คือผมเป็นคนที่บริจาคเกล็ดเลือดทุกเดือนมานานแล้วครับ โดยใช้แขนซ้ายตลอดเพราะถนัดขวาครับเลยเก็บ แขนขวาไว้ใช้งาน ทีนี้เริ่มรู้สึกว่าแขนซ้ายที่บริจาคเริ่มมีอาการเจ็บจี๊ดๆที่แขนในช่วงการใช้ชีวิตประจำวัน ยิ่งใกล้ครบกำหนดนัดบริจาคจะเริ่มเจ็บอย่างรู้สึกได้ชัดเจนเลยครับ ทีนี้ระยะหลังเริ่มเจ็บจี๊กดๆและเจ็บกระตุกเกือบทุกวัน

ผมไม่ใช่คนกลัวเข็มหรือกลัวอุปกรณ์การแพทย์เลย แต่อยากรู้ว่าอาการดังกล่าวมันเข้ากลุ่มระบบประสาทหรือไม่ครับ หรือมันเป็นการเสพติดการโดนเจาะเพื่อบริจาคอะไรแบบนี้หรือไม่ครับ หรือเป็นที่ระบบสมองที่มันจะจดจำว่าแขนข้างนี้มันไว้สำหรับบริจาคอะไรแบบนี้ไหมครับ ผมมีความสุขทุกครั้งนะครับที่ได้บริจาคช่วยผู้อื่น ไม่มีปัญหากับอาการเจ็บจี๊ดๆที่แขนด้วย แต่อยากรู้ถึงที่มาที่ไปของอาการว่าเป็นเพราะอะไรประมาณนี้ครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับ

อาการที่ปวดแขนมากหลังบริจากเกล็ดเลือดอาจเกิดจาก เข็มที่เจาะ อาจโดนเส้นเอ็นกล้ามเนื้อที่แขนข้อพับ ได้ครับ ไม่ได้เป็นโรคประสาท (ยืนยันได้ ผมเป็น หมอระบบประสาท)
อาจทานยาแก้ปวด แบบ paracetamol / ibuprofen etc. + ประคบอุ่นบริเวณที่เจาะก็ได้ครับ
พักการใช้แขนนั้นไปก่อนสักพักก็ได้ครับ

ผมบริจากเกล็ดเลือด แขนซ้ายทุกเดือน ครั้งละ 2-3 ชม
ผลที่เห็นชัดตอนออกกำลังกายยกเวท แขนซ้ายจะไม่มีแรง หรือ แปลบๆ บริเวณ ที่เจาะ จริงๆครับ
ผมว่าต้องเปลี่ยนเจาะบ้างเพื่อให้รอยจากที่บริจาคฝื้นตัวได้เต็มที่

ส่วนเป็นเพราะอะไรบอกไม่ถูกเหมือนกันแต่ผมว่าผลมาจาก เจาะแขนแหละ

แต่แขนหักมา 1 ปี ยังไม่ได้บริจากเลย

ขอบคุณครับผม ^^

ลองปรึกษาเภสัช หมายเลข 2 กระทู้ก่อนหน้านี้มั้ยครับ (หยอกเล่นนะครับ )

ขอให้หายไวๆนะท่าน

ขอบคุณครับ ^^