คัมแบ็คอีกแล้ว! เบนซ์,เทพอุส ซัดต่อเวลา 'ราชัน' ทิ่มหมี 3-1 ลิ่วตัดเชือก
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เรอัล มาดริด โชว์ฟอร์มคัมแบ็คได้อีกครั้งในรายการโกปา เดล เรย์ แม้จะโดน แอตเลติโก้ มาดริด บุกไปนำก่อนในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังมาได้ตัวสำรองอย่าง โรดรีโก้ ซัดตีเสมอ 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ คาริม เบนเซม่า กับ วินิซิอุส จูเนียร์ จะช่วยกันซัดคนละตุง ทำให้ทัพราชันชุดขาวแซงชนะไป 3-1 พร้อมผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้สำเร็จ
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3
23.
แฟร์ลองด์ เมนดี้

44'
6.
นาโช่

114'
8.
โทนี่ โครส

74'
15.
เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้

69'
ตัวสำรอง
11.
มาร์โก อเซนซิโอ้

74'
21.
โรดรีโก้

69'

114'
19.
ดานี่ เซบาญอส

44'
31.
มาริโอ มาร์ติน

114'
16.
อัลบาโร โอดริโอโซล่า

114'
โกปา เดล เรย์ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
พฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2566
กรรมการ เซซาร์ โซโต้
EX. เรอัล มาดริด
3
1
แอตเลติโก้ มาดริด
1-1 โรดรีโก้ 79'
2-1 เบนเซม่า 103'
3-1 วินิซิอุส 120+1'
ราชันชึดขาวในระบบ 4-3-3 แนวรุกเป็น เบนเซม่า ยืนค้ำโดยมี วินิซิอุส,บัลเบร์เด้ ที่ขยับขึ้นมายืนขนาบข้างอีกครั้ง ตรงกลางได้ตัวเก๋าอย่าง โมดริช,โครส กลับมายืนตัวจริงร่วมกับ คามาวินก้า แนวรับใช้ชุดเดิมจากเกมที่แล้วคือ เมนดี้,รูดิเกอร์,มิลิเต่,นาโช่ และ คูร์กตัวส์ เฝ้าเสา
แอตเลติโก้พักหลังมีการปรับมาเล่น 4-2-3-1 และเกมนี้ก็เช่นกัน โดยที่ โมราต้า ยืนค้ำและมี กรีซมันน์,เลอมาร์,คอร์เรอา คอยหนุน เด ปอล,โกเก้ คุมกลาง แนวรับซ้ายไปขวา เรนิลโด้,เอร์โมโซ่,ซาวิช,โมลิน่า และ โอบลัค เฝ้าเสา
• เจอกัน 6 นัดหลัง มาดริด ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1
ต้นเกมยังไม่มีจังหวะลุ้นสกอร์
เกมผ่านมาพักใหญ่แล้วทั้งสองฝั่งยังไม่มีจังหวะได้ลุ้นทำสกอร์ใส่กันเลย โดยมาดริดครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์แต่ยังพาบอลเข้าไปทำอันตรายได้ไม่มากนัก
คอร์เรอาซัดทักทายบดหลุดกรอบ
โอกาสลุ้นจบครั้งแรกในเกมกลายเป็นของแอตเลติโก้ จากจังหวะที่คอร์เรอารับบอลจากเด ปอลแล้วลองซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งเรียดหลุดกรอบไป
ราชันโดนก่อน!โมราต้าชาร์จจ่อไม่มีเหลือ 1-0 หมีนำ
แล้วทำไปทำมาประตูแรกของเกมก็มาจนได้และกลายเป็นฝั่งแอตเลติโก้ที่ช็อคแฟนบอลเจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่โกเก้ยกบอลข้ามแนวรับมาดริดให้โมลิน่าวิ่งหลุดไปทางกรอบฝั่งขวา เขาปาดไปหน้าประตูแบบไม่ลังเลให้โมราต้าโฉบมาชาร์จจ่อๆไม่มีเหลือ ราชันโดนนำก่อนอีกแล้ว
