ประเด็นอยุ่ที่ว่า ถ้าสังคมมันเคร่งครัดกับกฏหมายจริงจัง
เราจะไม่เห็นเด็กแว้น ทรงเอค้ายา ทรงซ้อก็จะไม่มีผัวทรงเอ
พวกแต่งรถพวกแง้นๆขับย้อนศร เมื่อคนกลัวกฏหมายก็จะไม่กล้าทำอะไรที่แหกกฏ นอกจากนี้ถ้าสังคมมันส่งเสริมคนให้มีช่องทางลืมตาอ้าปากได้ คนก็จะมีการศึกษา หารายได้เลี้ยงปากท้องได้ไม่ต้องเสี่ยงคุก

ผมว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนะ แค่เราไม่เคยสังเกต รุ่นก่อนก็ไม่ได้ดีกว่ารุ่นปัจจุบัน สุดท้ายมันก็วนเป็นวัฏจักรเหมือนรุ่นก่อนๆแหละ

เอาเท่าที่เจอ คือ คนกลุ่มนี้ ( ซ้อ เอ ) มันเยอะ ทั้งตัวเอง เยอะทั้งจำนวนลูกหลาน ตาม ตจว คนกลุ่มนี้ใช้จ่าย บริโภคเยอะนะครับ ตามตลาดนัด เปิดท้าย งานวัด นี่ค่อคนรันวงการเลย ทั้งคนขาย คนซื้อ

แต่ให้ครองโลกมันไม่ได้หรอกเพราะกลุ่มชนชั้นปกครองก็รันวงการตัวเองเหมือนกัน

ถ้าตัดประเทศไทยออกไปดูประเทศอืนๆด้วยก็ค่อนข้างจริงแม้แต่ในประเทศใหญ่ๆ และการจัดอันดับประเทศที่ถูกยกว่าฉลาดเบอร์ต้นๆของโลก จากสถิติของ Vouchercloud อย่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ แคนาดา เกาหลีใต้

พวกนี้ยังกังวลกับกลุ่มคนฉลาดที่มีอยู่กระจุกเดียวและไม่ค่อยเพิ่มประชากรคนฉลาด แต่กลุ่มคนไม่ฉลาดเพิ่มประชากรได้เร็วกว่า เลี้ยงดูแบบตามีตามเกิด จนหนังสือ ภาพยนต์ หรือซีรีย์ ก็หยิบไปเขียนไปสร้าง

แม้แต่ฟินแลนด์ประเทศการศึกษาดีตอนนี้ก็แอบกังวล



ถ้าจากข่าว จากตัวนักเรียนเอง หรือผู้ปกครอง ระดับความสามารถของเด็กในประเทศลดลงในวิชา เริ่มจาก คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และล่าสุด ฟิสิกส์

กลุ่มเก่งคือเก่งไปเลย แต่กลุ่มไม่เก่งเพิ่มขึ้นแบบที่ต้องกังวล จริงๆอาจเป็นผลจากยาเสพติดที่เพิ่มขี้นของตัวฟินแลนด์ ถ้าตามข่าวจะเป็นการเมืองเกี่ยวกับการปล่อยให้ใช้สิ่งเสพติดที่บ้านได้ และคนที่ขายยาคือนักการเมือง

ส่วนสหรัฐอเมริกา ก็รู้ๆกัน หลังๆเสรีภาพมากไปนิด จนเกิดการเรียนรุ็แบบเก่าๆ เชื่อโลกแบน เชื่อว่าโควิท เป็นการโปรโมตภาพยนต์และไม่มีอยู่จริง เชื่อว่าการไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนหรือมหาลัย จะทำให้ถูกหลอกจากรัฐบาลได้ง่าย เชื่อว่าการฉีดวัคซีน ทำให้ตายไวและทำรัฐลาลแอบฝังหรือทดลองอะไรในร่างกายได้

