ภาษีรถอย่างโหด ในขณะที่ต่างประเทศได้ขับรถดีๆแต่จ่ายในราคาปกติ เพราะอะไรครับ

ภาษีครับ

เก็บกันเยอะเกินเก็บซ้ำซ้อนเยอะเกิน

ขนาดประกอบในประเทศยังเก็บภาษีแพงเลย

ดูอย่างพวกอีโคคาร์ที่รัฐเก็บภาษีน้อย(ยังเก็บอยู่นะ) รถมันก็ถูกลงมาเยอะ



ยกตัวอย่างต่างประเทศ เอาสหรัฐแล้วกัน

ดูราคาแคมรี่สิ


ถูกกว่าบ้านเราเยอะเลย ไม่ได้นำเข้านะ ประกอบในเมกาเองเลย

ถามว่าค่าแรงไทยแพงกว่าเมกาเหรอ ก็ไม่ แล้วทำไมราคารถบ้านเราแพงกว่าชาวบ้าน

คำคอบก็อย่างที่บอกไป ภาษีจ้า

ซื้อรถก็เหมือนช่วยชาติ (ช่วยหาเงินให้นักการเมืองแดกมากกว่า)

อิ่มๆ

ภาษีด้วยส่วนนึง(เกิน 50% ที่มีส่วนทำให้แพง) แต่ก็มีอย่างอื่นที่ทำให้แพงขึ้นด้วย เช่น ค่าเงิน, ส่วนประกอบ, อะไหล่บางอย่างต้องนำเข้าอย่างเดียว และจำนวนรถที่ขายได้ เป็นต้น ยกตัวอย่างไทยขายแคมรี่ได้แค่หลักพัน/ปี แต่เมกาขายได้หลักแสนคัน/ปี ตลาดมันต่างกันมากจึงสามารถกดขายได้ราคาถูกกว่า

แต่พวกภาษีประจำปีแพงกว่าของไทยแน่ๆ อย่างญี่ปุ่นนี่แพงมากก

ที่ขายได้หลักพัน เพราะราคาที่แพงเกิน

คนมันสู้ราคาไม่ไหวไงครับ คนมันเลยจบที่รถระดับต่ำลงมา

Option ที่ให้มาก็โคตรอ่อน ราคาก็แพง

แถมหลังๆ กัดฟันเพิ่มเงินอีกนิดไปขับพวกยุโรปดีกว่า

ภาษีแหละครับ
แต่ผมเดาว่ามันมีสาเหตุอยู่นะ
คือเราเก็บภาษีได้ค่อนข้างน้อย เพียงแค่ 15-17/% จาก gdp เองมั้ง
ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว เก็บได้มากถึง 30-40%

อย่างภาษีมูลค่าเพิ่มก็เก็บจริงเพียง 7%
ภาษีบุคคลธรรมดา เก็บได้เพียง 4-5 ล้านคนจากประชากร 60 กว่าล้าน

เลยต้องไปเก็บพวกภาษีที่มันบังคับตั้งแต่ต้นทาง
เช่น ภาษีรถยนต์ ภาษีน้ำมัน ภาษีค่าโอนที่ดิน

แต่ถ้ารัฐลดภาษีลงมาราคามันก็ไม่ลงเยอะหรอกครับ ผมว่าการเก็บภาษีด้วยวิธีนี้มันมีข้อดีอย่างคือ
คนขายไม่กล้าตั้งราคาแพงมาก แต่ข้อเสียคือโดนตัด Option ไปเยอะเลย

tariff เพื่อปกป้องธุรกิจประกอบรถในประเทศ
ความตั้งใจคือให้มาผลิตชิ้นส่วน ประกอบ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และสร้างงานให้คนในประเทศ แทนที่จะส่งมาขายอย่างเดียว
แต่ที่ยอม BEV (มีเรื่องผลประโยชน์ด้วยเลยเลือกแค่จีน) เพราะต้องการสร้าง demand เพื่อให้ผู้ผลิต BEV เห็นว่ามาลงทุนแล้วมีคนซื้อใช้จริง

