จำได้ว่าริโอนี่แหละ ที่ออกมาวิจารณ์โอเล่ตรงๆ ไม่เหมือนกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆ

การทำทีมมันก็ปรุงอาหารนั่นแหละ ผู้จัดการแต่ละคนก็เปรียบได้กับเชฟ แต่ละคนก็มีสูตรตัวเอง ถนัดการรังสรรค์อาหารที่แตกต่างกันไป คราวนี้สมมุติแมนยูเป็นอาหารอย่างหนึ่ง ที่เชฟแต่ละคนมีอิสระในระดับหนึ่งที่จะใช้วัตถุดิบ เครื่องปรุง หรือวิธีปรุงตามแบบฉบับของตัวเอง เป้าหมายสูงสุดคือทำยังไงให้รสชาติถูกปากคนกิน และขายได้ ภัตตาคารถึงจะประสบความสำเร็จ

แต่คราวนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับแมนยู หลังจากเชฟใหญ่ที่ทำมานาน ทำอาหารให้อร่อยและขายดีผ่านมาหลายยุคหลายสมัยวางมือลง เจ้าของภัตตาคารที่ลองจ้างหลายคนเข้ามา เชฟทั้งมือเก๋าจากภัตตาคารอื่น พ่อครัวมือใหม่ที่เคยเป็นเด็กเสิร์ฟร้านนี้มาก่อน หรือแม้แต่อาจารย์สอนทำอาหารเคยแต่งตำราสูตร มีลูกศิษย์ลูกหาหลายคนอยู่ภัตตาคารดัง แต่คนเหล่านั้นมาทำเมนูเดียวกันขายที่ภัตตาคารแมนยู ก็ไม่เคยขายดีถึงระดับที่เชฟอาวุโสซึ่งวางมือไปนานแล้วเคยทำได้

เพราะเมนูที่เชฟเหล่านี้ทำ มันคือ 'คนละยำ'

ตอนโอเล่คุมสิบนัดแรก พี่ริโอบอก “คนที่ใช่”

ลุงโอริโอ้ คงไม่อยากจะเจ็บซ้ำๆ แบบที่เคยเป็นมาอะแหละ เลยมาปรามๆ ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรแบบนั้น

ดูดูไปก่อนไรงิ

ก็เข้าใจแกนะ

เราก็ดูอยู่...อย่างมีความหวัง

โซลชาก็คนที่ใช่ในตอนนั้นไง ไม่น่าแปลกใจ Eth ก็ใช่ตอนนี้ แต่ถ้าถ้าไม่มีแชมป์อะไร 1-2 ปี ไม่เวิร์คเดี๋ยวก็แยกทางกันไปเอง แฟนทนไม่ได้นานหรอก

เห็นด้วยกับริโอ

ตำนานทีมแต่ละคนทำไมพูดอะไรแต่ละอย่าง

เฮียยิ้มไปดันทุรังใช้คู่แมคเฟร็ด
ก็เละเทะตาทสภาพ

แกพูดโอเคอยู่นะไม่ได้ดูถูกหรือดิสเทนฮากเพียงแค่บอกว่าให้ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆไม่ใช่ก้าวกระโดดข้ามไปไกลเกิน

แกพูดผิดตรงไหนว่ะ

ตามนั้น รอดูไปเรื่อยๆเถอะ จบฤดูกาลนี้เป้นไงตามเป้าไหม ฤดูกาลหน้าจะเป็นไงอีก
พวกอวยๆก็งี้หมดตอนแรก ลุงกาวก็อวย มูก็อวย ยิ้มก็อวย รังนิคก็อวย เทนฮากก็อวย 5555

ริโอพูดมีเหตุผลน่ารับฟังนะ. อิ่มเอมได้กับผลงาน แต่อย่าเพิ่งคาดหวัง. ให้มันอยู่ตรงนั้นให้ได้เสียก่อน

ผมว่าที่แกพูดมันก็โอเคออก
เป็ฯการชม + ลดความกดดันให้ซะด้วยซ้ำ
เทนฮากเหลือเรื่องถูกแก้เกมส์นี่แหละ ปีหน้าน่าจะโดนแก้ทางบ้าง
แต่ดูแล้วแทคติกแกก็หลายกหลาย ไม่ได้เล่นบอลหน้าเดียว ประสบการณ์แกก็เยอะ น่าจะผ่านไปได้