toei1 พิมพ์ว่า:
Spoil
PLATOON พิมพ์ว่า:
เอาตามประวัติศาสตร์ของสากลที่บันทึกเหตุการณ์ช่วงเวลานั้นแล้วกันนะ
ไทยเราเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ต้องเข้าด้วย
เพราะรอบๆตัวเรามีแต่ประเทศที่เป็นอาณานิคมตะวันตก ซ้ายก็อังกฤษ ขวาก็ฝรั่งเศส
แล้วไทยเป็นเอกราชไม่ดำเนินนโยบายตามชาติตะวันตก (มีความเป็นชาตินิยมมากๆตอนนั้น มากกว่าตอนนี้ด้วย)
ยิ่งช่วงนั้นผู้นำคือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่มีนโยบายชาตินิยมขึ้นมา เปลี่ยนชื่อประเทศจาก สยาม เป็น ไทย
แล้วไทยเองก็ไม่ชอบพวกเจ้าอาณานิคมเท่าไรโดยเฉพาะ"ฝรั่งเศส"
ในปี 1940 ไทยก็ทำสงครามกับฝรั่งเศส แล้วก็ได้ญี่ปุ่นมาเป็นตัวกลางในการเจรจาให้
แล้วญี่ปุ่นก็เจรจาเข้าข้างไทย ทำให้เราได้ดินแดนที่เคยเสียไปให้ฝรั่งเศสสมัย ร.5 คืนกลับมาเยอะ
เราเข้าร่วมกับญี่ปุ่นในปีต่อมาคือ 1941 เป็นหนึ่งในฝ่ายอักษะ ยอมให้ญี่ปุ่นใช้เป็นทางผ่านเพื่อโจมตี บริติชอินเดีย
โดยตอนนั้นฝรั่งเศสแพ้เยอรมันไปแล้ว อินโดจีน(เวียตนาม/กัมพูชา/ลาว) ก็โดนควบคุมโดน วีชี่ฝรั่งเศส
(วีชี่ ฝรั่งเศส คือ คนฝรั่งเศสที่ยอมแพ้เยอรมันและเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ พวกนี้หลังจบสงครามโดยประหารไปเยอะ)
ญี่ปุ่นเลยได้อินโดจีน ในฐานะเป็นฝ่ายอักษะ แล้วต้องการไปโจมตีพม่า-อินเดีย ที่เป็นของอังกฤษ
(ตอนนั้น ญี่ปุ่นได้ มาลายู สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียไปแล้ว)
สรุป ทั้งอาเซียนก็เหลือแค่ไทย กับ พม่า เท่านั้น พม่าเป็นของอังกฤษ ไทยเป็นเอกราช
ไทยจะต่อต้านญี่ปุ่นเพื่อใคร??? นั่นคือคำถาม
ในเมื่อ ทางชาติตะวันตกก็ไม่เคยมีสนธิสัญญาปกป้องอะไรกันกับไทย
ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจ 10 กว่าปีก่อนหน้านั้น บุกยึดเกาหลีได้ทั้งหมด ยึดแมนจูกั๋วทางตอนเหนือของจีน
บุกยึดกรุงนานกิงที่เป็นเมืองหลวงของจีนตอนนั้นได้
แล้วไทยจะเอาอะไรไปสู้ สู้ไปเพื่ออะไร หรือ เพื่อใคร
สู้ไม่ได้ก็เข้าร่วม เพราะมีแค่สองทางเลือกคือ
- สู้จนตาย
- เข้าร่วม
ไทยเลือกอย่างหลัง เหตุผลง่ายๆครับ ก่อนอื่นให้มองในมุมคนยุคนั้นนะครับ อย่ามองในมุมคนยุคนี้ที่มองว่าฝ่ายอักษะเป็นตัวร้าย
ยุคนั้น ไทยกับญี่ปุ่น คือมหามิตร (เป็นมาก่อนหน้านั้นและยังคงเป็นอยู่จนถึงปัจจุบัน)
ไทยกับญี่ปุ่นไม่เคยเป็นศัตรูกันเลยในประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็อยู่ฝ่ายเดียวกัน
ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเป็นมหาอำนาจ เพื่อนเก่ง เอาชนะได้ตลอด นับตั้งแต่