บัลเบร์เด้ส่องไกลยังเบาไป
หลังจากโดนนำราชันพยายามเร่งเกมมากขึ้นแต่ยังเจาะไม่เข้า จังหวะนี้บัลเบร์เด้ได้ช่องลองซัดไกลด้วยขวา แต่บอลก็พุ่งเรียดไปติดเซฟโอบลัคไม่ยาก
ราชันยังหาโอกาสจะแจ้งไม่เจอ
ราชันชุดขาวยังหาโอกาสจบแบบจะแจ้งไม่ได้ เช่นเดียวกับจังหวะนี้ที่บัลเบร์เด้ที่ต้องตวัดยิงเร็วด้วยขวาแต่ก็หลุดข้ามคานไปแบบไม่ค่อยได้ลุ้น
จบครึ่งแรกเป็นแอตเลติโก้ที่ฉวยโอกาสขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกยิงของโมราต้า แต่ตลอด 45 นาทีทั้งสองฝั่งแทบจะหาจังหวะยิงกันแทบไม่ได้เลยโดยที่มาดริดครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยและมีโอกาสจบแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
บัลเบร์เด้ไขว้สะกิดบางไปหน่อย
จังหวะน่าได้ประตูของมาดริด นาโช่เติมขึ้นมาได้บอลทางริมกรอบฝั่งขวาก่อนตั้งป้อมซัดเน้นๆ บอลพุ่งไปหน้าประตูแล้วบัลเบร์เด้พยายามไขว้สะกิดเปลี่ยนทาง แต่โดนบางไปนิดทำให้หลุดเสาสองไปอย่างหน้าเสียดาย ขณะที่เบนเซม่ากับวินิซิอุสก็เข้าชาร์จไม่ทัน
บัลเบร์เด้ได้ซัดอีกยังข้ามคาน
ราชันชุดขาวเริ่มบุกหนักเรื่อยๆ จังหวะนี้โมดริชแปะบอลให้บัลเบร์เด้กดด้วยขวาจากริมกรอบฝั่งขวา แต่บอลก็พุ่งแรงหลุดข้ามคานไปอีก
เบนซ์กดด้วยซ้ายยังติดเซฟโอบลัค
โอกาสน่าตีเสมอได้ของมาดริด จังหวะที่วินิซิอุสได้บอลมาทางริมกรอบฝั่งขวาก่อนที่เข้าจะโยกตัดเข้ากลางแล้วไหลขวางให้เบนเซม่าจับแล้วรีบซัดด้วยซ้ายพุ่งไปติดเซฟโอบลัค บอลกระฉอกออกมาเข้าทางวินิซิอุสแต่เขามัวแต่แต่งตัวทำให้โดนแนวรับแอตเลติโก้จิ้มทิ้งออกไป
คอร์เรอาซัดไกลตรงคูร์กตัวส์
แอตเลติโก้พยายามตอบโต้บ้าง จังหวะนี้พวกเขาบุกขึ้นมาแล้วเป็นคอร์เรอาที่ได้จบด้วยการซัดไกลด้วยซ้าย แต่บอลก็พุ่งไปตรงตัวติดเซฟคูร์กตัวส์ไม่ยาก
รูดิเกอร์ได้โหม่งแต่ยังไม่ตรงกรอบ
ราชันชุดขาวได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เป็นโครสที่รับหน้าที่เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้รูดิเกอร์ที่ถลำแล้วพยายามโหม่งเปลี่ยนทาง แต่บอลก็หลุดเสาสองไป
อ๋องหวดฟรีคิกเต็มข้อ คูร์กตัวส์ต้องปัดทิ้ง
แอตเลติโก้ได้ฟรีคิกระยะอันตรายในกรอบหัวกะโหลกเยื้องมาทางขวานิดๆ เป็นกรีซมันน์ที่รับหน้าที่สืบเท้าตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งแรงผ่านกำแพงจะเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่คูร์กตัวส์ยังผวาปัดข้ามคานไปได้
สุดจัด!โรดรีโก้โซโล่ซัด 1-1 ราชันเจ๊า
แล้วในทีสุดราชันชุดขาวก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากจังหวะความสุดยอดของตัวสำรองอย่างโรดรีโก้ เขารับบอลจากโมดริชแล้วล็อคกระชากหนีตัวประกบมาที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะโชว์พลิ้วคลึงเข้าไปในกรอบฝั่งซ้ายแล้วเลือกจิ้มเร็วด้วยขวาพุ่งผ่านมือโอบลัคเสียบเสาแรกไปแบบเด็ดขาด 1-1
