ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
17 December 2022 19:30 by nnan_ps
ชิงเหรียญบรอนซ์ ทุกครั้งต้องมีสกอร์ แมตช์ที่มากกว่าสองทีมอกหักเจอกัน




#SSxKMD | คืนนี้สี่ทุ่ม โครเอเชีย รองแชมป์เก่า กับโมร็อกโก จะลงสนามเตะชิงอันดับ 3 เวิลด์คัพ กาตาร์ 2022 กระแสความสนใจของทั้งสื่อมวลชนและแฟนบอลทั่วโลกค่อนข้างเงียบเหมือนปกติสำหรับการชิงเหรียญบรอนซ์ระหว่างสองชาติอกหักจากนัดตัดเชือก แถมคู่ชิงปีนี้เป็นสองชาติใหญ่ ซึ่งมีสองซูเปอร์สตาร์ ลิโอเนล เมสซี กับ คีลิยัน เอ็มบัปเป เป็นดาราชูโรงเรียกแขก

อย่างไรก็ตามเกมคืนนี้ยังมีประเด็นที่รอคำตอบอยู่บ้าง สิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาสคงแฮปปี้เอนดิ้งมากกว่าถ้าเป็นชาติแรกจากอาหรับและแอฟริกาที่ยืนแป้นอันดับ 3 เช่นเดียวกับลูกา โมดริช ที่อยากมีเหรียญบรอนซ์คล้องคอพร้อมปิดฉากฟุตบอลโลกในวัย 37 ปี กับสถิติเล่นให้โครเอเชีย 162 นัด แม้ว่าทีมชาติยังหวังให้ยอดมิดฟิลด์ลงสนามจนถึงยูโร 2024

ถ้าความปรารถนาของแฟนบอลคือการได้เห็นประตู ก็มีโอกาสเป็นจริงสูง เนื่องจากยกเว้นปี 1930 และ 1950 ที่ไม่มีการเตะเพลย์ออฟอันดับ 3 พบว่าไม่มีแมตช์ชิงเหรียญบรอนซ์ครั้งไหนที่ลงเอยด้วยสกอร์ 0-0 อีกทั้งนับตั้งแต่โปแลนด์เฉือนบราซิล 1-0 เมื่อปี 1974 แฟนบอลได้เห็นการทำสกอร์สองประตูเป็นอย่างต่ำระหว่างการแข่งขันเวลาปกติ

นับตั้งแต่ฟีฟากำหนดให้เตะชิงอันดับ 3 เมื่อปี 1934 มีเพียงสามครั้งเท่านั้นที่ลงเอยด้วยผล 1-0 คือ ชิลีชนะยูโกสลาเวียในปี 1962, เยอรมนีตะวันตกชนะอุรุกวัยในปี 1970 และโปแลนด์ชนะบราซิลในปี 1974

แมตช์ชิงเหรียญบรอนซ์ 4 จาก 7 นัดหลังสุดหรือนับจากปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา มีการทำสกอร์ 4 ประตูเป็นอย่างต่ำ รวมทั้งหมด 26 ประตู เทียบกับแมตช์อื่นๆในบอลโลกช่วงเวลาเดียวกัน (ปี 1994 ถึงปี 2018) มีแค่นัดเดียวเท่านั้นที่มีการทำสกอร์มากกว่า 4 ประตูคือ ฝรั่งเศสชนะโครเอเชีย 4-2 ในปี 2018 ที่รัสเซีย (ไม่นับเวิลด์คัพที่กาตาร์)

ในประวัติศาสตร์เวิลด์คัพ ซึ่งมีแมตช์ชิงเหรียญบรอนซ์ 19 จาก 21 ครั้ง (ย้ำ..ไม่มีการเตะในปี 1930 และ 1950) แฟนบอลได้เห็นลูกหนังซุกก้นตาข่ายรวมถึง 73 ประตู เทียบกับ 77 ประตูจากนัดชิงชนะเลิศเวิลด์คัพ 21 ครั้ง ซึ่งหากหาค่าเฉลี่ยต่อนัด ชิงเหรียญบรอนซ์ 3.84 ประตู ส่วนชิงเหรียญทอง 3.66 ประตู ... คุณต้องการประตู คุณจะได้(เห็น)ประตู ความเป็นไปได้บอกไว้เช่นนั้น