- เอาชนะเกาหลี ยึดมันทั้งหมด (ตอนนั้นไม่ได้แยกเหนือใต้) ล่มราชวงศ์โชซ็อนที่มีชื่อเสียงจากซีรีส์
- เอาชนะจีน บุกได้ถึงเมืองหลวง เพียงแต่ประเทศจีนมันใหญ่ ยังยึดได้ไม่หมด (ยึดเกาะไต้หวันก่อนหน้านั้นแล้ว)
- เอาชนะอังกฤษได้ที่สิงคโปร์ ยึดมาลายูได้ทั้งหมด ทหารอังกฤษยอมแพ้ 2 แสนกว่าคน
(เป็นความพ่ายแพ้ ยอมแพ้ที่มากที่สุดในปวศ.ของคนอังกฤษ เป็นสิ่งน่าละลายจนถึงทุกวันนี้)
- เอาชนะ ดัชท์ ยึดอินโดได้
และที่สำคัญในวันที่ 7 ธ.ค. 1941 ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์ และแบ่งกำลังบุกยึดฟิลิปินส์ของ สหรัฐได้
นายพล 5 ดาว อย่าง ดั๊กลาส แม็คอาเธอร์ ยังยอมรับว่าการเสียฟิลิปินส์เป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตการเป็นทหาร
แล้ววันต่อมา 8 ธ.ค. ไทยก็เข้าร่วมกับญี่ปุ่น เป็นพันธมิตร ฝ่ายอักษะ ตามที่เรารู้
ก็เพื่อนเก่ง รบชนะมาตลอด ชนะหมด ไม่ว่าเจอใคร ไม่เข้าร่วมก็ต้องโดนเพื่อนตบ
จริงๆแล้วเราควรขอบคุณบรรบุรุษไทยสมัยนั้น ที่เข้าร่วมญี่ปุ่น ทำให้ไทยไม่โดนบุก ไม่มีการนองเลือด ไม่โดนจับเป็นเชลย
- ญี่ปุ่นบุกเกาหลี คนตายเป็นล้าน
- ญี่ปุ่นบุกจีน คนตายหลักสิบล้าน
- บุก มาเลยู สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโด คนตายรวมๆกันเป็นล้าน
ญี่ปุ่นเข้ามาไทย ไม่ได้ปฏิบัติกับไทยแบบผู้พิชิต แต่เข้ามาให้ฐานะเพื่อนกัน
ผมอายุ 50 แล้ว
เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แค่ 27 ปีเอง
อยู่ทัน พวกครู หรือ อาจารย์ หรือ ผู้ใหญ่ ผู้มีชีวิตในช่วงสงครามโกลครั้งที่ 2 เล่าให้ฟัง
ไม่มีคนไหนเล่าให้ฟังเลยว่าญี่ปุ่นทำร้ายหรือทำไม่ดีกับคนไทย มีการสอนภาษาแล้วให้ขนมให้ข้าวให้นมกระป๋อง
มีการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ถนน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ
ส่วนระเบิดที่บินมาทิ้งใน กทม. และหัวเมืองใหญ่ๆ เป็นของฝ่าย สัมพันธมิตรทั้งนั้น ส่วนใหญ่ของสหรัฐ ญี่ปุ่นไม่เคยทิ้งระเบิดในไทย
(จะทิ้งได้ไง ก็ในไทยมีแต่ฐานทัพตัวเอง โกโบริ ก็โดนลูกระเบิดของสหรัฐตายนั่นล่ะ)
และขอบคุณบรรพบุรุษไทยอีกฝ่าย ที่มีชื่อว่า เสรีไทย ที่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นทั้งในอังกฤษและสหรัฐ ต่อต้านรัฐบาลไทยที่เข้ากับญี่ปุ่น
นั่นแสดงว่า ไทยเราเล่นไฮโล แทงทั้งสูงและต่ำ ฮ่าๆๆๆๆ เปิดมาจะออกอะไรเราก็วิน
การเมืองแบบ Siamese Talk คือเป็นมิตรกับทุกฝ่ายและอยู่กับผู้ชนะเสมอ
ไทยจะแค่ให้ญี่ปุ่นเป็นทางผ่านก็ได้ โดยไม่ต้องเข้าร่วมกับอักษะ (อันนี้คือหนึ่งในตัวเลือกที่ญี่ปุ่นยื่นให้มา)
แต่จอมพลป.เกิดอยากเป็นผู้ชนะสงครามร่วมกับญี่ปุ่นมั้ง อยากเป็นมหาแำนาจ อยากได้ประโยชน์ในฐานะผู้ชนะ เลยประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร (ญี่ปุ่นที่รบชนะๆคือช่วงแรกไล่ตบเด็ก ที่ยังไม่เข้าสงครามโลกแบบเต็มตัว ยังอยู๋ในช่วงล่าอาณานิคมอยู่ ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในสงครามหลังจากยุโรปเริ่มตีกันแล้วสหรัฐเข้าร่วมส่งครามคือญี่ปุ่นตั้งรับเป็นหลักแล้วค่อยๆโดนตีถอยไปเรื่อยๆ)
แล้วจริงๆเราไม่ได้แทงทั้งสองฝ่าย ส่วนใหญ่พวกที่สนับสนุนเสรีไทยกับพวกสนับสนุนญี่ปุ่นเป็นคนละพวกกัน พอจบสงครามการเมืองเลยมีการเปลี่ยนขั้วด้วย
ญี่ปุ่นไม่ได้มองไทยว่าเสมอกัน เราก็เหมือนเมืองขึ้นนั่นแหละ
ไทยเสียจากญี่ปุ่นเยอะเหมือนกัน เช่นโดนบังคับปล่อยเงินกู้แบบเหมือนเสียเงินฟรีเป็นล้านๆ แล้วได้พันธบัตรแบบไม่มีค่ากลับมาหรือไงเนี่ยแหละ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว น่าจะโดนโกยข้าวไปให้ญี่ปุ่นใช้สำหรับกองทัพด้วย
ครับ ผมอ่านจากการจดบันทึกของสากลเป็นหลัก เค้าบันทึกไว้ตรงกันตรงที่ว่า
ญี่ปุ่นนั้นปฏิบัติกับไทยดีกว่าทุกประเทศในเอเชีย เพราะไทยยอมเข้าร่วม
(แน่นอน คนในประเทศมีทั้งอยากเข้าร่วม และไม่อยากเข้าร่วม มันเป็นแบบนี้ทุกประเทศในปวศ.
คนอังกฤษไม่น้อยเลยที่เป็นนาซี เห็นด้วยกับฮิตเลอร์ / คนเยอรมันก็เยอะที่ไม่เห้นด้วยและต่อต้านฮิตเลอร์)
เกาหลีนั้นโดนเป็นเมืองขึ้นแบบเต็มรูปแบบ การปฏิบัติกับคนเกาหลีของญี่ปุ่นนี่เลวร้ายมาก ผู้หญิงเกาหลีโดนบังคับเป็นกามบำเรอทหารญี่ปุ่นเป็นแสนๆคน
ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นในไทย คนไทยไม่เคยโดนบังคับเป็นกามบำเรอแบบในเกาหลีที่เป็นเมืองขึ้นญี่ปุ่น
ส่วนคนมาลายูอาณานิคมอังกฤษก็โดนฆ่าตายเยอะ ฆ่าแบบง่ายๆ เหมือนโจรปล้นฆ่า
(เคยมีสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางช่อง History Chanel)
คนฟิลิปินส์ก็โดนกันไม่น้อย กองทัพญี่ปุ่นจะเอาอะไรก็ปล้นเอาไปเฉยๆ เพราะฟิลิปปินส์เป็นเมืองขึ้นของสหรัฐ
คนเวียตนามที่ก่อนหน้าโดนฝรั่งเศสกดขี่ ญี่ปุ่นเข้ามาก็ไม่ต่าง ข้าวที่เวียตนามปลูกได้เกือบทั้งหมดส่งให้กองทัพญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียน
ในไทยญี่ปุ่นไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น จะเอาอะไรก็ต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยน มีคนไทยที่รวยขึ้นเพราะค้าขายกับทหารญี่ปุ่นในยุคนั้น
