ไม่เปลี่ยนขนาดนั้นครับเขาเพิ่มรายละเอียดมาเพิ่ม ส่วนแกนเนื้อเรื่องหลักเหตุการณ์สำคัญๆไม่เปลี่ยน เปลี่ยนแค่ดีเทลเล็กๆน้อยเท่านั้น ก็คงใส่รายละเอียดมาแทนการอ่านจดหมาย+ฉากแอคชั่นในเกมนั้นแหละ

รู้สีกแปลกๆกับเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเกย์2คน กางรั้วเลี้ยงไก่อยู่ชิวๆละ มุมมองผมก็ overrate อีกคน

โรแมนติกด้วยหรอครับ

โดยส่วนตัวชอบมากเลยครับ

ใช่พี่ บรรเลงเพลงรัก และมีซู้ดผัดไทยกันด้วยพี่ แหะๆ

ฉันที่ตั้งใจจะมาดูซอมบี้ นี่อึ้งไปพักนึงเลยอะ

แม้ไม่ได้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดือนปีเดียวกัน
อะโหย โรแมนติกซะ ฉันน้ำตาเล็ดเลยพี่

ผมให้เวอร์ชั่นเกมดีกว่า เพราะ เฮนรี่ ในเวอร์ชั่นเกม ดูมีสเน่ห์และทำให้ผมหลงรักได้มากกว่าตัวละครเวอร์ชั่นซีรี่ย์

คือในเกมเราเหมือนจะได้รู้จัก เฮนรี่ เยอะกว่าในฐานะ "พี่ชาย" ตั้งกฎต่างๆขึ้นมา เพื่ออยู่รอดในโลกแบบนี้ แต่เราก็จะเห็นได้ว่า เฮนรี่ ก็ยังมีความฝัน มีความเป็นเด็กอยู่ดี ตอนคุยเรื่องมอเตอร์ไซค์กับ โจเอล

ต่างจากตัวเฮนรี่ในซีรี่ย์ ที่บทมันไม่ค่อยทำให้คนดูหลงรักได้ซักเท่าไหร่ คือจะมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า ส่วนในฉากท้ายที่เป็นฉากไคลแมกซ์ เฮนรี่เวอร์ชั่นเกม ดึงอารมณ์ได้ดีกว่าเยอะ

เพราะงั้นตอนนี้ผมเลยยกให้เวอร์ชั่นเกมทำได้ดีกว่า

เอาตรงๆส่วนตัวผม เคมีของเอลลี่คนนี้มันเข้ากับใครในเรื่องยากจริงๆอะ ลองไปดูความเข้ากันของ เอลลี่ ในเกม กับ แซม นี่คือแบบ โคตรดี อย่างที่บอกแต่แรก ว่าเอลลี่เวอร์ชั่นซีรี่ย์ น้องดูโต ดูโข่งเกินกว่าจะมารับบทนี้ไปเยอะเลย ไม่ใช่แสดงไม่ดีนะ ทุกอย่างดีหมดแหล่ะ ติดแค่ลุคภายนอกจริงๆที่มันขัดตาไปหมด

แต่อีพีนี้เปิดแผลให้เห็นแล้วหนึ่งดอกแล้วจะส่งผลยาวไปถึงตอนจบแน่นอน ว่าทำไมเอลลี่ถึงมุ่งมั่นที่จะอยากทำในสิ่งที่โจเอลไม่ยอมให้เอลลี่ทำในตอนท้ายเรื่อง จากการที่เอลลี่พยายามเอาเลือดช่วยแซมตอนท้าย

ส่วนที่เหลือผมยังค่อนข้างผิดหวังในความสัมพันธ์ของ โจเอล กับ เอลลี่ อยู่นะถึงตอนนี้

ตั้งแต่เปิดเรื่องมาแล้ว คือในเกมมันค่อนข้างชัดเจนว่า โจเอล ไม่อยากช่วยเหลือเอลลี่ นี่คือภาระที่จะทำให้ตัวเค้าเองไม่ปลอดภัย แต่สุดท้าย ก็จำใจที่จะต้องทำ ไปจนถึงกลางเรื่องจากที่มองว่าเด็กคนนี้เป็นภาระสำหรับตัวเอง กลายเป็นว่า เค้ารู้สึกผูกพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ จนแสดงออกชัดเจนว่า ไม่อยากเสียเด็กคนนี้ไป

