ยุโรปมือสองสู้กับรถญี่ปุ่นมือหนึ่ง อันไหนดีกว่ากันครับในเรื่องการขับ สมรรถนะ
optionใหม่ๆ รถญี่ปุ่นน่าจะดีกว่าปะครับ พวกapple car play,sensor,กล้อง
BMWพวกf30กับcivicตัวใหม่อันไหนถูกใจพวกท่านมากกว่ากัน

ื

ความปลอดภัยยุโรป ออฟชั่นญี่ปุ่น ปล.ผมใช้ f30 ดีเซลอยู่ก็ประหยัดดี

ถ้าคุณมีเงินเหลือกินเหลือใช้ ยุโรปสมรรถนะมันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะค่าซ่อมบำรุงมันสูงกว่ารถญี่ปุ่นเยอะมาก

ผมเคยใช้ทั้งคู่ ผมชอบการขับขี่รถยุโรปนะ ด้วยภาพลักษณ์ วัสดุ เทคโนโลยี การประกอบ เครื่องยนต์ ความปลอดภัย เหนือกว่ารถญี่ปุ่นอ่ะ (แน่นอนราคาก็ต่างกันละ)

แต่รถญี่ปุ่นก็ไม่แย่ถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายไป และความคุ้มค่า

อยู่ที่จะเลือกละครับ เลือกรถตามความต้องการตัวเอง

ปล. มาเพิ่ม พึ่งเห็นว่ายุโรปมือสอง
เทียบงบที่คุณมีดีกว่า ถ้าพร้อมจ่าย พร้อมซ่อมแบบถึงๆ มีเวลาดุแล ก็จบไปยุโรปสบายใจ รถเก่ายังไงก็ต้องซ่อมบำรุง

แต่ถ้ามือใหม่ ไม่มีเวลา งบไม่พร้อม ไปญี่ปุ่นสบายใจครับ

ต้องดูเปนรุ่นๆ ไป
ถ้าซ่อมไหวยังไงก็ดีกว่า รถยุ่น

f30กับ civic ค่าซ่อมต่างกันเป็นเท่าตัวเลยนะ

ถ้าไม่เจอแจ็กพ็อตรถมือสองก็ดีไป แต่ถ้าสนใจเรื่องสมรรถนะ ค่าซ่อม เซอร์วิสแพงไม่ใช่ปัญหาก็จัดเลย แต่ถ้ากังวลเรื่องที่กล่าวมา ซื้อ civic แล้วไปเปลี่ยนโช๊คพวก rs-r 6 หมื่นกว่าๆ ขับดีกว่า f30 อีก

ต้องดูเปนรุ่น เปนปีไปสิ ถามกว้างแบบนี้ ถ้าได้รถดีก็ดี รถเสียก็ซ่อมไปขับไป

การขับผมว่าไม่ต่างเลย เบนซ์ บีเอ็ม สมัยนี้ (ตัวถูกกว่า5ล้าน) ไม่ได้นุ่มไรกว่ารถญี่ปุ่นเลย ยิ่งถ้าราคาเท่ากันแบบมือ1เผลอๆญี่ปุ่นจะนำ

สมรรถนะ+ความปลอดภัย ยังไงก็ยุโรป

Option ให้ญี่ปุ่นนะ เพราะญี่ปุ่นถ้าตัวท้อปที่เพิ่มแสน สองแสน มาครบ แต่รถยุโรป เพิ่มอย่างละ 5หมื่น 7หมื่น คนไม่ค่อยเพิ่มกันหรอก optionเลยขาดๆ

สำหรับผมถ้าไม่โชคร้ายมากๆ3-5ปีแรก รถยุโรปขับแทบจะฟรี เพราะอยู่ในเซอวิส รถญี่ปุ่นก้เสียค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนิดหน่อย ละก้ประกันที่ต่างกันพอควร

เรื่องการบำรุงผมไม่มั่นใจ คชจ ของรถญี่ปุ่น แต่ถ้าซื้อรถยุโรปที่เกิน5ปี ก็กำตังไว้เลย อย่างน้อยปีละ10k +ประกันต่างหาก เกิน7ปี อย่างน้อยก้ปีละ20k + ประกันต่างหาก เกิน10ปีก็แล้วแต่บุญแต่กรรม อะไหล่มันแพงครับ ละมันต้องมีเรื่องเปลี่ยนทุกๆปีอยู่ละ (กรณีขับอย่างเดียวนะ ซ่อมดูแลไม่เป็น ถ้าซื้ออะไหล่เล็กๆน่อยๆมาเปลี่ยนเองได้คงถูกลง) +อันนี้ต้องหาอู่นอกดีๆนะครับ เพราะถ้าเข้าศูนย์แพงขึ้น2เท่า อู่นอกก็อย่าโดนฟันละกัน

