ยิงกันกระจุย! วินิซิอุส,บัลเบร์เด้แบ่งเบิ้ล 'ราชัน' ถล่มอัล ฮิลาล 5-3 ซิวแชมป์โลก
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เป็นเกมที่เปิดเกมรุกใส่กันสนุกเลยทีเดียวก่อนที่ เรอัล มาดริด จะจัดการเอาชนะ อัล ฮิลาล ไปด้วยสกอร์ 5-3 โดยได้จากการซัดเบิ้ลของ วินิซิอุส จูเนียร์ และ เฟเด้ บัลเบร์เด้ บวกกับอีกลูกของ คาริม เบนเซม่า ทำให้ทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์สโมสรโลกไปครองมากที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นสมัยที่ 5
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3
2.
ดานี่ การ์บาฆาล

79'
18.
โอเรลิแย็ง ชูอาเมนี่

62'
8.
โทนี่ โครส

74'
10.
ลูก้า โมดริช

74'
9.
คาริม เบนเซม่า

62'
ตัวสำรอง
6.
นาโช่

74'
21.
โรดรีโก้

62'
5.
เฆซุส บาเญโฆ่

79'
11.
มาร์โก อเซนซิโอ้

74'
19.
ดานี่ เซบาญอส

62'
ชิงแชมป์สโมสรโลก
สนาม ปรินซ์ มูลาย อับดัลเลาะห์
เสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566
กรรมการ แอนโธนี่ เทย์เลอร์
เรอัล มาดริด
5
3
อัล ฮิลาล
1-0 วินิซิอุส 13'
2-0 บัลเบร์เด้ 18'
3-1 เบนเซม่า 54'
4-1 บัลเบร์เด้ 58'
5-2 วินิซิอุส 69'
2-1 มาเรก้า 26'
4-2 เวียตโต้ 63'
5-3 เวียตโต้ 79'
มาดริดในระบบ 4-3-3 วันนี้ได้ เบนเซม่า ฟิตกลับมาลงเป็นตัวจริงค้ำหน้าในเกมเกมรุก โดยมี วินิซิอุส,บัลเบร์เด้ ขนาบข้าง ตรงกลางยังเป็น โมดริช,โครส,ชูอาเมนี่ แผงหลังซ้ายไปขวา คามาวินก้า,อลาบ้า,รูดิกเกอร์,การ์บาฆาล และ ลูนิน เฝ้าเสาแทน คูร์กตัวส์ ที่เจ็บตามเดิม
ฝั่งอัล ฮิลาลมาเล่น 4-2-3-1 โดยฝากความหวังไว้กับกกองหน้าตัวเก่งอย่าง มาเรก้า โดยมีตัวหนุนอย่าง เวียตโต้,อัล-ดอว์ซารี,คาริโญ่ ตัวสำรองยังมี อิกฮาโล เป็นทีเด็ดสำหรับแนวรุก
•
นำเร็วเลย!วินิซิอุสหลุดแปไม่พลาด
แล้วเริ่มเกมมาได้ไม่นานเรอัล มาดริดมาได้ประตูขึ้นนำเลยจากโอกาสลุ้นยิงครั้งแรกของเกม เป็นจังหวะที่เบนเซม่าได้บอลเล่นชิ่งมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนบไหลให้วินิซิอุสหลุดเข้าไปแปด้วยขวาในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเรียดติดขาอัล-มายุฟปลิ้นเข้าประตูไปเลย 1-0 ราชันชุดขาวเฮนำเร็ว
เวียตโต้ลองซัดไกลยังไม่ตรง
อัล ฮิลาลได้โอกาสลุ้นครั้งแรกจากลูกยิงไกลของเวียตโต้ เขาซัดด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งแรงออกหลังไป
บัลเบร์เด้ซัดแฉลบ 2-0 ราชันบวกเพิ่ม
มาดริดมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่โมดริชได้บอลมาทางริมกรอบฝั่งขวาก่อนเปิดพุ่งไปหน้าประตูแล้วอัล-มายุฟล้มตัวปัดบอลลอยโด่งแล้วฮยอน-ซูโหม่งเคลียร์ไม่ดีเข้าทางบัลเบร์เด้ที่วางเท้าซํดด้วยขวาพุ่งเรียดแฉลบบล้อคปลิ้นผ่านมูายุฟตุงตาข่ายไปเลย
เบนซ์ส่องไกลติดเซฟ
มาดริดยังเป็นฝ่ายครองบอลบุกต่อเนื่อง คราวนี้พวกเขาได้ลุ้นจบจากจังหวะยิงไกลด้วยขวาของเบนเซม่า บอลพุ่งตรงกรอบแต่ไปติดเซฟอัล-มายุฟ
มาเรก้าหลุดซัด 2-1 อัล ฮิลาลมีฮึด
อัล ฮิลาลได้เฮบ้างเมื่อพวกเขามาได้ประตูตีไข่แตกตีตื้นเป็น 2-1 จากจังหวะสวนกลับเร็วที่คานโน่แทงบอลจากกลางสนามให้มาเรก้าหลุดไปในกรอบเขตโทษ เขาจัดการแปด้วยขวาเรียดไปติดมือลูนินแต่ก็ยังปลอ้นเข้าประตุไปได้
มาเรก้าซัดไกลคราวนี้ไม่คม
อัล ฮิลาลมีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอจากจังหวะที่อับดุลฮามิดแทงบอลใหมาเรก้าได้โอกาสซัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ แต่คราวนี้พุ่งหลุดกรอบ
เบนซ์ชาร์จจวนตัวหลุดกรอบ
จังหวะน่าได้้สุดของมาดริด บัลเบร์เด้ได้บอลหน้ากรอบฝั่งขวาเขาจัดการเปิดพุ่งไปหน้าประตูแล้วเข้าทางเบนเซม่าที่วางเท้าแปด้วยขวาแบบจวนตัว แต่บอลพุ่งย้อนศรออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ท้ายเกมมาดริดยังบุกมากกว่าและมาได้่โอกาสยิงส่งท้ายจากจังหวะซัดไกลของโมดริชแต่บอลก็ยังไปติดเซฟอัล-มายุฟ ก่อนจบ 45 นาทีแรกเป็นมาดริดที่นำอยู่ 2-1
เปิดหัวครึ่งหลังโครสได้ซัดหลุดกรอบ
เริ่มครึ่งหลังมาไม่ทันไรมาดริดไ้ด้โอกาสลุ้นจบสกอร์จากจังหวะยิงไกลของโครส บอลพุ่งได้น้ำหนักแต่หลุดกรอบไป
ทำสวย!วินิซิอุสดีดถวายพานเบนซ์ชาร์จจ่อไม่เหลือ 3-1
แล้วราชันชุดขาวมาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่วินิซิอุสเล่นชิ่งกับคามาวินก้าหลุดมาทางริมกรอบฝั่งซ้าย ก่อนที่เขาจะดีดไซด์ก้อยไปหน้าประตูให้เบนเซม่าโฉบมาชาร์จจ่อๆตุงตาข่ายไปเลย
ไปกันใหญ่!บัลเบร์เด้เบิ้ลนิ่มๆ 4-1 ราชันสกอร์ไหล
สถานการณ์เข้าทางมาดริดไปกันใหญ่เมื่อพวกเขามาได้ประตูไหลเป็น 4-1 จากจังหวะที่การ์บาฆาลเติมขึ้นมาเล่นชิ่งกับบัลเบร์เด้หลุดมาทางริมกรอบฝั่งขวา ก่อนที่จะบรรจงปาดไปหน้าประตูให้บัลเบร์โฉบตวัดยิงสวนตัวอัล-มายุฟตุงตาข่าย
ยังมีหวัง!เวียตโต้หลุดเดี่ยวซัดไม่พลาด 4-2
อัล ฮิลาลยังไม่ยอมหมดหวังเมื่อพวกเขามาได้ประตูตีตื้นไล่ขึ้นมาเป้็น 4-2 จากจังหวะที่อับดุลฮามิดแทงบอลจากตรงกลางสนามให้เวียตโต้หลุดไปดวลเดี่ยวชิพสวนตัวลูนินเข้าไปแบบเด็ดขาด ทำให้ตัวแทนเอเชียยังพอมีหวังในเกมนี้
วินิซิอุสเบิ้บ 5-2 ราชันหนีไปอีก