ประเทศเราตีความรถยนต์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยครับ เลยมีช่องให้เก็บภาษีแบบจุกๆ เลย

แต่ในความเป็นจริงประเทศเราขนส่งมวลชนอย่างห่วย ทางเท้าอย่าง Here แล้วจะไม่ให้คนซื้อรถยังไงก๊อนน

ขึ้นรถเมล์วันดีคืนดีเจอสาย 8 อีก

แพงจริงครับ แต่ก็มีเหตุผลของมันแหละ บ้านเราเก็บภาษีเข้าระบบได้น้อยจริงๆ นี่ขนาดแพงมากๆแล้วรถยังล้นถนนอยู่เลย อยากให้พัฒนาขนส่งสาธารณะมากกว่า

ภาษียิบย่อย เยอะ

รถนำเข้า ภาษีอากร 80% ภาษีสรรพสามิต 50% ภาษีมหาดไทย 10% คิดจากสรรพสามิตอีกที และ ขาย + Vat 7%


รถในประเทศมันไปแพงตรงที่ คิดภาษีอากร จากอะไหล่นำเข้ามาประกอบ แล้วโรงงานมาตั้งราคารถอีกที หลังจาก บวก ภาษีอากรแล้ว ที่เหลือก็บวก สรรพสามิต อีก 50% ภาษีมหาดไทย 10% คิดจากสรรพสามิตอีกที และ ขาย + Vat 7%

ประเทศเราเก็บภาษีปลายทางได้น้อยมาก เลยมาเน้นเก็บภาษีต้นทางเอาครับ

แต่ถ้าเก็บภาษีปลายทางได้เยอะ ก็ต้องลดการเก็บภาษีต้นทางอยู่ดี

มันก็มีข้อดีอยู่ คือประชาชนถ้าเงินไม่ถึงจริงๆ ก็ไม่ต้องซื้อพวกสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ต้องเสียภาษี เอาเงินไปซื้อข้าวกินดีกว่า เอาเงินไปสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนดีกว่า

เคยอ่านบทความน่าสนใจ

สิงค์โปร์ราคารถแพงกว่าเรามาก เพราะเค้าต้องการให้มีการใช้รถให้น้อย
เหตุผล สมมุติการขับรถกันมากก่อให้เกิดปัญหารถติด วิธีแก้คืออะไร
วิธีแก้คือ สร้างถนนเพิ่ม หรืออื่นๆ ซึ่งแก้ไปแก้มา สุดท้ายก็ตันอยู่ดี

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการลดการใช้รถส่วนตัวด้วยการเก็บภาษีแพงๆ ให้คนซื้อยาก
พอคนใช้รถน้อยลง การสร้างถนนเพิ่มก็น้อยลง เอาพื้นที่ไปทำประโยชน์อื่นๆ ปลูกต้นไม้ ...

ซึ่งบ้านเรา ก็เอาแนวคิดนี้มา แต่ด้วยความไม่พร้อมหลายอย่าง รถสาธารณะไม่ได้เรื่อง ฝุ่น
ทำให้เราทำอย่างเค้าไม่ได้

จริงๆบ้านเราถ้าดูโครงสร้างภาษี ไม่เอื้อให้ใช้รถส่วนตัวเลย
ทั้งการเก็บภาษีรถยนต์ และภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง สูงมากกก

กลับกัน ถ้าเราลดภาษีเหล่านั้นลง ใครๆ ก็ซื้อรถได้ ตอนนี้ กทม จะเป็นอย่างไร ?

ขนาดรถแพง รถยังเต็มกทมเลย รถโคตรติดทั่วภูมิภาค คนๆนึงเฉลี่ยมีรถกันคนละ2คันด้วยซ้ำมั้ง

ท่านไปดูมาเลเซียก็โหดน่ะ รถผลิตในประเทศก็ถูกกว่าแบบบังคับกลายๆให้ใช้โปรตรอน
เมื่อก่อนผมคิดว่าที่ไทยรถภาษีโหด เจอมาเลเซียไปแพงกว่าเราอีกครับ แต่ที่เมการถถูกจริงๆ