กลุ่มเหล่านี้เติบโต 7-10% ต่อปีจากจำนวนคนในกลุ่มก่อนหน้านี้ และในปี2022 เติบโตแบบก้าวกระโดด

หลายคนไม่ฉีดวัคซีนให้ลูก ไม่ส่งลูกไปเรียน สอนเรื่องโลกแบนให้ลูก ตอนแรกก็คิดว่าเรื่องตลก ทำไปทำไมเรื่องจริงซะงั้น

ฟินแลนด์ที่หลายคนอวยๆ กัน นี่เป็นผลจากการกินบุญเก่าด้วยนะครับ

พอมาอ่านวิธีการเรียน การสอนแล้ว เขากำกับชัดว่า สัดส่วนนักเรียนต้องน้อย ถึงจะได้ผล แล้วสัดส่วนโรงเรียนรัฐมีสูงกว่าเอกชนมาก เลยทำได้

มาดูแบบนี้ผมว่าไทยไม่เหมาะจะใช้แบบฟินแลนด์ ถ้าทำได้ก็แค่โรงเรียนเอกชนทางเลือก ซึ่งค่าเทอมไม่ใช่ถูกๆ กลายเป็นเหลื่อมล้ำหนักไปอีก

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ถ้าใครอยากฟังทฤษฎีนี้แบบเป็นคลิป แนะนำให้ดูหนังเรื่อง อัจฉริยะโลกเพี้ยน (ชื่อ eng จำไม่ได้ละ)

เรื่องนี้หรือเปล่าครับ Idiocracy (2006)

ใช่ครับ ต้นเรื่องอธิบายแบบในมู้พันทิปเลย

ผมคิดตรงข้ามแฮะ
โอเคแหล่ะ ด้วยปริมาณมันจะเยอะมากขึ้นอาจจะกินสัดส่วนประชากรเกินครึ่ง แต่ก็หมายความว่าตลาดคนฉลาดคู่แข่งมันก็น้อยลงเหมือนกันอะครับ
แล้วพวกนี้เกิดง่ายก็ตายง่ายเหมือนกันนะ ตายจากอุบัติเหตุโง่ๆ ตายจากอะไรโง่ๆ ปีๆนึงก็ไม่น้อยอะ ขี่มอไซค์ซ้อนสามอยู่ๆตัดเลนเลี้ยวดื้อๆ โดนชนตายหมดสาม กินเหล้าคุยกันไม่ถูกคอยกพวกตีกันตาย ตายแบบอิหยังวะแบบที่คนปกติมองแล้วรู้สึกว่ามึงทำไปทำไมวะ อะไรแบบเนี๊ยะก็มีข่าวอยู่เรื่อยๆ

แมลงเยอะก็ไม่ได้ครองโลกได้อะครับ มีแต่ปริมาณ สุดท้ายก็มีชีวิตไปตามคนฉลาดบงการอยู่ดี ด้วยเทคโนโลยีและความเจริญสมัยนี้ คนฉลาดแค่คนเดียวก็มีตัวช่วยให้ทำอะไรได้เยอะขึ้นกว่าสมัยก่อนอะครับ เกิดไม่ต้องเยอะ ใช้เทคโนโลยีมากลบจุดต่างตรงนี้แทน

ในแง่ปริมาณ น่าจะใช่
แต่ผมว่าเทคโนโลยีบวกและสังคมทุนนิยม มันจะยิ่งทำให้การควบคุมยิ่งไหลไปอยู่กับคนที่ฉลาดจริงๆกับกลุ่มคนแค่บางกลุ่มมากขึ้นกว่าเดิม

มีแต่คนรวยแค่1-2%นั้นแหละครับที่ครองโลก ที่พวกคุณมึงเห็นแค่ครองสื่อเฉยๆ

ในอนาคตถ้าเด็กที่มาจีบลูกหลานเรา ชื่อ ออลนิว นี่นึกทรงพ่อแม่ออกเลย

อะไรนะ ซื้อเพราะ comodities