(ตระกูลใหญ่เลยล่ะ รวยจนถึงตอนนี้เลย)
ส่วนทางรถไฟสายมรณะ ก็มีแต่แรงงานที่เป็นเชลยศึกทั้งจากชาติตะวันตกและชาติอาเซียนที่เป็นทหารอาณานิคมของชาติตะวันตก
แรงงานตายกันเป็นหลายหมื่นคน
อ้างอิงจาก:
แรงงานชาวเอเซีย ๒๐๐,๐๐๐ คน ตาย ๘๐,๐๐๐ คน เชลยศึกอังกฤษ ๓๐,๐๐๐ คน ตาย ๖,๕๔๐ คน
คนไทยไม่ได้เป็นแรงงานเชลยในการนี้ คนไทยมีร่วมสร้างทางบ้างแต่ในรูปแบบลูกจ้างหรือคู่ค้า
ผมเห็นด้วยกับท่านที่ว่า จอมพล ป. อยากมีผลประโยชน์อยากชนะ นั้นเพราะว่า
ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ยุค ร.4 - ร.5 ไทยเสียผลประโยชน์ให้กับอังกฤษและฝรั่งเศสมากมาย
สงครามไทย-ฝรั่งเศส เอาตรงๆเราชนะล่ะ และญี่ปุ่นช่วยเจรจาให้เราได้รับผลประโยชน์ที่น่าพอใจ
(อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็สร้างขึ้นเพื่อรำลึกการรบในครั้งนั้น ครั้งที่เราชนะฝรั่งเศส)
แล้วจอมพล ป. คงเล็งเห็นว่า สงครามครั้งนี้ถ้าญี่ปุ่นเยอรมันชนะ ไทยจะได้ประโยชน์อย่างมาก คงได้ดินแดนที่เสียไปสมัย ร.5 คืนมาทั้งหมด
ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นนี่แนบแน่นมากนะครับ แนบแน่นตั้งแต่สมัยอยุธยา ค้าขายกันมาตลอด
เหล้าสาเกญี่ปุ่น ก็ได้ต้นแบบเหล้ากกระแช่ จากไทยไปจนกลายเป็นเหล้าประจำชาติ (ก่อนหน้านี้นำเข้าเหล้าจากไทยไป)
แม้กระทั่งชามข้าวญี่ปุ่น ดงบุริ(Donburi )

ก็นำเข้าจากไทยสมัย ธนบุรี ไป จนกลายเป็นชามข้าวของคนญี่ปุ่น
(พระเจ้าตากสินได้ส่งเครื่องถ้วยชามกระเบื้องเคลือบแบบมีฝาปิดไปถวายจักรพรรดิญี่ปุ่น จักรพรรดิญี่ปุ่นจึงให้เกียรติเรียกว่าดงบุริตามชื่อธนบุรี )
แล้วยุคเมจิ คือจักรพรรดิเมจิของญี่ปุ่น มีอายุเท่าๆ ร.5 ของไทย ขึ้นครองราชย์ก็พร้อมๆกัน สวรรคตก็พร้อมๆกัน
และมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน (ไทยกับญี่ปุ่นขับรถฝั่งเดียวกัน เริ่มมีรถมีถนนพร้อมๆกัน ในสมัย ร.5 และ จักรพรรดิเมจิ)
และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยเราอยู่ในยุค ร.8 / ญี่ปุ่นอยู่ในยุคโชวะ (ฮิโรฮิโตะ)
ซึ่ง ร.8 เป็นหลานปู่ของ ร.5 เช่นเดียวกับ ฮิโรฮิโตะ ก็เป็นหลานปู่ของ เมจิ
เรื่องการเมืองการทหารในยุคนั้น ไทยกับญี่ปุ่น สนิทแนบแน่นกันมาก ทหารไทยจบจากญี่ปุ่นก็เยอะ
ยุทโธปกรณ์ไทยก็ซื้อจากญี่ปุ่นเยอะ สิ่งที่เราติดวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นในสมัยนั้นมาจนถึงตอนนี้ก็คือ
การใส่เครื่องแบบนักเรียน ผู้ชายตัดผมสั้นเกรียน ผู้หญิงไว้ผมยาวได้แค่คาง และการเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าที่โรงเรียน
