้พนักงานผ่าน “การร่วมเจรจาต่อรอง”
โดยสวีเดน มีสหภาพแรงงานกว่า 110 แห่ง ที่จะไปเจรจาต่อรองกับผู้แทนองค์กร
ถึงค่าแรงที่สมาชิกในสหภาพควรจะได้ต่อชั่วโมง
รวมถึงค่าล่วงเวลาด้วย บนพื้นฐานทางกฎหมายว่า พนักงงานต้องทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
มีวันลาพักร้อน 25 วัน และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 13 วันต่อปี
เดนมาร์ก - ลักษณะเดียวกับสวีเดน และตามที่กล่าวไว้ข้างต้นในบทความ
ไอซ์แลนด์ - เมื่อมีสถานะเป็นพนักงาน ทุกคนจะถูกบรรจุเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานในทันที
โดยสหภาพแรงงานเหล่านี้ จะเจรจาตกลงค่าแรงที่พนักงานควรได้กับผู้แทนองค์กรเอง
นอร์เวย์ - ใช้หลักการเจรจาต่อรองร่วมเหมือนเดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ด้วยค่าแรงที่อยู่ในระดับสูง
ยกตัวอย่าง แรงงานทักษะต่ำ อาทิ ภาคการเกษตร ก่อสร้าง และทำความสะอาด จะมีรายได้ขั้นต่ำ 556-730 บาทต่อชั่วโมง
สวิตเซอร์แลนด์ - ให้มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเป็นผู้ลงคะแนนกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ
โดยเมื่อปี 2020 ประชามติกำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 855 บาทต่อชั่วโมง ในทุกอุตสาหกรรม
สิงคโปร์ – มีตลาดแรงงานที่ปราศจากการแทรกแซงโดยรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง
โดยผู้แทนแรงงานและนายจ้าง กำหนดค่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
อ้างอิงตามประสบการณ์ ทักษะ การศึกษา และความสามารถ