มาดริดมาได้ประตูหนีเป็น 5-2 จากจังหวะที่ฝั่งอัล ฮิลาลสกัดมาเข้าทางเซบาญอสที่พาบอลพลิ้วเข้าไปในกรอบฝั่งซ้าย จังหวะสุดท้ายเขาดึงบอลหลอกแนวรับแล้วมาเข้าทางปืนวินิซิอุสที่แปด้วยขวาพุ่งเสียบเสาสองคมกริบ กลายเป็นการเบิ้ลของกองหน้าบราซิลไปเลย
วินิิซิอุสเกือบได้แฮตทริค
วินิซิอุสเกือบทำแฮตทริค จากจังหวะที่ได้บอลกระชากมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนได้เหลี่ยมวางเท้าซัดด้วยขวาพุ่งแรงเฉี่ยวข้ามคานไปนิดเดียว
โรดรีโก้ซัดเรียดติดเซฟ
มาดริดยังได้ลุ้นต่อเนื่อง คราวนี้เป็นจังหวะที่วินิซิอุสลุยขึ้นมาแล้วจ่ายให้โรดรีโก้ได้ซัดหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งเรียดไปติดเซฟอัล-มายุฟ
บัลเบร์เด้ซัดแฉลบติดเซฟ
อีกครั้งของมาดริด เป็นจังหวะที่บัลเบร์เด้รับบอลจากเซบาญอสหน้ากรอบเขตโทษ เขาวางเท้าซัดด้วยขวาพุ่งแฉลบบล็อคตรงกรอบแต่ก็ยังไปตรงตัวติดเซฟอัล-มายุฟ
ยังไม่ยอม!เวียตโต้เบิ้ลจ่อๆ 5-3 อัล ฮิลาลมีฮึด
อัล ฮิลาลก็ยังไม่ยอมง่ายๆเมื่อพวกเขาฮึดได้ประตูไล่ขึ้นมาอีกครั้งเป็น 5-3 จากจังหวะความผิดพลาดของคามาวินก้าไปที่เสียบอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง เป็นเดลกาโด้ที่โฉบเอาบอลกระชากหลุดไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายถึงเส้นหลังก่อนตบไปหน้าประตูให้เวียตโต้หมุนตัวคล้องบอลก่อนแปโล่งๆเข้าไปเลย
มาเรก้ยิงโล่งๆพลาดเฉย
อัล ฮิลาลน่าได้ประตูแบบสุดๆ จากจังหวะที่เดลกาโด้ได้บอลลุยมาทางกรอบฝั่งซ้ายก่อนเปิดแฉลบแล้วบอลมาเข้าทางเวียตโต๋ได้ซัดหน้าประตูติดบล็อค บอลกระดอนมาเข้าทางมาเรก้าทางเสาสองแต่เขาแปโล่งๆหลุดกรอบไปแบบเหลือเชื่อ
อเซนซิโอ้ซัดไกลติดเซฟ
มาดริดก็ยังมีโอกาสจบเรื่อยๆเหมือนเดิม คราวนี้เป็นจังหวะที่คามาวินก้ากระชากบอลลุยมาถึงหน้ากรอบเขตโทษก่อนจิ้มต่อให้อเซนซิโอ้ได้โอกาสซัดด้วยซ้ายเน้นๆแต่ยังไปติดเซฟอัล-มายุฟ
ราชันปิดจ็อบคว้าแชมป์สมัย 5
จบเกมเรอัล มาดริดเอาชนะไปแบบสนุก 5-3 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 5 มากที่สุดในประวัติศาสตร์
อัล ฮิลาล
Starting Formation: 4-2-3-1
10.
ลูเซียโน เวียตโต้

86'
17.
มุสซ่า มาเรก้า

86'
29.
ซาเลม อัล-ดอว์ซารี

75'
19.
อันเดร คาร์ริโญ่

75'
ตัวสำรอง
16.
นาสเซอร์ อัล-ดอว์ซารี

75'
9.
โอดิออน อิกฮาโล

86'
96.
มิคาเอล เดลกาโด้

75'
14.
อับดุลลาห์ อัล-ฮัมดาน

86'
แก้ไขล่าสุดโดย MEGITSAMA เมื่อ Sun Feb 12, 2023 04:59, ทั้งหมด 7 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