เราเอาแบบมาจากญี่ปุ่นในสมัยนั้นมา ญี่ปุ่นเค้ายกเลิกแบบนี้ไปนานแล้ว แต่ไทยเราเองยังคงใช้อยู่
หากอ่าน ปวศ. จากฝั่งไทย เราก็จะได้ข้อมูลว่า ไทยไม่อยากเข้าร่วม ไทยโดนกดขี่ ไทยโดนเอาเปรียบ บลาๆๆๆๆ
แต่ ปวศ.จากฝั่งไทยผมอ่านแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มันเหมือนปวศ. ไทยรบพม่า พม่ารบไทย
ที่จากฝั่งไทยก็ตามที่เราเรียนๆมา แต่จากฝั่งพม่าและฝั่งที่เป็นกลาง(ฝรั่งจดบันทึก,จีนจดบันทึก) จะคล้ายๆกัน และแตกต่างจากของไทยค่อนข้างมาก
ถ้าเป็น ปวศ.ของไทยแล้วเกี่ยวกับต่างชาติด้วยผมชอบอ่านของสากลที่เป็นทางการมากกว่า บางเรื่องนี่ต่างกันโคตรเยอะ
ส่วนเรื่องเสรีไทยกับรัฐบาลจอมพล ป. ไม่ถูกกัน นี่ก็เรื่องธรรมดาของการเมืองอยู่แล้วที่ต้องมีคนเห็นต่างและยืนกันคนละฝั่ง
แต่ยุคนั้นยืนกันคนละฝั่งยังไม่ชัดเจนเท่าสมัยนี้ด้วยซ้ำไป
ของฝรั่งเศสก็มีครับตอนนั้น ฝรั่งเศสแพ้เยอรมันไปแล้ว ฮิลเลอร์ยึดปารีสได้แล้ว
รัฐบาลฝรั่งเศสยอมแพ้ไปแล้ว นายพลส่วนใหญ่ก็ยอมแพ้ไปแล้ว แต่นายพล

หนีไปอังกฤษ ไม่ยอมแพ้
จัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นที่อังกฤษ พูดออกอากาศทางวิทยุทุกวันเรียกคนฝรั่งเศสมารวมพลที่อังกฤษ ตั้งกองทัพกลับไปยึดฝรั่งเศสคืน
จนรัฐบาลฝรั่งเศสออกหมายจับ และศาลฝรั่งเศสตัดสินโทษประหารชีวิตเดอโกล และหลังสงครามจบ ท้ายสุดเดอโกลก็ได้เป็น ปธน.ฝรั่งเศส
ส่วนพวก นักการเมือง นายพล ทหาร ฝรั่งเศส จำนวนไม่น้อยที่หลังสงครามโดนประหารด้วยเครื่องกิโยติน โทษฐานทรยศต่อชาติไปเข้าร่วมกับนาซี
แต่ จอมพล ป. แค่โดนขังในเรือนจำระยะเวลาสั้นๆ และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยได้อีก
(หลังสงครามจบแค่ 3 ปีเอง เหมือนแค่โดนเว้นวรรคทางการเมือง 3 ปี)
ผู้นำที่แพ้ของฝ่ายอักษะไม่สวยซักคน
- ฮิตเลอร์ ฆ่าตัวตายในบังเกอร์
- มุโสลินี โดนประชาชนรุมฆ่า
- โตโจ ฆ่าตัวตายในเรือนจำ
- สมุนฮิตเลอร์ เกิบเบิลส์-กินยาฆ่าตัวตาย/เกอริ่ง-โดนแขวนคอ/ฮิมเลอร์-กินยาฆ่าตัวตาย)
จอมพล ป. (นายกฯเข้ากับญี่ปุ่น) กับ ปรีดี พนมยงค์(เสรีไทย)
หลังจากจบสงครามทั้งคู่ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีไทย สลับกันไป
ยิ่งของจอมพล ป. หลังสงครามนี่เป็นยาว 9 ปีเลย (พ.ศ. 2491-2500)
แต่ทั้งคู่ ผู้มีบทบาทในสงครามโลกครั้ง 2 ต่างไปตายในต่างแดน ไม่สามรถกลับไทยได้
จอมพล ป. ตายที่ญี่ปุ่น พ.ศ.2509
ปรีดี พนมยงค์ ตายที่ฝรั่งเศส พ.ศ. 2526
การเมืองไทยนี่มันซับซ้อนยิ่งกว่านิยายของ อกาธา คริสตี้ ซะอีก