เพจนี้อย่าไปแย้งเค้านะ เถียงเก่งชิป

แกออกตัวแล้วว่าแกไม่ถนัดเขียนถึงทีมอื่น นานๆ แกจะเขียนทีมอื่นซะที

แต่กับลิเวอร์แกเป็นแฟนบอล แกก็เขียนทุกอาทิตย์เวลาทีมแข่ง

ก็ไม่ได้อวยเวอร์วัง ก็ตามเนื้อผ้า

เคยมี ตั้งกระทู้หาตัวด้วยนิ
ใครบอกมียูสเซอร์ด้วย

เรื่องนี้ผมก็อ่าน ที่ครูได้แชมป์ใช่ไหมครับ
เนื้อหามันผิดอะไรหรอครับ ตอนอ่านรู้สึกเพลินจริงๆ

เพจ พวกเด็กๆเอาไว้อ่าน

เพจกระจอก บอกตรงๆ เขียนซะยาวเฟื้อย เนื้อหามีแค่ย้อหน้าสุดท้าย จำได้ว่าวิเคราะห์แมนยูแบบว่าไม่มีทางกลับมาได้ใน 10 ปี ลิเวอร์จะเทพแข่งกับแมนซิอีกนาน ครับพี่

ผมขำ วิเคราะห์หลังเกมส์ได้เป็นฉากๆ
ทำไมไม่วิเคราะห์ก่อนเกมส์เริ่มว้าาา
เก่งหลังเกมส์จริงจัง โคตรกระจอก

บางทีข้อมูลแกผิด แล้วคนติดตามเพจแกเยอะด้วยไง กลายเปนว่าคนก็ไปเชื่อแกทั้งๆที่ผิด ไปแย้งแกก็บล็อค/แถ แล้วก็ไม่แก้ด้วย หลังๆมานี่ก็ไม่ตามแล้ว อ่านไปก็ไม่รู้ว่าข้อมูลแกถูกไหม

อ่านเพลินจริง แต่เคยเห็นคอมเม้นที่มาแย้ง จขพ ก็แย้งกลับ แย้งไปแย้งมา บล๊อคซะงั้น

วิเคราะห์ได้แต่ฟุตบอลทีมตัวเองอ่ะ

พอไปเรื่องอื่น อย่างที่เขียนให้ WorkPoint ก็มั่วหลายเรื่อง

มั่วเยอะ เลย ตอนแรกชอบนะ ชอบมาก หลังๆ อีโก้จัด

เคยไปเถียงเรื่อง เอาหนังสือ Mark Clattenburg ที่เขียนเรื่อง โดนแฟนเชลซีคุกคาม จากกรณี มิเกล มา

เขียนซะ เหมือน Mark มันโดนทำลายชีวิต โดยแฟนเชลซี เป็นซึมเศร้า ทั้งๆ ที่ความจริง มันยังได้ไปเป่ายูโร ไม่ได้โดนความผิดไรเลย

ทั้งๆที่มันตัดสินมั่ว สสุดท้ายย้ายไปเป่า หาเงิน

เอาข้อความในหนังสือ Mark มาเขียนให้ดุว่าเชลซีเป็นผู้ร้าย มิเกล จะไปทำร้าย กรรมการ หลังจากนั้นเลิกตาม ครับ

อคติ เต็มๆ

บอกตัวเองไม่ไบแอส
แต่โครตไบแอสเลย
แซะแมนยูเป็นว่าเล่น

ติดไว้แป้บ

"แผนในช่วง 10 กิโลเมตรแรกของฝั่งเนเธอร์แลนด์ คือเก็บพลังงานเอาไว้ นักกีฬาทั้ง 4 คน ไม่มีใครรีบสปรินท์ไปข้างหน้าเลย ทั้งหมดอยู่ในแนวหลัง ค่อยๆปั่นตามกลุ่มไปเรื่อยๆ เพราะระยะทางรวมคือ 137 กิโลเมตร ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะต้องขึ้นนำ ณ ตอนนี้

แต่ในมุมกลับกัน มีนักปั่น 5 คน ที่ไม่คิดแบบนั้น พวกเธอตัดสินใจพุ่งทะยานไปเลยโดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น นั่นคือ คาร์ล่า โอเบอร์เฮาเซอร์ (แอฟริกาใต้), เวรา ลูเซอร์ (นามิเบีย), โอเมอร์ ชาปิร่า (อิสราเอล), แอนนา พลิชต้า (โปแลนด์) และ ดร.คีเซนฮอฟเฟอร์ (ออสเตรีย)

แต่พวกนักกีฬาจากชาติใหญ่ๆ อย่างเนเธอร์แลนด์, อิตาลี หรือ สหรัฐฯ ก็ไม่ได้สนใจนัก ใครอยากจะนำก็นำไปเลย เดี๋ยวแรงก็หมดไปเอง ปั่นไปเรื่อยๆ เกาะกลุ่มกันไปดีกว่า เก็บพลังไว้แล้วค่อยไปบดแซงท้ายๆ เรซก็ได้ นี่คือแนวคิดของผู้เล่นระดับมือโปร"

