อ่านแล้วสงสารคนแซะในกระทู้ก่อนเลยครับ เงิบทั้งบาง

ผมเป็นนึงที่ทำสายการเงินได้ 6 หลักตั้งแต่อายุไม่เกิน 25 (ตอนนี้เป็น CFP)

ก็เห็นคนรายได้ 500k+เป็นเรื่องปกติ จนรู้สึกว่ารายได้ตัวเองไม่ได้พิเศษอะไรเลย

ลูกค้าผมมีหลายอาชีพ รายได้ก็ 6 หลัก+ เป็นส่วนใหญ่ ด้วยนะ ไม่รู้มีใน SS ไหม 5555555

คนรายได้ 500k+ ในประเทศเราไม่ได้มีน้อยจนนับหัวได้ขนาดนั้นครับ

มันมีไม่เยอะเมื่อแทบกับประชากรทั้งหมด แต่ถ้าวัดเฉพาะใน กทม. รายได้ไปแตะระดับนี้กันพอสมควรเลย โดยเฉพาะคนที่มีพวก ค่า Commission , Incentive , Trip

โดยเฉพาะสาย Logistics คนที่ทำ Sales เงินเดือน 2 หมื่น ค่าคอม 1 ล้าน ผมเห็นเป็นเรื่องปกติเลยแม้จะไม่ได้เป็นงี้ทุกเดือน



บางคนก็นะแทนที่จะเปิดหูเปิดตาเพื่อกระตุ้นตัวเองว่าีวิตคนมันไปถึงจุดนั้นได้

คือเข้าใจแหละว่า คนที่หาว่าซุย รายได้ตัวเองคงไม่ถึง และรอบข้างไม่ว่าจะครอบครัว ญาติ เพื่อน มีคนไปถึงน้อยมากๆ จนรู้สึกว่ามันยากมากที่จะไปถึงตรงนั้น ส่งผลให้มองคนที่มากดรายได้สูงๆ เป็นคนซุย แต่ที่แท้ตัวเองนั่นแหละโลกแคบเอง

เปิดโลกเลยครับ

ชอบอย่างนึงคือ เรื่องบางเรื่องมันเป็นงานอดิเรก (ถึงบางงานต้องมีเงินก็เถอะ) มันเป็นความสนใจ ไม่เกี่ยวกับรายได้ ต้องแบบนี้สิ

แปลกสายอาชีพผมมีผู้ชายเป็นหลักเลยน่ะ แต่ไม่ค่อยเห็นใครเล่น ss เลย
โครตเหงานั่งเล่นคนเดียวในออฟฟิท

อย่าไปซีเรียสเลยครับ มันก็มีทั้งคนที่มีจริงแล้วกด ได้ไม่ถึงแต่ก็กดโหวตก็มี บางทีก็หมั่นไส้พวกแซะครับ จริงๆถ้ามีช่องโหวต 1M ผมก็จะกดให้เค้าแซะนะ 555

เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ต้องไปแซะเค้าครับ เพราะคุณเองยังบอกเลย "มันเกิดอะไรขึ้นก็ได้" แปลว่าคุณก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไม่จริง แต่การแซะไปก่อน มันก็น่าเกลียดไปหน่อยนะครับ

การที่เค้าต้องงัดสลิปมาโชว์ ผมเข้าใจเค้านะ เพราะต้องการเพิ่มน้ำหนักให้คำพูด ไม่งั้นก็เจอซุยคาเงะอีกรอบ จริงๆขนาดเอาสลิปมาโชว์ บางคนก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี

จริงๆมันก็เป็นเรื่องของทัศนคติด้วยนะครับ ว่าจะเชื่อมั้ย ผมว่าการเชื่อไปก่อนและยอมรับว่ามีคนเก่งกว่าเรา เหนือกว่าเรา เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองที่ดีเลย ถ้าคิดว่าโกหก ไม่มีทางรายได้ขนาดนี้แน่ มันก็ไม่ได้อะไรอะครับ ตัวเองก็พอใจกับสถานะปัจจุบัน ไม่เกิดความคิดที่จะอยากเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ผมงงที่คุณเอาไปโยงว่าเชื่อคนง่าย แล้วจะโดนหลอก คือมันก็แล้วแต่คุณอะว่าเชื่อแล้วจะทำไรต่อ ไม่จำเป็นที่การเชื่อคน = การโดนหลอก เสมอไปนะครับ

ถามว่ารู้แล้วได้อะไร มันคือคำถามตรงๆเลยนะความหมายตรงตัว อย่าไปคิดมาก ถ้าแซะต้องแบบตัวที่มาโควทเหยียดผม

ไม่มีคำพูดไหนว่าไม่เชื่อหรือเชื่อ และไม่เคยแผล่บคนที่บอกซุยคาเงะไปไล่อ่านดู และผมไม่เคยด่าหรือเหยียด จขม เลย

ใน ss ผมมองว่าเป็นเพื่อนทุกคนนะ ไม่อยากให้เป็นสังคมที่นัดเจอกันปาร์ตี้กันแล้วเอาเรื่องเงินเดือนมาคุยกันแค่นั้นเอง เรื่องความสำเร็จเล่าไปเถอะถือว่าเป็นแบบอย่างแนวทาง แต่ไม่ต้องถึงขั้นเอาเงินมาโชวว์ เอาหลักฐานมาโชวว์

จึงเห็นต่าง จขม แค่นี้ ส่วนใครเชื่อไม่เชื่อช่างมันเรารู้ตัวเราเองดีสุดแล้ว

รบกวนสอบถามหน่อยครับ CFP จำเป็นสำหรับงานด้านประกันชีวิตมากน้อยขนาดไหนครับ

ตอนนี้ผมพึ่งย้ายมาเป็นตัวแทนประกันบริษัทสีแดงได้ปีครึ่งครับ

ส่วนตัวตอนนี้มีแค่ IP, FChFP, CFA LV.1 ครับ กำลังคิดอยู่ว่าจะสอบ P3, P4.1-4.2 ต่ออีกดีมั้ยอะครับ

มองเฉพาะมุมการออกไปทำงานนะครับ

สมมติว่าถ้าทำงานด้านประกันอย่างเดียว เช่นเป็นที่ปรึกษาเน้นเฉพาะประกัน หรือเป็นตัวแทนทั่วไป CFP ก็มีไว้สร้างความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกระดับแหละครับ

แต่ถ้าจะเปลี่ยนวิธีการทำงานเป็น Financial Planner เต็มตัว สิ่งที่จะได้เรียนรู้ในหลักสูตร (ถ้าไม่มีคนสอนมาก่อน) เป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานมากๆครับ

เรื่องจะสอบอีกดีไหม ถ้าเลือกทำงานสายนี้ยาวๆก็ต้องมีติดไว้แหละครับ ให้ลูกค้าอุ่นใจว่าเราเป็นคนมีความรู้จริงๆ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่จะมาอ้างตัวเป็นที่ปรึกษา

ที่บอกงี้เพราะมันมีจริงๆครับลูกค้าที่ตัดสินจากใบอนุญาต ใบเซอร์ ก่อนที่จะเห็นฝีมือเราจริงๆซะอีก

แต่เรื่องความเร่งรีบก็เอาที่เหมาะสมครับ

ก่อนหน้านี้ผมก็ FChFP มาก่อน แล้วค่อยทยอยเก็บ CFP ทีหลัง

ปล.Product ประกันชื่อผมอยู่ค่ายแดงเหมือนกันครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆครับ ผมอยู่ที่เชียงใหม่ครับ ถ้ามางานสัมนาของบริษัทที่เชียงใหม่ ทักหาผมได้นะครับ