สรุป ถ้ามีตังผมเชีย ยุโรป แต่เอาสักไม่เกิน3ปีพอ maxสุด5-6ปี (กรณีไม่มีความรู้เรื่องรถเลย แต่ถ้ามีความรู้ซ่อมเองได้นิดหน่อยก็ลองดูตามสภาพครับ) เกิน5-6ปีถ้าราคาเท่ามือ1ญี่ปุ่น ผมเชียไปญี่ปุ่นนะ 5-6ปีนานนะ เทคโนโลนีหลายๆอย่างก็พัฒนาไปละ รถก็ผ่านอะไรมาเยอะ นอกจากซื้อคนรู้จักชัวร์ๆ

Edit: ผมตอบไม่ค่อยดี ตามเม้นบนตรงกว่า

อยู่ที่ว่าสนใจเรื่องไหน ถ้าความปลอดภัยช่วงล่าง การขับขี่ ยุโรปกินขาด

ถ้าเรื่องไม่มีเวลาดูแลมาก หรือกังวลเรื่องการซ่อมญป ในราคาเท่าๆ กันให้ได้ดีกว่า

สรุปคือ
ถ้าห่วงเรื่องเงิน ญป
ถ้าชอบการขับขี่ ความสบาย ปลอดภัย คาดหวังความสุนทรีย์ตอนเดินทาง ยุโรป

pmรายละเอียดเรื่องรถได้ไหมคับ

เครื่อง 20d bmw ใช้ได้เลยคับ คันเก่า f10 ขับไป 12ปี ไมล์ 250k มี
เปลี่ยนช่วงล่าง 60k
คอมแอร์ 2 รอบ ประมาน 80k
มูเลย์หน้า 15k
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ทุก 50,oookm



เท่าที่จำได้ เซอวิชไปเท่านี้คับ ก่อนขายยังขับ 220+ ได้ชิวเลยคับ (ขายได้ตอนไปเทริน 680k)

ปล.ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ g30 lci แต่ผมชอบ f10 มากกว่าคับ g30 แอร์หลังชอบไม่เย็น เปนกันเกือบทุกคนที่ถาม ใครแก้ได้แจ้งที่นะคับ

ถ้าซื้อแล้ว ควรมีซัก 150-300k เอาไว้ซ่อมจบๆ สบายใจ

แต่จากประสบการณ์ ขับดีกว่าจริงถ้าซ่อมจบไม่จุกจิกแต่ !!ซ่อมจบไหมอีกเรื่อง

ถ้าอยากเอาแบบสบายใจ รถไรก็ได้ที่ขับถึงและไม่จุกจิก คือจบ

อยู่ที่งบและความรู้ในการบำรุงรักษารถแหละ

เพราะซื้อมือสอง ไม่รู้ชิ้นไหนจะเสีย เสียชิ้นแพงมั้ย บางทีดันเสียพร้อมกันจ่ายทีหลักแสน ไหวมั้ย มีศึกษาอู่ที่น่าไว้ใจเพื่อลดค่าใช้จ่ายไว้บ้างมั้ย คือถ้าพร้อมเรื่องซ่อมบำรุง ทั้งค่าใช้จ่ายและความจุกจิก(บางเคสมันซ่อมไม่จบง่ายๆ) เครื่องดีเซล BMW นี่คือแรงและประหยัด น่าเล่นมาก รถเค้ามาตรฐาน ขับดีอ สมรรถนะรถก็สูงอยู่แล้ว ที่สำคัญคือภาพลักษณ์ดีกว่าแบรนด์ญี่ปุ่น

แต่ถ้าซื้อแล้วตึงมือเลย ไม่ได้เผื่อเรื่องค่าซ่อมไว้ ไปรถญี่ปุ่นครับ ซื้อมือ 1 แล้วขับสบายใจไป 5 ปีดีกว่าครับ รถญี่ปุ่นมาตรฐานดีขึ้นมากแล้ว ถึงไม่ได้ดีเท่ารถยุโรปแต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเยอะแล้ว

ว่ากันเป็นรุ่นๆไปครับ เรื่องค่าเมนเทแนนท์ตอนนี้รถญี่ปุ่นก็ไม่เบาเหมือนกัน

สำหรับผมผมคงเลือกรุ่นที่เราชอบ เป็นหลัก ถ้าเป็นมือสองก็ใจเย็นๆดูสภาพดีๆหน่อย เผื่องบไว้ซ่อมซักหน่อย ส่วนถ้าเป็นมือหนึ่งก็ดูเรื่องเงื่อนไขการรับประกัน ครับ ประมาณนั้น