ปกติในการแข่งจักรยานกลุ่มหลักจะเรียกว่า peloton "เปโลตอง" เปโลตองจะขี่ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ขี่กันเป็นกลุ่มใหญ่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ตัวที่หลบอยู่หลังๆจะประหยัดแรงไปได้เยอะมาก พวกตัวเต็งก็มักจะหมกเก็บแรงอยู่ในกลุ่ม โดยที่ส่วนใหญ่ทีมของตัวเต็งมักจะเป็นตัวกำหนดความเร็วและต้องเป็นตัวนำตัวแบกต้านลมข้างหน้า ทีมอื่นๆที่ศักยภาพต่ำกว่าก็จะไม่ค่อยช่วยนำ/ต้านลม ในทางตรระกะคือตัวเต็งต้องแบก เป็นการวัดกันว่าถ้าอยากชนะอยากไปเร็วก็ต้องไปแบกต้านลมข้างหน้า ทีมอื่นๆก็มีช่วยบางตามแต่ตกลง

ส่วนพวกที่นำไปก่อนเรียกว่า breakaway
https://cyclingbeginner.com/success-rate-of-cycling-breakaway-comprehensive-analysis/
ดูจากเว็บ breakaway มีเปอร์เซนต์ ชนะ 44% แต่ถ้าแยกสเตจทางราบกับภูเขา สเตจภูเขา break away จะมีโอกาสชนะมากกว่า เพราะจักรยานส่วนใหญ่แข่งเก็บเวลา ผู้ชนะไม่จำเป็นต้องเข้าที่ 1 เพราะงั้นเสตจภูเขาตัวเต็งในเปโลตองจะชนะเวลากันเอง แต่ปล่อยพวก breakaway ที่กะลุยวันเดียวชนะไป เพราะพวกนี้วันถัดไปก็ปั่นชิวๆเข้าท้ายๆก็ไม่ซีเรียส

ประเด็นคือ แข่งระดับอาชีพ ตัว break away มีทุกสนาม วัตถุประสงคก็มีหลายแบบ break ไปนำให้สปอนเซอร์ออกทีวีก็มี ส่งตัวรอง break ไปก่อน แล้วตัวเต็งในทีม break ตามไปแล้วจะได้มีตัวช่วยก็มี
หรือ break ไปหวังชนะก็มี ยิ่งถ้าออกไปหลายตัวแล้วสามัคคีกันก็มีโอกาสรอดสูง แต่บางทีออกไปแล้วไปโจมตีกันเองต่อสุดท้ายตายหมู่ก็มี บางที break ไปแล้วเกี่ยงกัน ไม่ยอมนำต้านลม กะกินแรง กลุ่มก็แตก พวกตัวเบรกอเวย์เนี่ย ถ้าเกาะกลุ่มไปยังไงก็ไม่มีลุ้น ทีมเต็งตัวเอสของทีมโดนคุ้มกันอย่างดี ตัวนำเวลายิงสปรินต์ก็ดี ได้เปรียบมากๆตอนเข้าเส้น
อีกอย่างคือจักรยานนักปั่นมีหลายสไตล์ หลักๆคือ สปรินต์ทางราบ สายภูเขา แล้วก็ all around ถ้าไปสปรินต์หน้าเส้นสายทางราบได้เปรียบสุด อย่างโอลิมปิกเส้นชัยมันทางราบไง เพราะฉะนั้นสายสปรินต์จะมีโอกาสชนะมากกว่า ประเทศไหนมาหลายๆตัว ก็เาอตัวปีนเขาตัว all around มาช่วยลาก แล้วรอจัดสปินเตอร์สปรินต์เข้าเส้น เพราะงั้นตัวอื่นสมมติเป็นสาย all around จะให้ไปสปรินต์แข่งกับพวกสายสปรินต์มันก็ปิดประตูแพ้แน่ๆ

ตัวรองๆ ตัวโนเนม อยู่ในกลุ่มไปก็ได้แค่เข้าร่วมอ่ะ เรื่องเหรียญอย่าไปหวัง เพราะงั้นชีวิตมันต้องเดิมพัน ออกไปยังมีลุ้น เกิดโปโลตองมีล้ม มีเกี่ยงกัน เบรกไปลมไม่มา พอเปโลตองมาลมต้านดันมาไรนี้


เพราะงั้นที่ว่า
"แต่พวกนักกีฬาจากชาติใหญ่ๆ อย่างเนเธอร์แลนด์, อิตาลี หรือ สหรัฐฯ ก็ไม่ได้สนใจนัก ใครอยากจะนำก็นำไปเลย เดี๋ยวแรงก็หมดไปเอง ปั่นไปเรื่อยๆ เกาะกลุ่มกันไปดีกว่า เก็บพลังไว้แล้วค่อยไปบดแซงท้ายๆ เรซก็ได้ นี่คือแนวคิดของผู้เล่นระดับมือโปร"

ที่ว่ามั่วก็คือตรงนี้ โปรเค้าก็เบรกอเวย์กันทุกสนาม ไม่ใช่ว่าเร่งไปก่อนคือสมัครเล่น โปรฉลาดเลยเกาะกลุ่มรอหมดแรง

ตอนปี 2012 อังกฤษตัวเต็ง มีมาร์ค คาเวนดิช ตัวชอบผมเลย สปรินต์เตอร์อันดับ 1 วันนั้นเลยไม่มีประเทศอื่นยอมร่วมมือช่วยอังกฤษเลย เกี่ยงกันลาก สุดท้ายเปโลตองไล่ไม่ทัน มีอูรัน กับวิโนคูรอฟ สองตัวก็โปรทั้งคู่ breakaway หลุดไปสปรินต์เข้าเส้นสบาย คือจักรยานไม่เหมือนพวกวิ่ง มันมีแทคติกมีทีมเวิรค์มากกว่าวิ่งที่ค่อนข้างวัดศักยภาพร่างๆกายกันตัวๆ

เค้าไม่เข้าใจแทคติกจักรยาน ไปหาว่าทิ้งกลุ่มเป็นพวกสมัครเล่น