[RE: พระเจ้าตากสินเป็นคนจีนแท้ จริงไหมครับ?]
babyboom พิมพ์ว่า:
สมัยก่อนโน้นเขาไม่ได้ถือเรื่องเชื้อชาติ สัญชาติ หรือเขตแดน คนจีนสามารถเข้ามาทำมาหากินและรับราชการในอยุธยาได้ คนอยุธยาก็ไปทำมาหากินและรับราชการในจีนได้เหมือนกัน ความแปลกแยกแบ่งว่านี่ไทยนั่นจีนเพิ่งมีมาสมัยที่เริ่มมีประวัติศาสตร์ฉบับสร้างชาตินี่เอง
ประวัติพระเจ้าตากสินที่ถ่ายทอดสู่ลูกหลานทางสายราชกุลเจ้าหญิงบุปผา ซึ่งเป็นธิดาองค์หนึ่งของพระเจ้าตาก (เคยเป็นเมียนายทองด้วงด้วย) มีเล่าไว้ละเอียดไม่ตรงกับประวัติศาสตร์กระแสหลัก โดยสมัยก่อนนั้นเขาใช้วิธีสอนลูกหลานให้จดจำและถ่ายทอดปากต่อปากรุ่นสู่รุ่น สรุปความคร่าวๆ คือ
มีราชธิดาจีนองค์หนึ่ง ชื่อ พระนางเจิ้งติ่ง (หรือนางสาวติ่ง แซ่แต้) มาค้าขายที่อยุธยา แล้วเกิดชอบพอกับพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ อยู่ด้วยกันจนมีธิดา 2 องค์ ชื่อ หม่อมนกเอี้ยงกับหม่อมอั๋น (ชื่อนกเอี้ยงน่าจะเริ่มคุ้น)
พระนางเจิ้งเติ่งอยู่ในวังก็มีศัตรูที่เกิดจากปัญหาชิงรักหักสวาท จนถูกลอบวางยาพิษตาย...
ลูกสาวคนรอง คือ หม่อมอั๋น แต่งงานกับพระยาเพชรบุรีแล้วแยกเรือนไปอยู่ที่เพชรบุรี
เหลือพี่สาวคือหม่อมนกเอี้ยงที่ยังอยู่ในวัง จนพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระสวรรคต หม่อมนกเอี้ยงก็ถูกวางยาพิษแต่ไม่สำเร็จ หม่อมนกเอี้ยงกลัวภัยจึงไปแอบหานายต้า แซ่ลิ้ม ช่างทองชาวจีนที่ชอบพอกันอยู่ให้ช่วยพาหนีไปหาน้องสาวที่เพชรบุรี แต่ทางวังใส่ความตามหลังไปว่าหม่อมนกเอี้ยงขโมยทรัพย์สินหนีไป นายต้าจึงต้องพาหนีต่อ ไปอยู่ที่บางสะพานใหญ่ (สมัยนั้นชื่อเมืองกำเนิดนพคุณ) ไปเปิดร้านเป็นช่างทอง รับซื้อทองร่อนมาทำเป็นเครื่องประดับขาย หม่อมนกเอี้ยงอยู่กินกับนายต้าจนเริ่มตั้งครรภ์
ต่อมาทางวังประกาศว่าใครร่อนทองได้ต้องขายให้พระคลังหลวงเท่านั้น จึงไม่มีใครกล้าเอาทองมาขายให้นายต้า ทำให้นายต้าทำมาหากินไม่ได้
หม่อมอั๋นรู้ว่าพี่สาวลำบาก จึงนำสำเภามารับพี่สาวหนีต่อลงไปอยู่ที่ไชยา ที่นี่นายต้าได้ทำอาชีพใหม่คือรับซื้อสินค้าพื้นเมืองส่งขายให้พ่อค้าชาวจีน
หม่อมนกเอี้ยงอยู่ที่ไชยา คลอดบุตรชาย ตั้งชื่อว่า พ่วง
เด็กชายพ่วงอายุ 3 ขวบ แม่สอนหนังสือ
อายุ 5 ขวบ ฝึกขี่ม้าคุมฝูงควายและแล่นเรือใบได้
อายุ 10 ขวบ ทำงานรับจ้างในเรือสำเภาจีน มีโอกาสได้ไปเมืองจีนและพูดภาษาจีนได้
อายุ 11 ขวบ แม่ให้บวชเณร เด็กชายพ่วงไม่อยากบวชจึงหนีลงสำเภาไปเมืองจีนและอยู่ที่เมืองจีนไม่ยอมกลับบ้านถึง 3 ปี
อายุ 14 ปี เด็กชายพ่วงกลับมาไชยา พบว่าทางบ้านมีเรื่อง นายต้าผู้เป็นพ่อกลับไปอยุธยาแล้วไปมีเมียใหม่ทิ้งให้แม่คือหม่อมนกเอี้ยงอยู่ที่ไชยา เด็กชายพ่วงโกรธพ่อจึงเลิกใช้แซ่ลิ้มของพ่อ แต่หันมาใช้แซ่แต้ของทางแม่แทน
เด็กชายพ่วงบวชให้แม่ 3 ปี สึกออกมาตอนอายุ 17 ปี ได้วิชาความรู้ที่เรียนจากในวัดเพิ่มเติม สมัยนั้นเรียกว่าเป็นคนมีการศึกษา พอดีพระยาราชบังสัน (สมัยนี้คือแม่ทัพเรือ) มางานแต่งงานญาติที่ไชยา หม่อมนกเอี้ยงรู้จักเลยพานายพ่วงไปฝากให้เป็นลูกบุญธรรม
พระยาราชบังสันพานายพ่วงกลับธนบุรี เพียงไม่นานนักก็ได้เลื่อนยศเป็นพระยาจักรีเชื่อว่าเป็นเพราะนายพ่วงเป็นคนผู้นำลาภยศมาให้ จึงเปลี่ยนชื่อนายพ่วงเป็นนายสิน