ส่วนตัวผมมองว่า ในเวอร์ชั่นซีรี่ย์ ไม่ค่อยเล่นตรงนี้ให้มันชัดเจนเหมือนในเกมซักเท่าไหร่ คือมันกั้กๆ จะไม่อยากก็ไม่สุด จะอยาก จะเป็นห่วงก็ยังไม่สุด

ซึ่งพอถึงช่วงเจอ แซม กับ เฮนรี่ เนี่ย โจเอลเปิดใจให้กับเอลลี่ เรียบร้อยแล้วนะ ในเวอร์ชั่นเกม ที่เจ้าตัวเป็นห่วงเอลลี่สุดๆ แต่ในเวอร์ชั่นหนัง ยังสัมผัสอะไรแบบนั้นไม่ได้เลย ว่าโจเอลเป็นห่วงเป็นใยอะไรเอลลี่ซักเท่าไหร่

ถ้าไม่เล่นตรงจุดนี้นี่คือผมว่ายังไม่ผ่านจริงๆ ในเรื่องความสัมพันธ์ แต่คือไม่แปลกจริงๆ เพราะตัวซีรี่ย์ในแต่ละตอน แม่งให้เวลากับ โจเอล และ เอลลี่ น้อยมากจริงๆ ไปเน้นเล่าเรื่องอื่นซะเยอะ อย่าง อีพี 3 อัดเรื่องบิลกับแฟรงค์มาทั้งตอนเลย ในความรู้สึกตอนนี้คือ โจเอลกับเอลลี่ ได้แอร์ไทม์น้อยไปสุดๆสำหรับคำว่า "สองตัวละครหลัก"

แต่ถามว่าดีมั้ย มันดี ที่ได้เห็นเรื่องราวอะไรในโลกนี้เพิ่มมากขึ้น แต่กลัวว่า พอไปถึงช่วงดราม่าแล้วผมจะไม่ซื้อเหมือนในเวอร์ชั่นเกม ที่มันค่อนข้างชัดเจนว่า โจเอลคิดยังไงกับเอลลี่ และ เอลลี่คิดยังไงกับโจเอล มันมีแค่ใน ep4 ที่ใส่มาแบบซัก 5% ของ ep4 ทั้งตอน แค่นั้นเอง แถมจากการเล่นมุขควายอันนั้นรวมถึงเอลลี่ยิงคนเพื่อช่วยโจเอลและโจเอลพูดปลอบใจเอลลี่ ถ้าจะบอกว่าแค่นั้น ทำให้ทั้งคู่เป็นห่วงเป็นใยกันแล้วนี่ ถือว่าห่างชั้นกับในเกมอย่างมากเลย ถ้าจะมาขาดกันไม่ได้เพราะเรื่องแค่่นี้คือโอเคว่าใส่มาแล้ว แต่มันแบบ น้อยไปมั้ยอะ

ในเวอร์ชั่นเกมทั้งสองคนผูกพันธ์กันจากการผ่านเหตุการณ์ต่างๆหลายๆอย่าง ผลัดกันช่วย ผลัดกันดูแลกัน จนคนที่ได้ดูรู้สึกได้เองโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูดออกมาเลยว่า สองคนนี้แม่งขาดกันไม่ได้แล้ว แบบนั้นเลย ซึ่งซีรี่ย์ ยังทำให้ผมรู้สึกตรงนี้ไม่ได้เลยแฮะ แล้วกลัวว่ามันจะผ่านจุดนั้นไปแล้วโดยไม่กลับมาเล่นเรื่องนี้อีกแล้วนี่สิ

เปลี่ยนตามที่ผมบอกเลยครับ ในเกมไม่มีเรื่องทรยศ เป็นแค่คนที่หนีจากกลุ่มที่ล่าคนด้วยกันเฉยๆ