อ๋องหลุดกดข้ามคาน
ตราหมีเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่พาบอลมาที่หน้ากรอบเขตโทษแล้วจังหวะสุดท้ายวิตเซลสะกิดให้กรีซมันน์หลุดไปซัดเน้นๆข้ามคาน แต่ถึงเข้าก็ไม่น่าได้เพราะภาพช้าเห็นแล้วว่าเขาถลำล้ำหน้าไปครึ่งช่วงตัว
อเซนซิโอ้ส่องไกลติดโอบลัค
ราชันชุดขาวบุกขึ้นมาแล้วได้ลุ้นบวกเพิ่มเหมือนกัน เป็นอเซนซิโอ้ที่วางเท้าซัดไกลด้วยขวาพุ่งเรียดไปติดเซฟโอบลัค
เดปายทำชิ่งหลุดยิงติดเซฟ
ช่วงทดเจ็บตราหมีมาอีกครั้ง เป็นจังหวะที่เดปายทำชิ่งหนึ่งสองกับกรีซมันน์เข้าไปทางกรอบฝั่งซ้าย เขาง้างยิงเร็วทันทีแต่ก็ยังไปติดเซฟคูร์กตัวส์
รูดิเกอร์โขกเตะมุมหลุดเสาสอง
ช่วงต้นของการทดเวลาเป็นมาดริดที่ครองเกมเข้าใส่เหมือนเดิม จังหวะนี้พวกเขาได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายที่โมดริชเปิดเข้าไปตรงกลางให้รูดิเกอร์ขึ้นโหม่งเช็ดหลุดเสาสองไป
หมีงานเข้า ซาวิชโดนเหลืองแดง
แล้วทำไปทำมาแอตเลติโก้งานเข้าเมือพวกเขาเหลือผู้เล่นในสนาม 10 คนจากการที่ซาวิชไปสไลด์กวาดคามาวินก้าเป็นใบเหลืองเหลืองแดงทันที ราชันได้เปรียบแล้ว
รูดิเกอร์ได้โขกยังหลุดกรอบ
ราชันน่าได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่วินิซิอุสได้บอลหลุดเข้าไปทางริมกรอบฝั่งซ้ายก่อนที่มีเวลาตักเข้าไปตรงกลางให้รูดิเกอร์เทคโหม่งเน้นๆหลุดกรอบ
แซงจนได้!เบนซ์ซัดโล่ง 2-1 ราชันคัมแบ็ค
หลังจากได้เปรียบตัวผู้เล่นราชันชุดขาวขึงเกมบุกต่อเนื่องจนมาได้ประตูแซงนำจากจังหวะที่อเซนซิโอ้หลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งขวาแล้วเปิดหักไปหน้าประตู เป็นวินิซิอุสที่ซัดแป้กแต่กลายเป็นดีเพราะบอลปลิ้นไปเข้าทางเบนเซม่าที่ยืนโล่งอยู่เสาสองแล้วซัดเข้าไปไม่พลาด 2-1 ทันที
เดปายได้ส้มหล่นแต่จบไม่ลง
สิบคนของตราหมีเกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะเตะมุมเข้าไปหน้าประตูแล้วบอลตกเข้าทางเดปายที่ตวัดยิงเร็วจ่อๆไปติดเซฟคูร์กตัวส์อย่างน่าเสียดาย
ราชันคัมแบ็คลิ่วตัดเลือก
จบเกมราชันชุดขาวคัมแบ็คเอาชนะไปได้ 3-1 ทำให้พวกเขาไม่แพ้ตราหมีในบ้านมาตั้งแต่ปี 2016 พร้อมกับผ่านเข้ารอบรอบงชนะเลิศได้สำเร็จ
แอตเลติโก้ มาดริด
Starting Formation: 4-2-3-1
11.
โธมัส เลอมาร์

74'
5.
โรดริโก้ เด ปอล

83'
8.
อ็องตวน กรีซมันน์

91'
6.
โกเก้

83'
19.
อัลบาโร โมราต้า

63'
10.
อังเคล คอร์เรอา

74'
ตัวสำรอง
20.
อักเซล วิตเซล

63'
4.
เจฟฟรีย์ ก็องด็อกเบีย

83'
9.
เมมฟิส เดปาย

74'
21.
ยานนิค การ์ราสโก้

74'
24.
ปาโบล บาร์ริออส

91'
17.
ซาอูล ญีเกซ

83'
แก้ไขล่าสุดโดย MEGITSAMA เมื่อ Fri Jan 27, 2023 05:48, ทั้งหมด 13 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