นัดชิงปีนี้เริ่มสนุกแค่ช่วงหลังจากนาทีที่ได้จุดโทษของฝรั่งเศส ก่อนหน้านั้นเหมือนเล่นบอลแค่ครึ่งสนามไม่ได้มีความสูสีใกล้เคียงกันเลย

2005 พลิกล็อคโคตรๆ อย่างผมดูแบบทำใจไปแล้ว เจอนำไป 3-0 สู้ไม่ได้เลยสักนิด

2022 อาเจนทำได้ดีกว่าจนมาเจอประธานเป้ กลัวว่าบทมันจะให้เมสซี่ไม่ได้บอลโลก พอนำ3-2ก็คิดว่าจบ ไม่จบอีก แต่ตอนยิงจุดโทษเบาใจละตอนชูอาเมนี่โดนเซฟ

2005 อารมณ์คนดูโครตเหวี่ยง มุมมองเด็กหงส์เริ่มมาก็ดาวน์แล้ว ยิ่งดูยิ่งเจ็บเหมือนโดนเอามีดแทงแล้วบิดซ้ายที ขวาที แล้วครึ่งหลังเล่นดีแค่8นาทีนั้นแหละให้ทำอีก100เกมก็ไม่ทีทางทำได้อีก จากอาการทรุดก็กลับมายืนได้ ถึงจะยืนได้แต่หลังชนฝายกการ์ดกันอย่างเดียว ไม่มีโอกาสให้สวนเลย จนถึงดวลจุดโทษเหมือนได้กลับมาหายใจหลังจากโดนซ้อมมาเยอะ เพราะงั้น2005 มันถึงเป็นค่ำคืนที่พิเศษสำหรับเด็กหงส์

ผมได้ดูทั้งสองแมตซ์
ผมว่าแมตซ์นี้วิน ในแง่อารมณ์ร่วม
1) UCL เตะทุกปี WC 4 ปีครั้ง ความยิ่งใหญ่มันต่างกัน คนไม่ดูฟุตบอลก็ยังรู้ว่าใครชิงกับใคร
2) เป็นการส่งท้าย WC ของเมสซี่ว่าจะเติมเต็มความสำเร็จสูงสุดกับทีมชาติได้หรือไม่
3) แมตซ์นั้น 3 - 0 ครึ่งแรก ไล่ตีมา 3 - 3 ครึ่งหลัง อารมณ์มันค่อยๆไหลไป
เหมือนนำไปก่อนสามเสา แล้วบิดตาม แสงสว่างค่อยๆมา
แต่แมตซ์นี้ 2-0 เจอฝรั่งเศสยิงคืน 2 ลูกรวดติดกันจนต่อเวลา ต่อเวลายิงได้ ก้อมาเสียลูกโทษอีก
เหมือนหนีแล้วเจอตามติดๆ
4) แย่งชิงดาวซัลโวรายการ
5) จังหวะท้ายเกมส์ ฝรั่งเศสจะยิงได้ เอมี่เซฟ พออาร์เจนได้สวนคืนเลาตาโร่หัวเบี้ยว

แต่รูปเกมส์ให้แมตซ์ลิเวอร์พูลกับเอซีมิลานสนุกกว่า

ผมได้ดูทั้งสองแมตซ์
ผมว่าแมตซ์นี้วิน ในแง่อารมณ์ร่วม
1) UCL เตะทุกปี WC 4 ปีครั้ง ความยิ่งใหญ่มันต่างกัน คนไม่ดูฟุตบอลก็ยังรู้ว่าใครชิงกับใคร
2) เป็นการส่งท้าย WC ของเมสซี่ว่าจะเติมเต็มความสำเร็จสูงสุดกับทีมชาติได้หรือไม่
3) แมตซ์นั้น 3 - 0 ครึ่งแรก ไล่ตีมา 3 - 3 ครึ่งหลัง อารมณ์มันค่อยๆไหลไป
เหมือนนำไปก่อนสามเสา แล้วบิดตาม แสงสว่างค่อยๆมา
แต่แมตซ์นี้ 2-0 เจอฝรั่งเศสยิงคืน 2 ลูกรวดติดกันจนต่อเวลา ต่อเวลายิงได้ ก้อมาเสียลูกโทษอีก
เหมือนหนีแล้วเจอตามติดๆ
4) แย่งชิงดาวซัลโวรายการ
5) จังหวะท้ายเกมส์ ฝรั่งเศสจะยิงได้ เอมี่เซฟ พออาร์เจนได้สวนคืนเลาตาโร่หัวเบี้ยว

แต่รูปเกมส์ให้แมตซ์ลิเวอร์พูลกับเอซีมิลานสนุกกว่า