สำหรับผมที่เล่นเกมแต่ลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว

Ep นี้ไม่ค่อยดึงอารมณ์เท่าไร มันสูตรสำเร็จไปหน่อย

เลยเดาทางได้ (แฟนผมไม่เคยเล่นเกมก็เดาถูก)

แฟนเกมที่ไม่ชอบนี่ผมว่าดูเวอร์ชั่นเกมเป็น base ของทุกอย่างมากเกินไปหน่อยครับ แล้วก็คงคาดหวังสูงด้วย
น่าจะลองมองมุมที่มันเปลี่ยนจาก original ที่เป็นเกมมาเป็น "a feature film" แล้วดูว่าปรับแต่งยังไง
เพิ่มตรงไหน ตัดอะไรออก หรือยังคงตรงไหนไว้

มองเป็นก้อนเดียวใหญ่ๆ last of us มันผสานเกมกับหนังได้แทบจะไร้ที่ติแล้ว ทุกอย่างมัน make sense
ความรู้สึกบางอย่างตอนดูที่อาจจะต่างจากเกมไปบ้างต้องคิดว่าเรากำลังเสพมันในอีก medium นึงอยู่
แล้วมันเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ยังคงหัวใจของเกมไว้

สำหรับผมมันมีมุมให้แฟนเกม appreciate เยอะแยะ มากกว่าจุดที่น่าจับผิด ถามยังเป็นการดูที่เอ็นจอยกว่าเยอะด้วย
อย่าไปโฟกัสว่าตรงไหนในเกมเป็นยังไง ในซีรีย์ควรทำแบบไหนเลยครับ เอาความรู้สึกในเกมมาเป็นเหมือนกิมมิคก็พอ

จริงครับ ผมก็รู้สึกมันไม่ได้ดึงอารมณ์ขนาดนั้น
จขกท อาจจะหวังมาแบบนี้ แต่ส่วนตัวผมว่า Overrated ไปหน่อย

ดูให้มันเป็นซีรี่ย์เรื่องนึงครับ

ถ้าเอาเกมส์เป็นที่ตั้งทั้งดุ้น ก็ไม่ต้องดูหรอกมันสุ้ไม่ได้อยู่แล้ว

แล้วถ้าดูดีๆเขานำเสนอให้ตัวละครสมทบอื่นๆ เด่นกว่าโจซะอีก การนำเสนอก็ต่างกันแล้ว

เกมสมบูรณ์แบบสุดแล้วครับ

แม้กระทั่งโจเอลกับเอลลี่เอง

ต้องคนไม่เคยเล่นเกมอะ จะอินกับหนังกว่า เพราะไม่เคยเห็นต้นฉบับ

ผมไม่เคยเล่นเกมเลยดูแบบไม่มีตัวตั้งต้นอะไรทั้งนั้น บอกเลยว่า ep4 ที่ชอบมากในด้านของดราม่าความรัก มาเจอ ep5 เข้าผมนี้น้ำตาแตกเลยครับ โคตรดราม่า ยกให้เป็นซีรี่ย์ใน HBO ที่เข้มข้นเรื่องนึงเลยทีเดียว

ผมดูมาถึงEP3 ทำทันรู้สึกเนือยๆเหมือนThe Walking Dead ซีซั่นหลังๆเลย

สงสัยไม่ถูกจริตจริงๆ ควรไปต่อดีมั้ยครับ

ผมเคยพยายามเล่นแต่เจอ Motion Sickness เลยแพ้บายไป

ผมชอบนะ ผมคิดว่าคนไม่เคยเล่นเกมส์มาก่อนจะต้องชอบอยู่แล้ว เพราะยังไงซีรี่ส์มันก็ทำให้เข้มข้นกว่าเกมส์ไม่ได้ Airtime ก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว ตอนนึง 47 - 50 กว่านาทีงี้ ยังต้องปูพื้นให้รู้ว่าใครเป็นใครมาจากไหน มีเหตุผลแรงจูงใจอะไร ก็ไม่แปลกเลยถ้า Joel จะไม่เด่น