หลังจากนั้นนายสินก็รับราชการเจริญก้าวหน้าไปตามลำดับ จนต่อมาได้เป็นพระเจ้าตากสิน
สรุปว่าพระเจ้าตากสินนั้นมีพ่อเป็นจีน แม่เป็นลูกครึ่ง มีปู่เป็นกษัตริย์ไทย ย่าเป็นเจ้าหญิงจีน
ตอนที่พระเจ้าตากกู้เอกราชแล้วพยายามจะติดต่อสร้างสัมพันธไมตรีกับเมืองจีน ทางจีนไม่ยอมรับเลย คือ ไม่เกี่ยวกับว่ามีเชื้อจีนหรือไม่มี แต่ทางราชวงศ์จีนถือมากเรื่องการสืบสันตติวงศ์ว่ากษัตริย์ต้องมาจากเชื้อกษัตริย์เท่านั้น ทางจีนเข้าใจว่าพระเจ้าจากเป็นสามัญชนจึงไม่ยอมรับ ส่งราชทูตไปก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้า
ต่อมาต้องใช้สายสัมพันธ์ทางแม่ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ของจีนให้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เล่าประวัติพระเจ้าตากให้ฟังว่าเป็นหลานพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ทางจีนจึงยอมรับและเริ่มทำมาค้าขายด้วย
(อาจจะสงสัยว่าแล้วตอนนายทองด้วงชิงบัลลังก์ไปแล้วทำไมจีนยอมรับ ในประวัติศาสตร์สายนี้บอกว่านายทองด้วงบอกทางจีนว่าตัวเองเป็นโอรสพระเจ้าตาก!!)
ประวัติศาสตร์พระเจ้าตากสินที่บอกเล่าในหมู่ลูกหลานราชสกุลเจ้าหญิงบุปผานั้นละเอียดพิศดารมาก สนใจหาอ่านได้เพิ่มเติมในกลุ่มเฟสบุ้คน่าจะชื่อกลุ่มว่า ประวัติพระเจ้าตากสินสายราชกุลเจ้าหญิงบุปผา...
สายสกุลพระเจ้าตากสินสายหลักก็ยังมีอยู่นะครับ สกุล สินสุข และอินทรโยธิน เป็นต้นน่ะ
บางสายก็เป็นลูกครึ่งราชวงศ์จักรีกับราชวงศ์พระเจ้ากรุงธนบุรี เช่น อิศรเสนา ณ อยุธยา เป็นต้น
แต่ที่คุณเล่าแล้วเห็นตรงกัน คือเรื่องว่า
1. จีนไม่ยอมรับพระเจ้าตากสินเป็นกษัตริย์อยุธยาใหม่ (กรุงธนบุรี) เพราะเห็นว่าต้องให้เชื้อสายราชวงศ์เดิมได้ครองเมืองก่อน จนกว่าจะหมดวงศ์ถึงจะขึ้นเป็นต่อ ไม่ใช่ตั้งตนมาแทนดื้อๆ
รายละเอียดที่แตกต่างจากคุณเล่าคือ ตอนนั้นเชื้อสายราชวงศ์เดิมที่เป็นชาย ลี้ภัยไปอยู่ที่เขมร 2 พระองค์ (ส่วนกรมหมื่นเทพพิพิธถูกสำเร็จโทษไปก่อนหน้านั้นแล้ว) ทางเขมรจึงอ้างตนว่าเป็นอยุธยาอันชอบธรรมแข่งกัน พระเจ้าตากสินจึงยกทัพไปปราบแคว้นนั้น
หลังจากส่งจิ้มก้องมาหลายครั้ง จีนถึงมาตอบรับในรอบสุดท้าย เมื่อแน่ใจว่าพระเจ้าตากสินคือกษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว แต่กว่าเรือจิ้มก้องจะกลับมาก็เปลี่ยนแผ่นดินไปแล้ว
2. ร.1 อ้างตนว่าเป็นลูกพระเจ้าตากสิน โดยใช้แซ่ เจิ้ง ตอนจิ้มก้อง ตามพระเจ้าตากสินจริง เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์จิ้มก้องที่เพิ่งได้ไป
ภายหลังทางการจีนสืบได้ว่าไม่จริง เลยตำหนิ "แต่ก็ยังรับจิ้มก้องต่อไป" สยามก็ส่งมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเลิกส่งจิ้มก้องในสมัย ร.4 หลังจากคณะจิ้มก้องถูกกบฏไท้เผงปล้นสดมป์ตอนเดินทางกลับ บวกกับเซอร์จอห์น เบาริ่ง ที่ดูแลเมืองท่าในจีนขณะนั้นและดูแลคณะจิ้มก้องที่เพิ่งลี้ภัยมาได้ แนะนำว่า สยามไม่ควรมาส่งจิ้มก้องแบบนี้ต่อไป ควรวางตัวในสถานะการทูตเท่าเทียมกัน
ร.4 เลยอ้างเหตุไม่ส่งจิ้มก้องอีกต่อไป แม้จีนจะทวงจิ้มก้องตราบจนราชวงศ์ชิงสิ้นสุดก็ตาม