ยังมีการทำลายสถิติบอลโลกให้รอลุ้น ฮาคาน ซูเคอร์ เป็นครอบครองสถิติทำสกอร์เร็วที่สุดในเวิลด์คัพที่ 11 วินาที ซึ่งเกิดขึ้นในเพลย์ออฟชิงอันดับ 3 ระหว่างตุรกีกับเกาหลีใต้เมื่อปี 2002

ว่ากันว่า การแข่งขันรอบรองชนะเลิศมีแนวโน้มแต่ละทีมเน้นแผนการเล่นที่ค่อนข้างรัดกุม ไม่ได้ประตูก็อย่าเสียประตู ยกเว้นนัดที่ประตูแรกเกิดขึ้นเร็ว ฝ่ายตามมักเสี่ยงเปิดเกมรุกมากขึ้นและนำไปสู่การโดนยิงเพิ่ม แต่นัดชิงอันดับ 3 แม้มีเหรียญบรอนซ์เป็นรางวัล แต่มีแนวโน้มที่สองฝ่ายจะเล่นด้วยความผ่อนคลายจนแฟนบอลรู้สึกเหมือนกำลังชม exhibition match

ปูมประวัติศาสตร์ยังระบุว่า สกอร์ในแมตช์มีผลถึงตำแหน่งโกลเดนบู๊ทหรือรางวัลดาวซัลโวสูงสุดของเวิลด์คัพ ซึ่งกรณีนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้งเริ่มจาก ซัลวาตอเร “โตโต” สคิลลาชี ซึ่งยิงจุดโทษให้อิตาลีเฉือนชนะอังกฤษในศึกลูกหนัง อิตาเลีย 1990 พร้อมคว้ารองเท้าทองคำไปครอง ตามด้วยดาเวอร์ ซูเคอร์ ทีมชาติโครเอเชีย ปี 1998 และโธมัส มุลเลอร์ ทีมชาติเยอรมนี ปี 2010

อย่างไรก็ตามคงไม่เกิดที่กาตาร์เพราะดาวซัลโวสูงสุดของโครเอเชียและโมร็อกโกคือ อังเดรจ์ คามาริช และยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี ทำได้คนละ 2 ประตู ตามหลังสองจ่าฝูง เมสซีและเอ็มบัปเปถึง 3 ประตู แถมทั้งคู่ยังมีโอกาสเพิ่มตัวเลขอีกด้วย

ตบท้ายด้วยสถิติ เยอรมนีเป็นชาติที่ยืนแป้นอันดับ 3 บ่อยที่สุดคือ 4 ครั้ง ตามด้วยโปแลนด์, ฝรั่งเศส, สวีเดน และบราซิล ชาติละ 2 ครั้ง อุรุกวัยมีโอกาสลุ้นเหรียญบรอนซ์คล้องคอมากที่สุดคือ 3 ครั้งในปี 1954, 1970, 2000 แต่กลับทำได้แค่อันดับ 4 ขณะที่สเปนและอาร์เจนตินาเป็นสองชาติที่ครองแชมป์โลกแต่ไม่เคยได้เล่นนัดชิงอันดับ 3 ไม่รวมปี 1950 ซึ่งทีมกระทิงดุได้อันดับ 4 เพราะรอบชิงชนะเลิศปีนั้นแข่งแบบพบกันหมดระหว่างสี่ทีมสุดท้าย

และเหรียญบรอนซ์คล้ายเป็นโชคร้ายสำหรับชาติยุโรปที่ได้มาระหว่างสี่ทศวรรษหลังสุดได้แก่ โปแลนด์ (1982), ฝรั่งเศส (1986), อิตาลี (1990), สวีเดน (1994), โครเอเชีย (1998), ตุรกี (2002) และ เนเธอร์แลนด์ (2014) ทุกประเทศตกรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโรครั้งต่อไป

เรียบเรียง: KMD Content Team
ภาพ: BBC England
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel